บทที่ 396 โจวฝานไม่ยอมแพ้ โอกาสและวิกฤต
ฟางเหลียงเป็นจักรพรรดิสวรรค์องค์ต่อไป? เกิดอะไรขึ้น! ไม่ใช่ยอดแม่ทัพเทพหรอกหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เรื่องราวมันชักจะบานปลายเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้
หากฟางเหลียงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ เช่นนั้นสำนักซ่อนเร้นก็ชุบตัวสานความสัมพันธ์กับวังสวรรค์ใหม่ลำบากแล้ว
จักรพรรดิสวรรค์อยากฉุดเขาลงหลุมหรือไร
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวว่า “วังสวรรค์ต้องการจักรพรรดิสวรรค์องค์ใหม่ ดีที่สุดควรเป็นหุ่นเชิดหัวอ่อน ที่ทำให้กลุ่มอิทธิพลอื่นคลายความระแวงลงได้ เราจะคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุนวังสวรรค์ต่อไป ที่วังสวรรค์มีทั้งศึกนอกศึกใน ก็เป็นเพราะเราออกหน้าอยู่เสมอ”
‘เพิ่งจะมาคิดได้เอาป่านนี้เนี่ยนะ!’ หานเจวี๋ยอยากบ่นใจจะขาด แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้
เขาถามด้วยความสงสัย “ท่านเพียงแค่ยกตำแหน่งให้ ศัตรูจะวางใจหรือ”
“เราแสร้งตายได้”
“จะตายด้วยน้ำมือผู้ใดหรือ”
ลางสังหรณ์ไม่ดีก่อตัวขึ้นในใจของหานเจวี๋ย
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”
หานเจวี๋ยเกือบจะหลุดปากด่าออกไป ‘ทำไมต้องเป็นข้าอีกแล้ว! ข้าเป็นแพะรับบาปมืออาชีพหรือ’
หานเจวี๋ยกดข่มโทสะของตนเอาไว้ และกล่าว “แบบนี้จะไม่เป็นการดูถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือพ่ะย่ะค่ะ ผู้ทรงพลังที่ตายด้วยน้ำมือของเขามีมากมายนัก”
“นี่เราทำเพื่อยกย่องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเลยนะ!”
น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ได้ยินดังนั้นหานเจวี๋ยถึงกับพูดไม่ออก
หานเจวี๋ยไม่กล้าออกตัวพูดแทนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เพราะกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยตนเอง จึงได้แต่ยอมรับไปโดยปริยาย
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ย “ที่บอกก็เพื่อให้เจ้าสบายใจ จะได้ไม่ต้องกังวลยามที่รู้ข่าวว่าเราสิ้นลม”
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทโปรดระมัดระวังพระองค์ด้วย”
“อืม”
ตัดการเชื่อมต่อจิต
หานเจวี๋ยวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง และจมจ่อมอยู่ในความเศร้าตรมไร้ที่สิ้นสุด
เขาไม่อยากก้าวสู่เคราะห์กรรม แต่ทำไมโชคชะตาต้องลิขิตเช่นนี้ด้วยหนอ
แม้ว่าหานเจวี๋ยจะระแวดระวังจนเข้าขั้นขี้ขลาด แต่ถ้าใครมุ่งร้ายต่อชีวิตเขา เขาล้วนแต่ฆ่าได้ไม่เลือกหน้า
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนคิดจะทำลายล้างโลก ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเขาเช่นกัน
ต่อให้หานเจวี๋ยจะซ่อนตัวอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ ลูกศิษย์ และคู่บำเพ็ญเพียรของเขายังอยู่ในแดนเซียน หากหมื่นแดนใต้หล้าไม่หลงเหลือ ใครจะรับประกันได้ว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะไม่หมายตาแดนต้องห้ามอันธการ
หลังจากสังหารสรรพชีวิตทั้งหลายแล้ว มรรคาสวรรค์ของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะต้องยกระดับขึ้น ดวงชะตาของทั้งมรรคาสวรรค์จะหลั่งไหลมารวมอยู่ที่ตัวเขาทั้งหมด เช่นนี้แล้วจะไม่แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร
ต้องฆ่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ตายเท่านั้น!
ดวงตาของหานเจวี๋ยฉายแววมุ่งมั่น
แต่ก่อนอื่น รีบพิสูจน์ต้าหลัวก่อน!
หานเจวี๋ยหลับตา และฝึกบำเพ็ญต่อไป
…
ในจักรวาลที่สลัวและลึกลับ ดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ลุกไหม้เดือดพล่าน บนพื้นผิวของดวงอาทิตย์มีร่างหนึ่งที่เล็กกระจ้อยร่อยไม่ต่างจากกรวดทราย เขาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน ไร้หนทางเป็นอิสระ
คนผู้นี้คือโจวฝาน เขาเปลือยกาย กล้ามเนื้อแอ่นโค้งขึ้น ใบหน้าสยดสยอง เขาเผชิญกับความทุกข์ทรมานเหลือแสนเกินกว่าที่มนุษย์จะคาดถึง
ทันใดนั้นตี้หล่านเทียนก็ส่งเสียงขึ้นมา “คิดดีแล้วหรือยัง”
โจวฝานคำรามลั่น “ไสหัวไป ข้าไม่ยอมก้มหัวให้เจ้าหรอก!”
ตี้หล่านเทียนกล่าวอย่างยียวนว่า “ข้าสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย เพียงลมหายใจเดียวเจ้าก็ไม่รอดแล้ว โชคชะตาของเจ้ามันช่างโหดร้ายเหลือเกิน จะยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าสู้ฝ่าฟันมาหรือ”
โจวฝานดวงตาแดงก่ำ พลางสบถด่า “เจ้ามันจะไปรู้อะไร! ข้าสู้เพื่อลมหายใจเดียวเท่านั้น!”
ตี้หล่านเทียนนิ่งเงียบ
ตอนนั้นเอง เพลิงแท้สุริยะของดวงอาทิตย์ก็ทวีความร้อนขึ้น มันเผาไหม้ผิวหน้าของโจวฝานอย่างบ้าคลั่ง จนเขาต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ดวงตาของโจวฝานหาได้ปรากฏความหวาดกลัวไม่ มีเพียงเพลิงโทสะที่ลุกโชนขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็นึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมา
ถ้าเป็นหานเจวี๋ยเขาจะยอมแพ้หรือไม่ ไม่มีทาง! หานเจวี๋ยเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว!
ไม่เคยมีใครสั่นคลอนเจตจำนงของหานเจวี๋ยได้ เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าหานเจวี๋ยเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว แต่ต่อมาเมื่อเทพเซียนลงมายังโลกมนุษย์เพื่อกวาดล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยก็ก้าวขึ้นมาต่อสู้ วินาทีนั้น เขาก็เข้าใจในทันใดว่าหานเจวี๋ยไม่เคยขี้ขลาด เพียงแค่มีความคิดเป็นของตนเอง!
‘ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาดูแคลนได้ ข้ายังอยากเอาชนะเขาอยู่!’ โจวฝานคิดพลางกัดฟันกรอด เส้นเลือดแดงฉานผิดแปลกปูดขึ้นมาบนผิวหนัง จากนั้นก็เริ่มดูดซับเพลิงแท้สุริยะ
…
กาลเวลาผันผ่านราวกับติดปีก สี่สิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยปิดด่านฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด เพื่อมุ่งสู่ปฐมเทพขั้นหก
จนถึงวันนี้
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าสาปแช่งวังสวรรค์ ปลิดชีพเรา เราขอสาปแช่งเจ้าด้วยดวงชะตาจักรพรรดิสวรรค์ แม้ชีวิตเราจะหาไม่ ก็ไม่เสียดาย!”
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล
หานเจวี๋ยอดทึ่งไม่ได้ ช่างเป็นนักแสดงมากฝีมือจริงๆ
เขาเปิดจดหมายอ่านทันที
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านสังหารตนเอง ตัวตายมรรคผลสลาย โชคดีที่หลงเหลือเสี้ยววิญญาณในยอดสมบัติ]
เจ้าพ่อก็คือเจ้าพ่อ ปิดฟ้าข้ามทะเล[1]ย่อมทำได้
หานเจวี๋ยคาดการณ์ว่าฝนทองจะตกลงสู่หมื่นแดนใต้หล้าอีก เป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นชีพของต้าหลัว
ไม่นานหานเจวี๋ยก็ได้รับจดหมายอีกฉบับ
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ได้รับดวงชะตาจักรพรรดิสวรรค์ มรรคาสวรรค์ชี้ทางเบิกปัญญา]
ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ ด้วย!
ความรู้สึกของหานเจวี๋ยสลับซับซ้อน เขาไม่เคยคาดคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์องค์ต่อไปจะเป็นฟางเหลียง
ในความเห็นของเขามันควรเป็นยอดแม่ทัพเทพ หรือไม่ก็เฮ่าเทียนมากกว่า
หรือยอดแม่ทัพเทพจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อไม่นานมานี้
หานเจวี๋ยไม่เก็บมาคิดมากอีก เมื่อเห็นภาพประจำตัวของจักรพรรดิสวรรค์ยังอยู่ เขาก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
ในขณะเดียวกัน ทุกคนในสำนักซ่อนเร้นต่างเล่าลือกันถึงเรื่องนี้
การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสวรรค์ส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอีกด้วย
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว คนคนเดียวถล่มแดนเซียนทั้งหมดได้เชียวหรือ” ไก่คุกรัตติกาลตะโกนลั่น
มู่หรงฉี่กล่าวอย่างทอดถอนใจ “จักรพรรดิสวรรค์แข็งแกร่งมาก เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเองก็ไม่ธรรมดา”
ลี่เหยาเอ่ยถาม “หรือจะเป็นการตบตาเพื่อเลี่ยงภยันตรายกัน”
ฉู่ซื่อเหรินกล่าว “ไม่กระมัง หากจัดฉากเช่นนี้ วังสวรรค์อาจถูกทำลายดวงชะตาได้ ไม่กลัวว่าศัตรูจะได้ทีขี่แพะไล่หรือ”
คนอื่นๆ ต่างก็หารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความคิดเห็นของผู้คนแตกออกไปคนละทิศละทาง
…
หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าจะมุ่งฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจกับความเคลื่อนไหวของแดนเซียน ไม่แม้กระทั่งเข้าฝันฟางเหลียง
ฟางเหลียงไม่มีทางกลับมาแน่ ก็ในเมื่อเขาแสดงเจตจำนงเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว
ต่อให้ฟางเหลียงจะบาดเจ็บหรือล้มตายอยู่ข้างนอก หานเจวี๋ยก็ไม่สนใจ
เขาไม่เคยติดค้างบุญคุณกับฟางเหลียง ตรงกันข้ามคนที่เขาช่วยเหลือมากที่สุดก็คือฟางเหลียงด้วยซ้ำ สารพัดปัญหายิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก
หากไม่ได้หานเจวี๋ยยื่นมือเข้าไปช่วย ฟางเหลียงคงได้ตายไปไม่รู้จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เวลาผ่านไปอีกสิบเจ็ดปี
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ถูกขัดจังหวะกะทันหัน มีใครบางคนเรียกเขาจากอาณาเขตฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยครุ่นคิด และตัดสินใจลองไปเยี่ยมเยือนเต้าจื้อจุนสักหน่อย
ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คงไม่ต้องส่งโอกาสวาสนาไปอีกแล้วใช่หรือไม่
เมื่อไปถึงอาณาเขตฟ้าบุพกาลอันมืดสลัว หานเจวี๋ยก็พบเข้ากับเงาร่างของเต้าจื้อจุน ทั้งสองคนยังไม่มีโอกาสได้เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
นอกจากเต้าจื้อจุน ยังมีร่างร่างหนึ่งอยู่ด้วย
‘หืม คนใหม่หรือ’
เต้าจื้อจุนกล่าว “ผู้นี้คือสหายเต๋าที่เพิ่งปลุกคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลขึ้นมาได้ มาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์”
หานเจวี๋ยมองสำรวจคนผู้นี้ เนื่องจากมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน จึงทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง
หานเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก
บุตรแห่งสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ดูจะพูดไม่ค่อยเก่งนัก จึงไม่ค่อยปริปากพูดเท่าไร
“ครั้งนี้…” เต้าจื้อจุนเอ่ยปาก
“คงไม่ใช่เพราะโอกาสวาสนาอีกแล้วใช่หรือไม่” หานเจวี๋ยโพล่งถามขัดจังหวะ
เต้าจื้อจุนรู้สึกกระดากอาย
หานเจวี๋ยหนังตากระตุก ‘หรือว่าจะจริง’
เขารีบไปจากอาณาเขตฟ้าบุพกาลทันที
เต้าจื้อจุนเงียบงัน
บุตรแห่งสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “เขาไม่เห็นหัวเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขาเป็นใครน่ะ บ้าไปแล้ว!”
เต้าจื้อจุนแสร้งกระแอมไอและกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปหาเขาสองครั้ง เขาล้วนปฏิเสธข้าทุกครั้ง ครั้งสุดท้ายข้าก็ยังพึ่งพาเขาให้ช่วยหลบหนี จนเขาคิดว่าโอกาสวาสนาของข้าเป็นสิ่งอันตราย”
บุตรแห่งสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์นิ่งเงียบไป
ผ่านไปนาน บุตรแห่งสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์เอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ขออภัย ศิษย์พี่เต๋า ข้าก็ไม่ไปแล้ว”
เต้าจื้อจุน “…”
เขากระแอมไอ แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ครั้งนี้ไม่เป็นอันตรายแน่นอน”
“แล้วถ้าเป็นล่ะ”
“เราก็อาศัยอาณาเขตฟ้าบุพกาลเรียกสหายเต๋าคนเมื่อครู่มาช่วยเหลือเราอย่างไรเล่า”
“นี่เจ้าจริงจังใช่หรือไม่”
………………………………….
[1] กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล (瞒天过海) เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก เป็นการใช้ยุทธวิธีในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เข้มแข็งกว่าควรใช้วิธีนบน้อมถ่อมตน ปฏิบัติตนอย่างนอบน้อมทำให้ศัตรูเกิดความเหลิงลำพอง หย่อนคลายความระมัดระวัง แล้วจงรอคอยจนกระทั่งได้จังหวะและโอกาสเหมาะสมจึงรุกเข้าโจมตีให้พินาศย่อยยับ