ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 397 จักรพรรดิสวรรค์ฟาง ความประทับใจของบรรพชนเต๋า

บทที่ 397 จักรพรรดิสวรรค์ฟาง ความประทับใจของบรรพชนเต๋า

เมื่อกลับมาถึง หานเจวี๋ยก็คิดในใจเงียบๆ ‘เมื่อครู่คนที่ปลุกคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลขึ้นมาคือใครกัน’

ต้องรู้จักอีกฝ่ายให้ชัดเจนก่อน หากเป็นศัตรูจะได้ฆ่าทิ้งแต่เนิ่นๆ

แต่ถ้าไม่ใช่ศัตรู ต่อไปจะได้ระวังไว้ ไม่ไปหาเรื่องให้ผิดใจกัน

[จำเป็นต้องหักอายุขัยแปดสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

แค่แปดสิบล้าน ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคิด อย่างดีที่สุดก็คงเป็นตบะระดับเทพ

ตัวอักษรแถวหนึ่งลอยขึ้นมาเบื้องหน้าของหานเจวี๋ย

[จ้าวเซวียนหยวน: ปฐมเทพขั้นสาม ทายาทจักรพรรดิมนุษย์ ศิษย์อริยะ เมื่อยามเกิดเขาถูกหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของจักรพรรดิมนุษย์ผู้หนึ่ง ผ่านการเปลี่ยนแปลงจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ วิวัฒนาการไปสู่คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ดวงชะตาแข็งแกร่ง เป็นจักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สวรรค์ลิขิต]

‘ศิษย์อริยะ! พื้นเพไม่ธรรมดา! ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะกลายเป็นเจ้าพ่อแห่งยุคต่อไป’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดในใจ ไม่ได้บังเกิดความรู้สึกพิเศษใดๆ ขึ้นมา

ปฐมเทพขั้นสาม ธรรมดา ตราบใดที่ตบะต่ำกว่าเขา ก็อย่าหวังว่าจะเอาชนะเขาได้!

การฝึกบำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ ทำให้หานเจวี๋ยพอจะมั่นใจในจุดนี้อยู่บ้าง

นับประสาอะไรกับคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล เขามีถึงคุณสมบัติกายดาราอนธการเชียวนะ!

แข่งกันในแนวตั้ง ยากจะเอาชนะเจ้าพ่อได้ แต่แข่งกันในแนวนอน จะไปกลัวอะไร

ในระดับเดียวกัน คุณสมบัติและการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยนั้นไปเร็วที่สุด!

เว้นเสียแต่มรรคาสวรรค์จะใช้เส้นสาย!

หานเจวี๋ยหลับตา และฝึกบำเพ็ญต่อไป

ต้องไปถึงปฐมเทพขั้นขั้นหกให้ได้ภายในสามร้อยปี แล้วค่อยทะลวงระดับต้าหลัว!

อีกด้านหนึ่ง

สถานการณ์ในแดนเซียนเกิดการเปลี่ยนแปลง การสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสวรรค์นำมาสู่การปฏิวัติวังสวรรค์ เทพเซียนจำนวนไม่น้อยละทิ้งวังสวรรค์ ผ่านไปไม่นาน จักรพรรดิสวรรค์ฟางเหลียงที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ก็กลายเป็นตัวตลก เพราะเขาเป็นเพียงจักรพรรดิเซียนเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน สรรพชีวิตทั้งหลายก็เริ่มดูแคลนวังสวรรค์

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ผู้คนในปวงสวรรค์หมื่นโลกาหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง

สิบเจ็ดปีถือเป็นเวลาที่ยาวนานในโลกมนุษย์ แต่ในแดนเซียนนั้นกลับแสนสั้น

ฟางเหลียงที่เพิ่งรับตำแหน่ง กำลังร้อนรนใจว่าจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่ดีได้อย่างไร

ณ พระราชวังเทียมเมฆา

เทพเซียนร่วมชุมนุมกัน ทั้งหมดล้วนประจันหน้ากับฟางเหลียงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ เขาสวมฉลองพระองค์ของจักรพรรดิ บรรยากาศเริ่มมาคุ

หลี่เต้าคง หลี่เสวียนเอ้า จี้เซียนเสิน หวงจี๋เฮ่า ยอดแม่ทัพเทพ แม่ทัพเทพสวรรค์ แม่ทัพเทพยุทธ์และคนอื่นๆ นับร้อย ยืนอยู่ในท้องพระโรง

จี้เซียนเสินส่งสายตาให้กำลังใจฟางเหลียง

ฟางเหลียงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “เราขึ้นเป็นจักรพรรดิครั้งแรก ประจวบเหมาะกับมหาเคราะห์ที่มาถึง จากนี้ไปเราจะปรึกษาทุกๆ เรื่องกับเทพเซียนทุกท่าน วังสวรรค์คือผู้ควบคุมมรรคาสวรรค์ตลอดไป และจะปกป้องสรรพชีวิตยึดถือเป็นปณิธานของตน!”

เทพเซียนคุกเข่าลงทีละคน พร้อมกล่าวสรรเสริญองค์เหนือหัว

มีเพียงสองคนที่ไม่ได้คุกเข่า ก่อนหน้านี้ยามเข้าเฝ้าจักรพรรดิสวรรค์ พวกเขาก็ไม่เคยคุกเข่าลงสักครั้ง เพราะถือว่าพวกตนไม่ใช่คนของวังสวรรค์ เพียงแต่ให้การช่วยเหลือวังสวรรค์เท่านั้น

“ตอนนี้วังสวรรค์ควรรักษาเสถียรภาพของอาณาเขตที่อยู่และหยุดสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เทพเซียนควรจะปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็ไม่ควรตั้งตนเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เทพเซียนไม่ใช่ทรราชกระหายเลือด”

ฟางเหลียงพูดต่อ ซึ่งคำพูดดังกล่าวก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมา

การเปิดสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นพระบัญชาจากจักรพรรดิสวรรค์องค์ก่อน แต่ถูกยกเลิกทันทีที่ฟางเหลียงขึ้นครองราชย์แทน ดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าของหลี่เต้าคงเปื้อนยิ้ม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เทพเซียนเทพเซียนไม่น้อยต่างก็จ้องมองมาที่เขา

หลี่เต้าคงเป็นคนแรกที่สนับสนุนสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์

“ข้าเห็นด้วย ตอนนี้เราส่งคำเตือนให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์มามากพอแล้ว นิกายเหรินขอสนับสนุนพระบัญชาของจักรพรรดิสวรรค์ฟาง!”

ทันทีที่หลี่เต้าคงเอ่ยขึ้น คำพูดของเขาก็ทำให้เทพเซียนจำนวนไม่น้อยตกตะลึงกันสุดขีด

เหตุใดจู่ๆ นิกายเหรินถึงได้ย้ายข้างล่ะ

เดี๋ยวก่อน! หรือว่าจะ…

สายตาของเทพเซียนที่มองฟางเหลียงและหลี่เต้าคงต่างไปจากเดิม

มิน่าฟางเหลียงถึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ที่แท้ก็มีหลี่เต้าคงคอยหนุนหลังนี่เอง จักรพรรดิสวรรค์วางแผนจะผูกนิกายเหรินและวังสวรรค์เข้าเป็นพวกเดียวกัน จึงได้เลือกฟางเหลียงสินะ

เพียงชั่วขณะ เหล่าเทพเซียนก็ไม่กล้าดูแคลนฟางเหลียงอีกต่อไป

ฟางเหลียงสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ภายในกลับรู้สึกแปลกใจมากทีเดียว

เดิมทีเขาคิดว่าหลี่เต้าคงน่าจะจัดการได้ยาก แต่ไม่คิดเลยว่าหลี่เต้าคงจะสนับสนุนเขา!

นี่มันเรื่องอะไรกัน

เป็นฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์หรือ

สามสิบปีผ่านไป

หานเจวี๋ยเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา จึงเข้าฝันจักรพรรดิสวรรค์ เขารู้สึกว่าการที่จักรพรรดิสวรรค์บอกความจริงเรื่องแกล้งตายกับเขา มีเจตนาแอบแฝงที่จะทดสอบเขา

ไม่นานทั้งสองก็เข้าสู่แดนความฝัน

เมื่อเห็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ จักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มีทีท่าตกใจแต่อย่างใด

หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นประชดประชัน “เจ้าคิดว่าเจ้าจะซ่อนตัวจากข้าด้วยการแกล้งตายได้หรือ”

จักรพรรดิสวรรค์ถามกลับ “แล้วเจ้ามองออกได้อย่างไร”

“ตอนแรกจู่ถูก็แกล้งตายเช่นกัน แต่ข้าทำให้มันได้ตายสมใจ” หานเจวี๋ยกล่าวเป็นนัยลึกลับ

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของหานเจวี๋ย ด้วยตบะระดับจู่ถู ถูกสาปแช่งจนถึงแก่ความตายก็น่าสงสัยอยู่พอสมควร

ทว่าผ่านมาเนิ่นนาน ก็ไม่เห็นดวงชะตาของจู่ถูปรากฏขึ้นอีก

มีความเป็นไปได้ว่าจะตายแล้วจริงๆ มีข่าวลือว่าพบเห็นจู่ถูอยู่ที่แดนชำระบาปเก้าขุม แต่เขาคิดว่าเป็นกลอุบายของเผ่าเทพอีกาทองเพื่อล่อวังเทพเข้าไปติดกับ

และเรื่องราวก็เป็นเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญแห่งวังเทพเข้าไปในแดนชำระบาปเก้าขุมและไม่ได้กลับออกมาอีกเลย

จากคำบอกเล่าของเหล่าศิษย์นิกายเจี๋ย พวกเขาล้วนถูกเผ่าเทพอีกาทองสะกดเอาไว้ทั้งหมด

จักรพรรดิสวรรค์หรี่ตาลง และกล่าว “เจ้าคิดจะปลิดชีพเราหรือ”

“ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่อยากสังหารข้า”

“แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด”

“ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นเบี้ยของข้า!”

นี่คือสิ่งที่หานเจวี๋ยคิดเอาไว้ หากไม่สร้างแรงจูงใจให้แก่เขา ไม่ช้าก็เร็วจักรพรรดิสวรรค์ก็จะคิดเชื่อมโยงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเข้ากับตัวเขา และจะลอบทำร้ายเขาต่อไป

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว เพลิงโทสะลุกโชนในดวงตา

หานเจวี๋ยกล่าว “อันที่จริงข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า อยากจะปกป้องมรรคาสวรรค์อันรุ่งโรจน์ที่บรรพชนเต๋าสร้างขึ้น เจ้าเป็นเบี้ยของข้า ยังดีกว่าเป็นเบี้ยของอริยะ”

สีหน้าของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หานเจวี๋ยทิ้งคำพูดไว้และสิ้นสุดการเข้าฝันทันที

“บางครั้ง คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าก็ไม่น่าไว้ใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องของมรรคาสวรรค์เช่นนี้”

หลังสิ้นสุดการเข้าฝัน หานเจวี๋ยก็รู้สึกพอใจในตัวเองอย่างยิ่ง

บรรพชนเต๋าเป็นจุดอ่อนของจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ เพื่อบรรพชนเต๋าแล้ว จักรพรรดิสวรรค์กล้าที่ลุกขึ้นมาต่อกรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจนถึงที่สุด

มาถึงขั้นนี้แล้ว จักรพรรดิสวรรค์ก็น่าจะเห็นพ้องในบางเรื่องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้วสินะ

[บรรพชนเต๋าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

ตัวอักษรที่เด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งตัวโยน

เขารีบตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ทันที

ภาพประจำตัวของบรรพชนเต๋าเป็นภาพสีดำสนิท โดดเด่นท่ามกลางภาพประจำตัวของสหายคนอื่นๆ

[บรรพชนเต๋า: ไม่ทราบตบะ เทพมารฟ้าบุพกาล ผู้ให้กำเนิดมรรค เจตจำนงมรรคาสวรรค์ บรรพจารย์แห่งอริยะ ดวงจิตนิรันดร์ นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น เจ้าแห่งความไร้ขอบเขต ให้กำเนิดวัชระนับล้าน ได้ยินแผนการที่ท่านทำเพื่อเขาผ่านเจตจำนงของมรรคาสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

เรื่องนี้ทำให้หานเจวี๋ยแทบหยุดหายใจ

‘มันจะเทพเกินไปแล้ว!’

หานเจวี๋ยเข้าฝันก็ถูกบรรพชนเต๋าจับได้หรือ หรือว่าทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในสายตาของบรรพชนเต๋า ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งขนลุก

นี่ขนาดแค่เศษเสี้ยวเจตจำนง ยังน่ากลัวขนาดนี้ ตัวจริงจะขนาดไหน

แต่โชคดีที่บรรพชนเต๋าประทับใจในตัวเขา ไม่ได้เกลียดชัง

ในทางกลับกัน…บรรพชนเต๋าชอบฟังคำเยินยอหรือ

ผิดแล้ว! ขณะที่บรรพชนเต๋ากำลังสนใจจักรพรรดิสวรรค์อยู่นั้น ก็บังเอิญได้ยินถ้อยคำที่จริงใจของเขา

เมื่อมองจากมุมมองของมรรคาสวรรค์ สิ่งที่หานเจวี๋ยทำลงไปก็เพื่อปกป้องวังสวรรค์ ปกป้องกลุ่มอิทธิพลที่บรรพชนเต๋าสรรสร้างขึ้นมา

เมื่อคิดได้ดังนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่รู้สึกกดดันอีก

เขาไม่ได้สังหารบรรพชนเต๋าสักหน่อย จะกลัวอะไร

ต่อไปต้องระวังไม่ให้เหล่าศิษย์พูดจาพล่อยๆ อีก บรรพชนเต๋ายังมีชีวิตอยู่!

แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเจตจำนง แต่ก็เป็นถึงบุคคลที่อยู่เหนือจินตนาการ!

…………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset