บทที่ 420 แบ่งฝ่าย จักรพรรดิหยกกลายเป็นมารสวรรค์
ได้ฟังคำพูดของไท่ซู่เทียนแล้ว หานเจวี๋ยก็อดนึกถึงภาพวิวัฒนาการจุดจบของมหาเคราะห์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ จู่ถูที่วิ่งโร่ไปยังวังหนี่ว์วา ป่าวร้องว่าตนถูกหลอกใช้ ถูกหลอกลวง และคิดจะล้างแค้นอริยะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพวิวัฒนาการครั้งนั้นเป็นดั่งเงามืดในใจหานเจวี๋ยมาตลอด ทำให้เขาไม่อาจเชื่อใจอริยะแห่งวังหนี่ว์วาผู้นั้นได้อย่างเต็มที่
อีกอย่างเขาไม่อยากเป็นอริยะมรรคาสวรรค์
มองปราดเดียวก็รู้ว่าเก้าอริยะมรรคาสวรรค์เป็นหุ่นเชิดให้กับมรรคาสวรรค์ มิฉะนั้นคงไม่มีนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น ดวงจิตนิจนิรันดร์ หรือดวงจิตมหามรรคเกิดขึ้นมาเป็นแน่
หานเจวี๋ยจะไม่ตัดสินจากนิยายลวงโลก หรือตำนานปรัมปราที่ตนเคยมาอ่านอีก อย่างไรเสียตั้งแต่กำเนิดมรรคาสวรรค์มาจนถึงทุกวันนี้ ก็เกิดมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาแล้วหลายสิบครั้ง และมีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นมาจำนวนมหาศาลนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ไม่อาจรับปากไท่ซู่เทียนได้!
หานเจวี๋ยไตร่ตรองก่อนจะกล่าว “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าต้องคิดทบทวนเสียก่อน”
ไท่ซู่เทียนพยักหน้า “ได้สิ หากเจ้าไตร่ตรองดีแล้ว สามารถบอกข้าผ่านสิงหงเสวียนได้ทุกเวลา”
“อืม”
ทั้งสองคนตกสู่ความเงียบ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
หานเจวี๋ยแสร้งกระแอมไอครั้งหนึ่ง “ขอเวลาส่วนตัวให้เราสองสามีภรรยาหน่อยได้หรือไม่”
สิงหงเสวียนได้ยินดังนั้น ก็จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที
คำว่าสามีภรรยาทำให้นางรู้สึกดีใจถึงที่สุด
ไท่ซู่เทียนหายตัวไปทันที โดยไม่พูดให้มากความ
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘แดนความฝันแห่งนี้ยังมีบุคคลที่สามสอดแนมอยู่หรือไม่’
[พลังวิเศษนี้เป็นพลังวิเศษแห่งมหามรรค มีเพียงผู้ที่เข้าฝัน หรือผู้ที่อยู่เหนือมหามรรคเท่านั้นจึงจะสามารถสอดแนมได้]
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาเอ่ยถาม “ที่นางพูดมาเมื่อครู่ เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
สิงหงเสวียนหันซ้ายหันขวา ก่อนจะถ่ายทอดเสียงว่า ‘ไม่น่าเชื่อถือ!’
หานเจวี๋ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หญิงสาวคนนี้ระแวดระวังตัวจนถึงขั้นที่อยู่ในแดนความฝันก็ยังใช้วิธีถ่ายทอดเสียง
หานเจวี๋ยเองก็ถ่ายทอดเสียงเช่นกัน “เช่นนั้นแล้วเจ้ายังไม่รีบกลับมาอีกหรือ”
“กลับอย่างไรเล่า จะไปหาท่านได้ที่ใด”
“เจ้ามุ่งหน้าไปยังห้วงอากาศว่างเปล่า ข้าจะหาวิธีไปพบเจ้าเอง”
“เจ้าค่ะ”
“อย่าไปแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะ หาโอกาสและข้อแก้ตัวหลบเลี่ยงสายตาของไท่ซู่เทียนด้วย”
“ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนี้ข้าถนัดนัก”
หลังจากหารือกันแล้ว ทั้งสองก็ตีหน้าซื่อแสร้งไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน ราวกับมีใครกำลังสอดแนมพวกเขาอยู่จริงๆ
…
กลับสู่โลกความจริง หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น
ต่อไปไม่สามารถเข้าฝันใครง่ายๆ ได้อีก อริยะอาจจะคำนวณถึงตัวเขาได้ตลอดเวลา!
แต่โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นเพียงไท่ซู่เทียน หากเผชิญหน้ากับอริยะขึ้นมา หานเจวี๋ยคงปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้
“มหาเคราะห์ครั้งนี้ท้ายที่สุดแล้วจะไม่ลุกลามจนกลายเป็นสงครามของอริยะหรือ”
หานเจวี๋ยพึมพำ หากเป็นเช่นนั้นจริง แดนเซียนคงไม่รอด
แดนเซียนแดนต่อไปคงไม่ใช่แดนชำระบาปเก้าขุมใช่หรือไม่
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
แดนชำระบาปเก้าขุมเป็นสถานที่ที่กลุ่มอิทธิพล สิ่งมีชีวิตต่างมาหลบเลี่ยงเคราะห์กันที่นี่ อริยะแค่เทแรงกรรมในแดนชำระบาปเก้าขุมทิ้ง เพียงเท่านี้ก็ได้ดินแดนแห่งใหม่แล้ว
หานเจวี๋ยรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที จึงไม่คิดถึงมันต่ออีก
ฝึกบำเพ็ญไปตามวิถีจะดีกว่า
ช่วงเวลาหนึ่งหลังจากนั้น ก็มีสหายของเขาเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์บ้าง วังสวรรค์บ้างเป็นระยะๆ
ยี่สิบปีต่อมา นอกจากคนในสำนักซ่อนเร้นแล้ว สหายของหานเจวี๋ยต่างก็แบ่งพรรคพวก แบ่งเป็นฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ และฝั่งวังสวรรค์
ตอนนี้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้วเรียบร้อย ต่อไปก็ถึงคราวของสงคราม!
หานเจวี๋ยก่นด่าในใจ
มหาเคราะห์ที่ตกลงกันไว้กินเวลาถึงหมื่นปี หรืออาจจะยาวไปถึงล้านปีกันแน่ นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่พันปี จะรวบรัดตัดตอนเข้าสู่ช่วงตัดสินแล้วหรือ คงจะไม่กระทบถึงแดนต้องห้ามอันธการใช่หรือไม่
หานเจวี๋ยจำต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการเพื่อซักถาม
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[ไม่]
‘เยี่ยม! เฉียบขาด ตอนนี้ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว!’ หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจ เหมือนได้เกิดใหม่หลังหายนะพ้นผ่าน
เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน และอ่านจดหมายไปด้วยในขณะเดียวกัน
ทันใดนั้นเขาก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านถูกสับเปลี่ยนวิญญาณกับดวงจิตประหลาดขั้นรอง วิญญาณถูกสะกด]
‘อะไรนะ’ หานเจวี๋ยรู้สึกเดือดดาลอย่างยิ่ง
เขาจำได้ว่าดวงจิตประหลาดขั้นรองถูกคนของต้าจิ่วเทียนชิงไป คนผู้นี้เป็นครึ่งอริยะ
หรือว่าผู้ทรงพลังลึกลับที่คอยช่วยเหลือจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็คือต้าจิ่วเทียน?
รนหาที่ตายแท้ๆ!
หานเจวี๋ยทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนที่เขาจะเติบใหญ่ จักรพรรดิสวรรค์ยอมเขาทุกอย่าง ไม่ว่าเขาต้องการอะไร จักรพรรดิสวรรค์ก็สรรหามาให้ เขาจะปล่อยให้จักรพรรดิสวรรค์ต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้หรือ
ก่อนอื่นใช้อายุขัยสองแสนล้านปีกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเสียก่อน!
แล้วค่อยใช้อายุขัยสามแสนล้านปีกับต้าจิ่วเทียน!
อายุขัยเพียงห้าแสนล้านปีสำหรับหานเจวี๋ยผู้มีอายุขัยกว่าแสนล้านล้านปีนั้น ไม่ต่างอะไรจากเม็ดฝนที่ตกปรอยๆ เท่านั้น ใช้เลขศูนย์อย่างไรก็ใช้ไม่หมด!
ห้าวันต่อมา
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง เขาจ้องมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติตาเขม็ง
อายุขัยแสนล้านปีถูกผลาญทิ้งอย่างรวดเร็ว!
…
ภายในพระราชวังลึกลับแห่งหนึ่ง จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น สีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวอย่างยิ่ง
ต้าจิ่วเทียนอยู่ข้างๆ จักรพรรดิสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์สภาพผิดไปจากปกติ ดวงตาสองข้างสีดำทะมึน เรือนผมหงอกขาว ร่างของเขาแน่นิ่งราวกับหุ่นไม้ ไม่ขยับเขยื้อน
ต้าจิ่วเทียนเดินไปเดินมารอบตัวจักรพรรดิสวรรค์ บางครั้งก็พยักหน้ากับตนเองเป็นครั้งคราว ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ในตอนนี้เอง
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็ลืมตาขึ้น และกรีดร้องออกมา”ช่วยข้าด้วย!”
พรูด…
เขากระอักเลือดสีทองออกมา เผาไหม้พื้นเบื้องล่างจนเป็นหลุมขนาดใหญ่
ต้าจิ่วเทียนหันไปมองเขา ขมวดคิ้วแน่น
สายตาของเขาฉายแววเบื่อหน่ายออกมา
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนถูกสาปแช่งมาตั้งหลายครั้ง และทุกครั้งก็ต้องร้องขอให้เขาช่วย
ต้าจิ่วเทียนอยากให้คนผู้นี้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ไอ้คนไร้ประโยชน์ ทำงานไม่สำเร็จไม่พอ ยังเป็นภาระเสียอีก!
เขาแอบก่นด่าในใจ แต่ถึงกระนั้นก็อ้อมมาด้านหลังของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนและรักษาให้อยู่ดี
ไม่นานสีหน้าของต้าจิ่วเทียนก็เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
แรงสาปแช่งทรงพลังนัก!
เขาสัมผัสถึงความเคียดแค้นของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แรงสาปแช่งนี้เป็นดั่งทะเลคลั่ง ที่พร้อมจะฉุดจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้จมดิ่ง
แย่แล้ว!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องการจะสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ถึงแก่ความตาย!
แม้ว่าการสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนให้ตกตายได้นั้นจะยากเย็นอย่างยิ่ง แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มรรคผลจะสั่นคลอน พลังมรรคเสื่อมถอย จนกระทั่งธาตุไฟเข้าแทรกและกลายเป็นมารสวรรค์
ต้าจิ่วเทียนช่วยเขาอย่างเต็มที่ แต่แรงสาปแช่งยังคงเพิ่มพูน!
‘หยุดไม่ได้! บัดซบ! จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกำลังจะตายแล้ว!’
สีหน้าของต้าจิ่วเทียนบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดอย่างยิ่ง
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นฉับพลัน แล้วส่งเสียงคำรามลั่นอย่างโกรธแค้น
“อ๊ากกก”
เสียงร้องโหยหวนนี้ดังไปทั่วหมื่นแดนใต้หล้า สรรพชีวิตทั้งหลายต่างรับรู้ถึงความอาฆาตในน้ำเสียงของเขา
กายเนื้อของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนระเบิดเป็นจุณ ดวงวิญญาณสลายกลายเป็นเพียงหมอกสีดำ
ต้าจิ่วเทียนสีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากรีดร้องออกมา “ไอมาร! เป็นไปได้อย่างไร!”
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
คนผู้นี้หันไปพึ่งบรรพชนมารจริงๆ! รนหาที่ตายแท้ๆ!
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนที่กลายสภาพเป็นหมอกสีดำพุ่งตัวไปยังต้าจิ่วเทียน และคำรามลั่น”ในเมื่อข้าตายไปแล้ว ก็จะลากเจ้าไปตายด้วยเช่นกัน! ต้าจิ่วเทียน! เจ้าต้องไม่ตายดี!”
ต้าจิ่วเทียนแอบก่นด่าว่าคนผู้นี้เสียสติไปแล้ว พลางยกมือขึ้นร่ายวิชาเพื่อต่อต้าน
…
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่านกายเนื้อดับสูญ ดวงวิญญาณถูกบรรพชนมารกลืนกิน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
เมื่อเห็นจดหมายฉบับนี้ หานเจวี๋ยก็ถอนหายใจโล่งอก
‘ครั้งนี้เล่นเอาใจสั่นเลย’
เขาผลาญอายุขัยไปถึงสามแสนปีโดยไม่คิด ทำเอามือที่ถือหนังสือแห่งความโชคร้ายพลอยสั่นระริกไปด้วย
‘ถลุงไปเยอะเลย! จักรพรรดิสวรรค์ ข้าทำเต็มที่แล้วจริงๆ พะย่ะค่ะ’
ดวงตาของหานเจวี๋ยฉายแววคมกริบ
‘มันยังไม่จบ! ต่อไปถึงตาของต้าจิ่วเทียน!’
แต่ก่อนอื่น หานเจวี๋ยต้องพักผ่อนสักหน่อย
ไม่กี่วันต่อมา
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาอีกครั้ง และสาปแช่งต้าจิ่วเทียนทันที
อีกด้านหนึ่ง
ต้าจิ่วเทียนที่เพิ่งต่อสู้ขับไล่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนออกไปจากวังได้สำเร็จ กำลังนั่งรักษาตนอยู่ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกได้ถึงแรงสาปแช่งที่รุนแรง
สีหน้าของเขาอึมครึมราวกับฟ้าครึ้มฝน
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเฮงซวยนั่นหมายหัวเขาอยู่จริงๆ ด้วย!
………………………………………………..