ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 504 ปราณม่วงอนธการปรากฏ พญายมคนใหม่

บทที่ 504 ปราณม่วงอนธการปรากฏ พญายมคนใหม่

สามเซียนยอดลำนำตะโกนเรียกอยู่นาน ในที่สุดศิษย์ในนามของสำนักซ่อนเร้นคนหนึ่งก็เหาะมา เป็นบุรุษชุดขาวที่เคยเอ่ยเตือนพวกเขาก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งมีชีวิตแปลงกายในสังกัดของหานตั้วเทียน ตบะระดับเซียนทองไท่อี่

บุรุษชุดขาวเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ “คนผู้นี้หรือ เขาน่ะหรือจะคุกคามสำนักซ่อนเร้น”

หากมิใช่เพราะความตั้งใจจริงของสามเซียนยอดลำนำ บุรุษชุดขาวก็คร้านจะออกมา

เซียนหน้าเหยี่ยวทำหน้าหนาเอ่ยว่า “เขาคือเทพจากเผ่าสวรรค์ ต้องการแต่งตั้งพวกเราเป็นเทพเจ้าที่ บอกว่าต่อไปเผ่าสวรรค์จะกวาดล้างสำนักซ่อนเร้น ให้พวกเราเป็นเทพเจ้าที่”

เทพเจ้าที่คิดจะเอ่ยบางอย่าง แต่อ้าปากแล้วกลับไม่อาจเปล่งเสียงได้

บุรุษชุดขาวขมวดคิ้วกล่าวว่า “พวกเจ้าคอยก่อน”

เขาหันหลังพุ่งออกไป

ในไม่ช้า

หานตั้วเทียนและหลี่เสวียนเอ้าก็มาถึง

หลี่เสวียนเอ้าพิจารณาเทพเจ้าที่ เอ่ยขึ้นว่า “เป็นเทพจากเผ่าสวรรค์จริงๆ”

เขาไม่รู้จักเทพเจ้าที่ แต่เขาก็เคยเป็นเผ่าสวรรค์เช่นกัน สามารถแยกแยะกลิ่นอายและดวงชะตาได้

หานตั้วเทียนมองสามเซียนยอดลำนำ เอ่ยว่า “ข้ารู้จักพวกเจ้า พวกเจ้ามีความจริงใจมากจริงๆ วางใจเถอะ ข้าจะรายงานเรื่องของพวกเจ้าต่ออาจารย์ปู่เทียด”

สามเซียนยอดลำนำได้ฟังก็ปรีดายิ่ง รีบคำนับขอบคุณ

หานตั้วเทียนมองหลี่เสวียนเอ้า ถามว่า “จะจัดการเทพเจ้าที่ตนนี้อย่างไร”

หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยอย่างสงบ “ฆ่าเสีย พวกเจ้าทั้งสามลงมือเสีย เดี๋ยวนี้เลย”

เทพเจ้าที่ได้ฟังพลันหน้าถอดสี

เซียนหน้าเหยี่ยวไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดฝ่ามือใส่กระหม่อมของเทพเจ้าที่ กระชากวิญญาณออกมา ส่วนเซียนหัวงูเขมือบร่างของเทพเจ้าที่เข้าไปในคำเดียว

เซียนหน้าเหยี่ยวโยนวิญญาณเทพเจ้าที่ให้น้องสามของตน เซียนเทียมฟ้า

ลำแสงประหลาดพุ่งออกมาจากสองเนตรของเซียนเทียมฟ้า เผาทำลายวิญญาณเทพเจ้าที่

หลี่เสวียนเอ้าเลิกคิ้ว รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ไม่นึกเลยว่าสามเซียนยอดลำนำต่างมีความสามารถเฉพาะตัว!

เหตุผลที่เขาให้สังหารเทพเจ้าที่ทันที ด้วยอยากทดสอบสามเซียนยอดลำนำ ความเด็ดขาดของสามเซียนยอดลำนำพิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเขาอยากเข้าสำนักซ่อนเร้นจริงๆ

หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มพอใจ “พวกเจ้าตามีแววนัก คอยก่อนเถอะ”

สามเซียนยอดลำนำรีบคำนับขอบคุณ

หลี่เสวียนเอ้าและหานตั้วเทียนจากไป

สูงขึ้นไปในอากาศ

หลี่เสวียนเอ้ากล่าวว่า “เจ้าสามตัวนี้ไม่เลวเลย หากรับเข้ามาได้ วันหน้าต้องดูแลให้มากหน่อย พวกเขาสามารถเป็นผู้ช่วยของเจ้าได้”

หานตั้วเทียนพยักหน้ารับ

ในวันนั้น หลี่เสวียนเอ้าไปขอพบหานเจวี๋ย เอ่ยถึงเรื่องนี้

หานเจวี๋ยคิดดูเล็กน้อย เคลื่อนย้ายสามเซียนยอดลำนำเข้ามาในอาณาเขตเต๋า ให้หลี่เสวียนเอ้าไปรับตัว

หลังจากหลี่เสวียนเอ้าจากไป ท่าทางของหานเจวี๋ยก็แปลกไปเล็กน้อย

เจ้าหมอนี้กลายเป็นผู้มีความสามารถในการดูแลกิจการภายในไปได้อย่างไร

เขาคิดมาตลอดว่าหลี่เสวียนเอ้าเป็นคนมุทะลุ ไม่นึกเลยว่าหลังจากเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น จะมีความกระตือรือร้นในการวางแผนและวางกลยุทธ์สารพัดอย่าง

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา ถึงอย่างไรหลี่เสวียนเอ้าก็มีค่าความประทับใจต่อเขาถึงหกดาว ไม่จำเป็นต้องกังวล

หากค่าความประทับใจลดลง ต่อให้แม้เพียงครึ่งดาว หานเจวี๋ยจะจัดการทันที

….

แดนเซียนไร้กาลเวลา นอกจากคนส่วนน้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตต่างคำนวณเวลาไม่เป็น ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยพลังวิญญาณอบอวล ขอเพียงไม่ไปหาเรื่องสร้างศัตรู ล้วนมีชีวิตยืนยาวนัก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเปลี่ยนผ่านของกาลเวลาไม่สลักสำคัญ

หานเจวี๋ยคือคนส่วนน้อยที่ให้ความสนใจกับเวลา ถึงอย่างไรเขาก็มีระบบอยู่ เคยชินกับการตรวจดูอายุขัยไปเสียแล้ว

เวลาผ่านไปทีละปีๆ แดนเซียนค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

จำนวนสิ่งมีชีวิตก่อนฟ้ากำเนิดเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดเป็นครั้งแรก หลังจากตบะก้าวหน้าขึ้น เหล่าสิ่งมีชีวิตก่อนฟ้ากำเนิดก็เริ่มพิจารณาถึงการสืบเผ่าพันธุ์สร้างทายาทรุ่นหลัง

ปัจจุบัน แดนเซียนมีนิกายเจี๋ย นิกายฉ่าน นิกายเหริน สำนักพุทธ เผ่าสวรรค์ เผ่าบรรพกาลและสำนักซ่อนเร้นเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ที่ชื่อเสียงขจรทั่วหล้า แม้ว่ากู่จั๋วอินจะดับสูญไปแล้ว แต่เผ่าบรรพกาลยังคงรอดชีวิตมาได้อย่างทนทายาด ถึงขั้นที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เสียอีกด้วย เนื่องจากเผ่าบรรพกาลเป็นกลุ่มอิทธิพลที่เกิดจากการรวมตัวของสิ่งมีชีวิตก่อนฟ้ากำเนิดยุคแรก สิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลต่างยอมรับนับถือเผ่าบรรพกาลเป็นเผ่าพันธุ์ของตน

เป็นเช่นนี้จนเวลาล่วงเลยไปหนึ่งพันสองร้อยปี

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่

[ตรวจสอบพบว่าปราณม่วงอนธการจุติมายังแดนเซียนแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที แย่งชิงปราณม่วงอนธการ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ฝึกบำเพ็ญต่อไป หลีกเลี่ยงข้อพิพาท จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

ปราณม่วงอนธการหรือ

หานเจวี๋ยตะลึงงัน เจ้าแม่หนี่ว์วาบอกว่าจะเก็บไว้ให้เขามิใช่หรือ

หรือเป็นปราณม่วงอนธการสายอื่น

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบเชียบ

[ท่านเลือกฝึกบำเพ็ญต่อไป ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วยท่านได้รับสมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์…กำไลปฐมนภา]

[กำไลปฐมนภา: สมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์ แกร่งกล้าไร้เทียมทาน พิชิตเทพเซียนผีสาง ปิดล้อมโลกา]

สมบัติวิญญาณมรรคาสวรรค์ ไม่เลวเลย!

หานเจวี๋ยหยิบกำไลปฐมนภาออกมาอย่างเงียบเชียบ เริ่มทำให้มันจดจำเจ้าของ

สมบัติวิเศษยิ่งมากก็ยิ่งดี ถึงแม้ตอนนี้จะไม่จำเป็นต้องใช้ก็ตาม

ก็เหมือนซานชิงในพงศาวดารห้องสิน เอะอะก็มอบสมบัติวิเศษให้ศิษย์ ให้พวกเขานำไปต่อสู้ ดูทรงภูมิอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามหานเจวี๋ยไม่มีทางส่งมอบสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกไปแน่ มีเพียงสมบัติที่เขาไม่ต้องตาเท่านั้นถึงจะยกให้ลูกศิษย์

หลายวันต่อมา สมบัติวิเศษจดจำเจ้าของเรียบร้อย หานเจวี๋ยสวมไว้บนข้อมือข้างขวาของตน

เขาฝึกบำเพ็ญต่อ ถือโอกาสตรวจดูจดหมายเล็กน้อย

[จี้เซียนเสินสหายของท่านผสานรวมกับท่อนขาครึ่งอริยะ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโมตีจากผู้บำเพ็ญนิกายเหริน] x392

[เซวียนฉิงจวินสหายของท่านได้รับปราณม่วงอนธการ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านบุกเบิกเมืองนรก]

[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโมตีจากเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านกลายเป็นครึ่งอริยะ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านกลายเป็นพญายม]

….

ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกที่จี้เซียนเสินผสานรวมกับท่อนขา เขากำลังทำอะไรอยู่

ท่าทางเช่นนี้ อย่าได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นจอมวายร้ายแห่งมรรคาสวรรค์เลย!

หานเจวี๋ยพบว่าเซวียนฉิงจวินได้รับปราณม่วงอนธการ ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง ที่แท้ปราณม่วงอนธการจุติยังแดนเซียนก็เพราะนาง

นางทำได้อย่างไร

จักรพรรดิสวรรค์กลายเป็นครึ่งอริยะแล้ว!

หานเจวี๋ยเพียงรู้สึกสะท้อนใจ ทว่าไม่ตกตะลึง นับตั้งแต่ไปที่แดนเทพหวนปัจฉิม จักรพรรดิสวรรค์ก็ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง เดิมทีเขาก็เป็นต้าหลัวอยู่แล้ว กลายเป็นครึ่งอริยะก็ไม่นับว่าน่าแปลกใจ

หยางเทียนตงกลายเป็นพยายม…

สมเป็นจักรพรรดินีผืนพิภพ เพื่อผูกมัดหานเจวี๋ยไว้ ทุ่มเทมากจริงๆ

ในฉากหน้า จักรพรรดินีผืนพิภพแสดงเจตนาดีต่อหานเจวี๋ย เขาจึงพูดอะไรไม่ได้

หยางเทียนตงสิ้นชีพในมหาเคราะห์ ถูกฉิวซีไหลปกป้องไว้ วิญญาณเขาอยู่ในยมโลกมาโดยตลอด แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดินีผืนพิภพจะผลักดันหยางเทียนตงให้กลายเป็นพญายม

เมื่อเอ่ยถึงศิษย์เอกคนนี้ของตน หานเจวี๋ยรู้สึกทอดถอนใจยิ่งนัก

น่าเสียดาย

หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางหลุดยิ้มออกมา

เขาเชื่อว่าสักวันจักรพรรดินีผืนพิภพจะส่งให้หยางเทียนตงมาหาเขา เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับหยางเทียนตงซะ!

เมื่อนึกถึงความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ หานเจวี๋ยก็ลุกขึ้น เตรียมจะทำการชำระล้างสมบูรณ์ให้แก่ศิษย์ใหม่ทั้งหมดที่เข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

รวมถึงหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าก็ต้องได้รับการชำระล้างเช่นกัน!

ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงเดินเตร่ไปทั่วเขตเซียนร้อยคีรี ก่อให้เกิดความฮือฮาไปทั่วสำนักซ่อนเร้น เหล่าศิษย์อยากพบเขา แต่ก็หวาดกลัวที่จะพบเขาเช่นกัน

หานเจวี๋ยชวนคุยเล่นพลางทำการชำระล้างสมบูรณ์ให้ทีละคน

อายุขัยที่ใช้ไปไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลย ไม่พอใช้สาปแช่งอริยะให้เป็นบ้าเสียด้วยซ้ำ

หกสิบปีผ่านไป

ศิษย์ทุกคนล้วนได้พบหานเจวี๋ยแล้ว ความเคารพยำเกรงที่มีต่อหานเจวี๋ยไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลงเท่านั้น ยังเพิ่มขึ้นมหาศาลอีกด้วย

อำนาจของหานเจวี๋ยแกร่งกล้าเหลือเกิน ผนวกกับมีหยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทรา ต่อให้ได้พูดคุยกัน พวกเขาก็ไม่มีทางรู้รูปโฉมที่แท้จริงของหานเจวี๋ยอยู่ดี

ลึกลับ

ทรงพลัง

นี่คือภาพลักษณ์ของหานเจวี๋ยในใจบรรดาศิษย์ในนาม

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset