ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 518 เตรียมเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้า อริยะโดยสมบูรณ์

บทที่ 518 เตรียมเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้า อริยะโดยสมบูรณ์

ก่อนที่จะมาถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยก็อยู่ในขั้นตอนที่สามารถพิสูจน์มรรคได้แล้ว ความรู้สึกนี้ช่างยอดเยี่ยม เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หานเจวี๋ยเหมือนได้เห็นประตูสู่แดนอริยะลอยอยู่ตรงหน้ารำไร

เขาเริ่มปิดด่านฝึกฝนเพื่อทะลวงระดับ

ทะลวงระดับอย่างไรน่ะหรือ

ก็ต้องหยั่งรู้มหามรรคต้นกำเนิดน่ะสิ!

มรรคจิตเปลี่ยนเป็นอริยะจิต ดวงวิญญาณเปลี่ยนเป็นวิญญาณอริยะ!

ห้าสิบปีต่อมา

เขตเซียนร้อยคีรีถูกปกคลุมด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้ศิษย์จำนวนมากตื่นตกใจจนต้องออกมาจากถ้ำเทวาของตน

“พลังระดับนี้…”

“พลังของอริยะ! ข้าเคยไปฟังอริยะเทศนามาก่อน ความรู้สึกยิ่งใหญ่องอาจเช่นนี้ยากจะลืมเลือน!”

“อริยะบุกโจมตีหรือ”

“ไม่ใช่! เป็นเจ้าสำนักกำลังทะลวงระดับใช่หรือไม่”

“เจ้าสำนักเป็นอริยะจริงๆ ด้วย”

เหล่าศิษย์ต่างพูดคุยกันไปต่างๆ นานา ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วสำนักซ่อนเร้น

ตราบใดที่รังสีน่าเกรงขามนี้ไม่ได้มาจากศัตรู เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็รู้สึกวางใจ

สำหรับการทะลวงระดับของหานเจวี๋ย ศิษย์ส่วนใหญ่นั้นเห็นบ่อยจนเป็นเรื่องชินตา รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติเสียด้วยซ้ำ

ความเร็วในการทะลวงระดับของหานเจวี๋ยนั้นว่องไวมาโดยตลอด!

เหล่าศิษย์ต่างก็ได้รับการกระตุ้นและทุ่มเทฝึกบำเพ็ญกันหนักขึ้น

ในขณะเดียวกัน

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยก็เข้าสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่

มันคือโลกดาราที่อยู่ภายในส่วนลึกของวิญญาณเขา

ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มถือกำเนิดขึ้น ส่วนดวงดาวที่มีอยู่ก็ระเบิดแสงเจิดจ้าออกมา ทำให้โลกดาราทั้งหมดสว่างไสว

เหนือสิ่งอื่นใด บนดวงดาวล้วนมีปราณอนธการจำนวนนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านอยู่ จากนั้นก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อเวลาผ่านไป พระราชวังแห่งหนึ่งก็ก่อตัวและถือกำเนิดขึ้นมา

รูปปั้นหินของเทพมารสี่สิบเก้าตนก่อตัวเรียงรายรอบพระราชวัง ท่าทางดุร้ายน่าสะพรึงกลัว ทั้งหมดอยู่ในอิริยาบถต่างๆ ห้องหับภายในพระราชวังถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดส่วน ซึ่งมีหน้าที่ใช้สอยแตกต่างกัน

วังอริยะ!

นี่คือมรรคผลของหานเจวี๋ย!

หลังจากที่ปราณอนธการหลั่งไหลเข้าไปในวังอริยะ ก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังเวทระดับที่สูงขึ้น เหนือกว่าที่เคยเป็นมาลิบลับ!

ภาพเสมือนของหานเจวี๋ยปรากฏขึ้นเหนือวังอริยะ ซึ่งเป็นภาพแสดงดวงวิญญาณ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เอ่อล้นออกมาจากวังอริยะแทรกซึมเข้าไปในภาพเสมือนดวงวิญญาณ และช่วยให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง ตัววิญญาณนั้นปะทุออกเป็นลำแสงเจ็ดสี สาดส่องให้โลกดาราพร่างพราว

หานเจวี๋ยราวกับตระหนักได้อย่างชัดเจน เสียงของเขาดังก้องไปทั่วโลกดารา

“โลกใบนี้ มีนามว่าอนธการ!”

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในโลกเขย่าพิภพ เมื่อได้ยินเสียงของหานเจวี๋ยต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล ไม่ทราบว่าเป็นเสียงของผู้ใด

ภายในพระราชวังแห่งหนึ่ง

พุทธะอาภรณ์ขาวที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้น การแสดงออกของเขาดูผิดแปลกไป สีหน้าและแววตาฉายแววตกตะลึงออกมา

“อนธการ…บุพกาล…ตกลงเขาคือตัวตนอะไรกันแน่”

พุทธะอาภรณ์ขาวนั้นสงสัยในรากเหง้าของหานเจวี๋ยมาโดยตลอด เขารู้สึกว่าความเร็วในการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยนั้นรวดเร็วมากเสียจนไม่สมเหตุสมผล มีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิดใหม่ วันนี้หานเจวี๋ยสร้างอนธการขึ้นมาโดยไม่เกรงกลัวต่อผลกรรม ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยไม่สนใจพุทธะอาภรณ์ขาว แต่กลับมุ่งสมาธิไปสู่การทะลวงระดับ

ในขณะเดียวกัน

บนชั้นฟ้าที่สามสิบสาม อริยะที่อยู่ในอาณาเขตเต๋าต่างๆ ล้วนแต่ลืมตาขึ้น ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็เช่นกัน

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงนับนิ้วทำนายหนึ่งครั้ง คิ้วพลันขมวดมุ่น

เขาทำนายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!

“ผู้ใดกำลังพิสูจน์มรรคอยู่”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงพึมพำกับตนเอง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน

อีกด้านหนึ่ง

สี่อริยะสำนักเต๋าต่างมารวมตัวกัน

“มีคนกำลังพิสูจน์มรรค!” เทพสูงสุดหนานจี๋กล่าวเสียงต่ำ สีหน้าถมึงทึง

ยังมีคนระดับสูงที่สามารถก้าวสู่การพิสูจน์มรรคได้ อยู่ใต้จมูกของพวกเขานี่เอง!

ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่สามารถทำนายได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

ดวงตาของหลี่มู่อีวาววับ เขากล่าวว่า “หรือว่าจะเป็นเจ้าสำนักซ่อนเร้น”

อริยะจินอันกล่าวว่า “แม้จะไม่ใช่เขา แต่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักซ่อนเร้น อริยะอย่างพวกเราเข้าไปในแดนเซียนไม่ได้ ศิษย์ในสำนักก็ไม่อาจบุกฝ่าเข้าไปในเขตเซียนร้อยคีรี ทำได้เพียงเฝ้ามองเขาพิสูจน์มรรคต่อไป หลังจากนี้ค่อยพิจารณาเปลี่ยนท่าทีของพวกเราต่อสำนักซ่อนเร้นอีกครั้ง”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยถอนหายใจ

สี่อริยะต่างตกอยู่ในความเงียบ

นอกจากสี่อริยะแห่งสำนักเต๋าแล้ว อริยะคนอื่นต่างก็ตกใจเช่นกัน

ฉิวซีไหลถึงขั้นส่งคำขอเข้าฝันหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเมินเฉยไปเสียอย่างนั้น

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ฉิวซีไหลก็เริ่มส่งคำขอเข้าฝันมาอย่างถี่รัวอีกครั้ง

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ตรวจสอบพบว่าท่านกำลังพิสูจน์มรรคทะลวงระดับ อยู่ในขั้นตอนสำคัญ ระบบทำการเปิดกลไกป้องกันอิสระ ปิดกั้นการเข้าฝันชั่วคราว]

หานเจวี๋ยเกือบจะบันดาลโทสะ แต่เมื่อเห็นระบบปิดกั้นหน้าจอไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ก่อนหน้านั้นเขายังคิดว่าฉิวซีไหลเป็นคนมีเหตุผล แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าฉิวซีไหลช่างทำตัวน่ารังเกียจนัก!

รอให้ข้าพิสูจน์มรรคสำเร็จก่อนเถิด เจ้าต้องได้ชดใช้กรรมแน่!

หานเจวี๋ยสงบสติอารมณ์ และพิสูจน์มรรคต่อ

เมื่อใดที่วังอริยะของเขารวมตัวสำเร็จ ดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณอริยะ เมื่อนั้นเขาก็บรรลุตำแหน่งอริยะ!

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี

หานเจวี๋ยพิสูจน์มรรคได้อย่างราบรื่น!

พลังเวทแปรเปลี่ยนเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์ ไร้ที่สิ้นสุด!

วิญญาณอริยะบังเกิด!

หานเจวี๋ยรู้สึกดีมากจนอยากจะตะโกนออกมา แต่เขาก็อดกลั้นเอาไว้

เขาเปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาดู

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 35810/120, 990, 009, 999, 999, 999, 999, 999]

[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]

[ตบะ: เตรียมเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะต้น (อริยะขั้นสมบูรณ์)]

[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค) วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]

[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม มหามรรคต้นกำเนิด]

เตรียมเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้า!

อายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นสองเท่า!

สิบสองล้านล้านล้านล้านปี!

แต่ถึงกระนั้นหานเจวี๋ยก็ยังรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

มีชีวิตเป็นอมตะเลยไม่ได้หรือ

หากลองคิดในมุมกลับ อันที่จริงตัวเขาก็แทบจะมีชีวิตอมตะอยู่แล้ว ด้วยอายุขัยที่ยืนยาวเช่นนี้ ประกอบกับถ้าเขาทะลวงระดับต่อไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ทะลวงระดับอายุขัยก็จะฟื้นฟูกลับคืนมาอีก

บางทีนี่อาจเป็นความอมตะของเทพมารอนธการก็เป็นได้!

หานเจวี๋ยเลิกคิดมาก และเริ่มทำให้ตบะเสถียรต่อไป

ในขณะเดียวกัน

ทั้งสำนักซ่อนเร้น ผู้ที่บำเพ็ญมหามรรคต้นกำเนิดทั้งหมด ดวงชะตาล้วนถูกยกระดับ พลังมรรคก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน

ความรู้สึกดังกล่าวชัดเจนมากจนทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ

พวกศิษย์สายตรงต่างรู้ดีว่าเป็นเพราะหานเจวี๋ยกำลังทะลวงระดับ

ศิษย์ในนามกลับคิดว่าเป็นเพราะหานเจวี๋ยสำแดงพลังวิเศษอยู่

แดนเซียน ในหุบเขาแห่งหนึ่ง

หานทั่วที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในค่ายกล จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น เขามองไปที่มือของตนเองด้วยความประหลาดใจ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดความเร็วในการบำเพ็ญถึงได้เพิ่มขึ้นพรวดพราดเช่นนี้”

หานทั่วพึมพำกับตนเอง ความรู้สึกยินดีพลันปรากฏขึ้นทั้งบนสีหน้าและแววตา

เขายังจำความรู้สึกนี้ได้

ในตอนที่เขายังเยาว์วัย อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จู่ๆ คุณสมบัติของเขาก็เปิดออก

หรือว่าเขาจะทะลวงขีดจำกัดได้อีกแล้ว

หานทั่วรู้สึกตื่นเต้นมาก

“พวกเจ้าคอยดูเถิด หากข้าทะลวงระดับสำเร็จเมื่อใด ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้สิ้นซาก!”

หานทั่วกล่าวเสียงฮึมฮัมในลำคอ จากนั้นก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

ห้าสิบปีต่อมาตบะของหานเจวี๋ยก็เสถียรโดยสมบูรณ์

เขากลายเป็นอริยะอย่างแท้จริง!

[ตรวจสอบพบว่าท่านทุ่มเทพิสูจน์มรรค กลายเป็นอริยะโดยสมบูรณ์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากด่านฝึกบำเพ็ญทันที พิชิตปวงสวรรค์ กลายเป็นอริยะที่แข็งแกร่งที่สุด จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

[สอง ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบเสงี่ยม หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับอริยะหนึ่งนาย]

หานเจวี๋ยอ่านตัวเลือกที่ปรากฏเบื้องหน้า และเลือกข้อสองโดยไม่ลังเล

องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับอริยะ!

จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

[ท่านเลือกที่จะฝึกบำเพ็ญอย่างสงบเสงี่ยม ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น องครักษ์อาณาเขตเต๋าระดับอริยะหนึ่งนาย]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับชุดคลุมมรรคนภาวิสุทธิ์]

[ชุดคลุมมรรคนภาวิสุทธิ์: ยอดสมบัติต้านทานมรรคาสวรรค์ สามารถป้องกันพลังวิเศษแห่งกรรม สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของอริยะทั่วไปได้]

………………………………………………..

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset