ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1936 : จุดจบของเก่อเย่

  บรรยากาศเริ่มที่จะตึงเครียดขึ้นมาทันที

  มันราวกับจะเกิดการระเบิดขึ้นตอนไหนก็ได้

  คนของกองทัพสังเกตการณ์ต่างก็พากันสับสน

  ฝั่งหนึ่งคือทีมคังเฉียง อีกฝั่งคือแม่ทัพคนเก่าของพวกเขา พวกเขาไม่รู้ว่าจะเลือกเข้าข้างฝั่งไหนรึไม่ต้องช่วยใครเลย ?

    ออกไปกันก่อน  จางลู่มองไปที่ทหารของกองทัพสังเกตการณ์แล้วพูดขึ้น   การต่อสู้นี้มันอาจจะทำร้ายพวกเจ้าได้ 

  การต่อสู้ระหว่างแม่ทัพนั้นมีพลังอันน่ากลัวที่จะปะทุออกมา มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับมือไหว

  คนของกองทัพสังเกตการณ์อยากจะอ้อนวอนแทนเก่อเย่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกมา   หากไม่ถอยออกไป พวกเจ้าจะโดนลูกลงไปด้วย และอย่ามาหาว่าข้าไม่เตือน  จางลู่พูดขึ้น

  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ทหารก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขารีบพากันถอยออกไปทันที

  แม้ว่าที่นี่จะเป็นโถงกองทัพสังเกตการณ์และเป็นพื้นที่ของพวกเขาแต่พวกเขาก็ไม่มีความกล้าพอจะรักษาเกียรติของกองทัพสังเกตการณ์ไว้

  เก่อเย่ใจหล่นความว่างเปล่า ความหวังสุดท้ายในใจของเขาตอนนี้ได้พังลงไปด้วย

  ที่ด้านนอกวังซื่อเซียว ยอดฝีมือมากมายพากันบินออกมาจากบ้านตัวเองเพื่อจับตาดูสถานการณ์ที่นี่

  ทุกคนต่างก็พากันตะลึง ไม่คิดเลยว่าทีมคังเฉียงจะกล้าหาเรื่องเก่อเย่ขนาดนี้ แต่เก่อเย่กลับแสดงท่าทีถ่อมตัว มันผิดกับแม่ทัพกองทัพสังเกตการณ์ที่พวกเขารู้จักมาก่อนอย่างสิ้นเชิง  ตอนนั้นเก่อเย่ก็กลับเริ่มที่จะลงมือ ในตอนที่ทหารถอยออกไปได้ไม่ไกลนัก เขากลับพุ่งหาจางลู่ก่อน

    ลอบโจมตีรึ ?  จางลู่เหมือนระวังตัวมาตลอด เขาไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อย ต่อหน้าการโจมตีของเก่อเย่นั้น จางลู่ไม่ใช่แค่ไม่ถอย แต่กลับพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายเช่นกัน

  เจ้าสำนัก และ ความว่างเปล่า เองก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน

  แต่พวกนั้นยังไม่ทันได้ถึงตัวแม้แต่น้อย แต่เก่อเย่กลับเปลี่ยนทางไปหา ซุนหยาน, ซูนเหมิง และ ซุนวูแทน เป้าหมายของเขาไม่ใช่จางลู่ แต่เป็นสามคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

  เขาเคยสู้กับจางลู่และคนอื่นๆมาแล้ว เขารู้ว่าเขาไม่อาจจะจัดการกับคนเหล่านี้ได้ ความหวังเดียวที่เขาจะรอดไปได้คือจับตัว ซุนหยาน, ซุนเหมิง และซุนวูเอาไว้ เพราะตราบใดที่มีตัวประกัน เขาก็อาจจะต่อรองได้

  เมื่อเห็นเก่อเย่เปลี่ยนทิศทางไป ซุนหยาน, ซุนเหมิง และซุนวูก็ไม่ได้ลนลานเลยแม้แต่น้อย

    มา !  ซุนหยานเปิดฉากพุ่งเข้าหาเก่อเย่ก่อน

  บางทีเพราะความแข็งแกร่งของเขาก็อาจจะไม่ได้มากเท่ากับจางลู่และคนอื่นๆ แต่ก็ต่างกันไม่มาก ซุนเหมิงนั้นไม่ได้ด้อยกว่าจางลู่เลยด้วยซ้ำ

  เมื่อเห็นทั้งสามคนพุ่งเข้ามา เก่อเย่ก็ตกใจแต่ก็ไม่อาจจะหยุดได้แล้ว

  เขารู้แค่ว่าจางลู่และคนอื่นๆอยู่ระดับแม่ทัพ แต่ไม่คิดเลยว่าสามคนนี้ที่อยู่ระดับนายพลนั้นในเวลาอันสั้นจะก้าวหน้าได้เร็วแบบนี้ ความแข็งแกร่งของทั้งสามสูงกว่าเสียเทียนอีก โดยเฉพาะซุนเหมิงที่มีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าเก่อเย่เลย

    เป็นไปได้ยังไง ?  เก่อเย่อึ้ง การรับรู้ของเขาพลิกผันไปทันที

  เขาไม่เชื่อสายตาตัวเองในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงได้เอาดาบระดับสมบูรณ์ออกมาและตั้งใจจะจัดการกับทั้งสามคน

  ตอนนั้นเงาของพวกเขาบนท้องฟ้าก็ได้เข้าปะทะกัน พลังได้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง มิติใกล้ๆบิดเบี้ยวไป ตึกเริ่มพังลง กำแพงเริ่มแตกร้าว ตึกที่ใกล้ที่สุดถึงกับพังหายไปกับตา

  แม้ว่าจะโดนจำกัดพลังไว้โดยจักรพรรดิ และพลังลดลงมาหลายเท่า แต่เมื่อระเบิดพลังออกมาก็ยังน่ากลัวอยู่ดี

  ตูม ! เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วทุกทิศ ซุนหยานถอยกลับมา ที่มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาอยู่

  ซุนเหมิงและซุนวูต่อยและเตะเข้าใส่เก่อเย่ด้วยพลังอันน่ากลัวและจิตผู้สร้างได้ทำให้เก่อเย่กระเด็นออกไป มันทำให้เกราะของเก่อเย่พังลงและไม่อาจจะป้องกันได้แม้แต่น้อย

  ตูม ! ร่างของเก่อเย่อัดกับพื้นอย่างแรง เศษหินนับไม่ถ้วนกระจายออกมาพร้อมกับหลุมลึกที่เกิดขึ้น

  ใจกลางหลุมนั้นเก่อเย่ตัวอาบไปด้วยเลือด ตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขามองไปยังพี่น้องตระกูลซุนที่อยู่บนฟ้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะพึมพำออกมา   เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…  เขาได้ส่งคนไปตรวจสอบทีมคังเฉียงมาแล้ว และจำได้ดีว่าสองพี่น้องนี่เมื่อหมื่นปีก่อนนั้นเป็นแค่นายพลเท่านั้น เขาไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าแค่หมื่นปีที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของสองคนนี้เพิ่มมาถึงระดับนี้ได้ยังไง

  นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่พวกนี้ร่วมมือกันเลย แค่คนเดียวเก่อเย่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะซุนเหมิงได้แล้ว

  รอบๆโถงจักรพรรดิรวมถึงในจวนของจักรพรรดิ ผู้คนโดยรอบต่างก็พากันแสดงสีหน้าตะลึงออกมา

  ในระยะหลายร้อยกิโลเมตรรอบๆกลับตกอยู่ในความเงียบสงัด

  พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเก่อเย่จะบาดเจ็บแบบนี้ได้

  ต้องรู้ก่อนว่าหากมองทั้งเขตซื่อเซียวแล้วเก่อเย่เองก็เป็นอันดับต้นๆ แม้จะเทียบกับโกลาหลอื่นๆความแข็งแกร่งของเก่อเย่นั้นก็อยู่ระดับกลางๆ แต่แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ กลับต้องตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร

    ลูกหลานของซุนเหลียนเชิงน่ากลัวขนาดนี้เลยรึ  ผู้คนได้ยินบทสนทนาระหว่างจางลู่กับเก่อเย่ก็พากันรู้ตัวตนของทั้งสามคน

  ซุนเหลียนเชิงเป็นแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวคนเก่า แม้ว่าจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศแต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตำนานของเขาเลยแม้แต่น้อย

  หลายคนอาจจะลืมผลงานของเขาไป แต่ไม่มีทางลืมความยิ่งใหญ่ของเขาไปได้

  ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายปีมานี้ที่ซุนเหลียนเชิงหายตัวไป แต่ลูกหลานของเขากลับเติบโตจนมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้…

    ข้าลืมบอกเจ้าไป  จางลู่ยิ้มออกมา  ทั้งสามคนเองก็แกร่งระดับแม่ทัพเช่นกัน 

  ปากของเก่อเย่กระตุกไป สายตาของเขาแสดงความลนลานออกมา เขาอยากจะจับตัวพวกนี้เอาไว้เป็นตัวประกันแต่ตอนนี้ความคิดนั้นกลับหายไปจากหัวทันที สายตาของเขาเริ่มดูกังวลขึ้นมา นี่น่ากลัวกว่าตอนที่เขาสู้กับจางลู่และคนอื่นๆเมื่อครั้งที่แล้วเสียอีก ต่อหน้าการโจมตีของทั้งสามคนนั้น เขารู้สึกว่าไม่อาจจะต่อต้านได้เลย แม้ว่าจะมีดาบระดับสมบูรณ์อยู่ด้วยแต่ก็ทำอะไรพวกนี้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว

  และตัวเขาเองกลับบาดเจ็บหนักกว่าซุนหยานด้วยซ้ำ

  ยังไงซะเขาก็รับการโจมตีจากอีกสองคน !

  เขาเพิ่งจะได้เกราะระดับสูงมา เขายังไม่ทันได้เพิ่มพลังให้กับมัน มันยังไม่ทันได้ทำหน้าที่เกราะระดับสูงของมัน แต่กลับต้องพังลงไปแล้ว

    สุดท้ายข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะตามเราไปรึไม่  จางลู่ถามขึ้นมา

  เก่อเย่ลนลานขึ้นมานิดๆ แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจจะตกลงกับจางลู่ได้ ไม่งั้นแล้วชะตาของเขาอาจจะแย่กว่านี้

  เขากดความลนลานที่มีในใจลงและพูดขึ้นมา   ปล่อยข้าไปแล้วข้าจะบอกความลับกับเจ้า ความลับเกี่ยวกับจักรพรรดิรึอาจจะเหนือกว่านั้น !  นี่คือไพ่ลับของเขา เขาต้องสิ้นหวังจริงๆถึงจะดึงไพ่ลับนี้ออกมาใช้  เจ้าไม่สงสัยรึว่าทำไมข้าถึงได้หมายหัวซุนเหลียนเชิง ? เพราะซุนเหลียนเชิงน่ะเกี่ยวข้องกับความลับนี้ ! 

  จางลู่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย   เจ้าจะพูดถึงกล่องกระบี่รึ ? 

  เก่อเย่ตกใจ   เจ้ารู้ได้ยังไง ? 

    ข้ารู้ได้ยังไงไม่สำคัญ  จางลู่พูดขึ้น   หากเจ้าบอกข้าว่ากล่องกระบี่อยู่ที่ไหน ข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ 

  เก่อเย่จะเชื่อ จางลู่ ได้ยังไง ?

  เก่อเย่ได้พูดขึ้น   เจ้าปล่อยข้าไปก่อน เมื่อข้ามั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ข้าจะส่งคนไปบอกเจ้า 

  จางลู่ส่ายหน้าและแสดงสีหน้าเสียดายออกมา   ดูเหมือนว่าเราจะตกลงกันไม่ได้ กล่องกระบี่นั้นเจ้าเก็บไว้เองก็ได้ เราแค่ต้องการชีวิตเจ้าก็เพียงพอแล้ว 

    ทำไมกัน !  เก่อเย่เริ่มคลั่งขึ้นมา   ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าควรจะสนใจความลับของการขึ้นไปเหนือจักพรรดิรึ มันไม่สำคัญกว่าชีวิตข้ารึไง ? 

  เก่อเย่กัดฟันแน่น   หากเจ้าฆ่าข้า อย่าคิดว่าจะได้กล่องกระบี่ไปเลย ข้าจะบอกเจ้าว่ากล่องกระบี่ไม่ได้อยู่กับข้าแต่ซ่อนไว้ในที่ที่เจ้าคิดไม่ถึง หากข้าตาย พวกเจ้าก็ไม่อาจจะหามันพบ ! 

    ข้าไม่คิดจะหามัน หากหาเจอก็ถือว่าดี แต่หากหาไม่เจอก็ไม่สำคัญอะไร  จางลู่เหมือนไม่ได้สนใจกล่องกระบี่แม้แต่น้อย เขามองไปที่ซุนหยาน, ซุนเหมิง และซุนวูแล้วพูดขึ้น   ข้ายกเขาให้พวกเจ้า พยายามล่อเขาเข้าไปในทะเลบรรพกาลให้ได้ หากทำไม่ได้ก็ฆ่าเขาที่นี่ซะ 

  เมื่อพูดจบจางลู่และร่างแยกอื่นๆก็ได้ถอยกลับไปล้อมเก่อเย่เอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าเก่อเย่ไม่อาจจะหนีได้ การต่อสู้จากนี้พวกเขาจะยกให้เป็นหน้าที่ของทั้งสามคน ความแข็งแกร่งของทั้งสามนั้นเพียงพอที่จะจัดการเก่อเย่ได้อย่างสบาย

  ในเวลาเดียวกัน จางลู่, เจ้าสำนัก และความว่างเปล่า ก็ได้สร้างวังวนขึ้นมา วังวนทั้งสามนี้สร้างขึ้นคนละที่ แต่อีกฝั่งของวังวนนั้นคือที่เดียวกับทะเลบรรพกาล

  หากบังคับให้เก่อเย่เข้าไปในทะเลบรรพกาลไม่ได้ งั้นพวกเขาคงได้แต่ต้องทำตามแผนเดิมเท่านั้นตอนที่ 1937 : ตาย

  เมื่อเห็นวังวนที่จางลู่และคนอื่นๆสร้างขึ้นมา เก่อเย่ก็สงสัยทันที เพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าห้ามเข้าใกล้วังวนนั้น ไม่งั้นแล้วคงหลงเข้าไปในกับดักของคนเหล่านี้เป็นแน่

  จางลู่เองก็ไม่คิดว่าเก่อเย่จะเข้าไปในวังวนเอง ที่เขาหวังก็แค่ให้ซุนเหมิงกับคนอื่นๆโจมตีจนกดดันให้เก่อเย่เข้าไปในวังวนนั้น

  เมื่อเห็นจางลู่และคนอื่นๆปิดทางหนีของเขาเอาไว้ เก่อเย่ก็สบถออกมา   เมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะปล่อยข้าไป งั้นก็ตายด้วยกันนี่แหละ ! 

  เขาเลิกหวังพึ่งโชคแล้วในตอนนี้ เขาตั้งใจจะตายไปพร้อมกับทั้งสามคนที่นี่

  ต่อหน้าแม่ทัพกว่า 20 คนที่ล้อมเขาเอาไว้ แม้ว่าทั้ง 21 คนจะไม่ได้เข้ามายุ่ง แต่แค่สามคนตรงหน้านี้เขาก็ไม่อาจจะหนีได้แล้ว

  ไม่มีใครหนีได้นอกซะจากว่าจะมีความ

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset