เมื่อเห็นวังวนที่จางลู่และคนอื่นๆสร้างขึ้นมา เก่อเย่ก็สงสัยทันที เพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าห้ามเข้าใกล้วังวนนั้น ไม่งั้นแล้วคงหลงเข้าไปในกับดักของคนเหล่านี้เป็นแน่
จางลู่เองก็ไม่คิดว่าเก่อเย่จะเข้าไปในวังวนเอง ที่เขาหวังก็แค่ให้ซุนเหมิงกับคนอื่นๆโจมตีจนกดดันให้เก่อเย่เข้าไปในวังวนนั้น
เมื่อเห็นจางลู่และคนอื่นๆปิดทางหนีของเขาเอาไว้ เก่อเย่ก็สบถออกมา เมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะปล่อยข้าไป งั้นก็ตายด้วยกันนี่แหละ !
เขาเลิกหวังพึ่งโชคแล้วในตอนนี้ เขาตั้งใจจะตายไปพร้อมกับทั้งสามคนที่นี่
ต่อหน้าแม่ทัพกว่า 20 คนที่ล้อมเขาเอาไว้ แม้ว่าทั้ง 21 คนจะไม่ได้เข้ามายุ่ง แต่แค่สามคนตรงหน้านี้เขาก็ไม่อาจจะหนีได้แล้ว
ไม่มีใครหนีได้นอกซะจากว่าจะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมแม่ทัพขั้นสูงสุด
ซุนหยานเตรียมที่จะลงมือ แต่ซุนเหมิงกลับมาหยุดเอาไว้ก่อนและพูดขึ้น บรรพชน ข้าจะเผชิญหน้ากับเขาเอง ท่านคอยสนับสนุนจะดีกว่า
ซุนหยานคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า ได้ เจ้าระวังตัวด้วย
ซุนเหมิงแกร่งกว่าเขาอยู่บ้างเล็กน้อย และสามารถรับมือกับเก่อเย่ได้อยู่แล้ว ในทางกลับกันแล้ว แม้ว่าเขาจะกันการโจมตีของเก่อเย่ได้ แต่การปะทะกันทุกครั้งนั้นเขาก็ยังบาดเจ็บกลับมา หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาอาจจะอยู่ไม่ไหว
ดาบระดับสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เครื่องประดับ
แม้แต่แม่ทัพขั้นสูงสุดก็ทำได้แค่สู้กันอย่างสูสีกับคนที่มีสมบัติระดับสมบูรณ์ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะเอาชนะได้
ซุนเหมิงมองไปที่เก่อเย่และพูดขึ้น ความแค้นของบรรพชนตระกูลข้าต้องได้รับการสะสางในวันนี้ !
เมื่อพูดจบ ซุนเหมิงก็ได้พุ่งเข้าไปหาเก่อเย่ทันที
เก่อเย่หรี่ตาลงก่อนจะยกดาบขึ้นฟันเข้าใส่ พลังทมิฬได้รวมตัวผ่านดาบปะทุพลังอันน่ากลัวออกมา พลังที่ส่งผ่านดาบนั้นตัดได้แม้กระทั่งมิติ พลังนี้ได้ก่อตัวเป็นพายุอันน่ากลัวพัดพาหินเข้าไปก่อนจะบดมันเป็นผง
ซุนเหมิงยังแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา นางกลับไม่หลบแต่กลับใช้ฝ่ามือตบลงไปที่ดาบแทน
ตูม !
พื้นดินสั่นไหวพร้อมเสียงระเบิดดังขึ้นมา พลังได้กระจายไปทั่วทุกที่ พื้นดินและตึกพังราบเป็นหน้ากลอง ทั้งโถงกองทัพสังเกตการณ์นอกจากโถงหลักแล้วส่วนอื่นๆกลับกลายเป็นซากไปในพริบตา
ซุนเหมิงและเก่อเย่ต่างก็กระเด็นออกมาแทบจะพร้อมกันจากแรงสะท้อน ซุนหยานและซุนวูไม่เปิดโอกาสให้เก่อเย่ได้พักหายใจ พวกเขาได้เข้าโจมตีทันที แม้ว่าจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับซุนเหมิง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เก่อเย่บาดเจ็บหนักได้
เก่อเย่บาดเจ็บอยู่แล้ว เขาได้แต่ต้องรีบหลบแต่เขาถอยกลับมาไม่กี่ก้าวก็เข้าใกล้วังวนขึ้นทุกที ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะถอยอีก เขายอมโดนโจมตีแทนที่จะเข้าไปในวังวนนั้นเพราะเขารู้ว่าในวังวนนี้มีสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายรออยู่
แม้ว่าจะบาดเจ็บหนักและอันตรายแค่ไหน แต่เก่อเย่ก็ต้องสู้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเปิดโล่พลังเอาไว้เพื่อกันการโจมตีของซุนหยานและซุนวูไปด้วย
ตูม ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งพร้อมกับร่างของเก่อเย่ที่สั่นไหว โล่พลังได้พังลงและสลายไปดั่งควันก่อนที่ร่างกายจะพังลง
ด้วยการโดนโจมตีอย่างหนัก แม้ด้วยความแข็งแกร่งที่มีแต่ร่างกายของเขาก็ไม่อาจจะรับไหวอีกต่อไป ร่างกายเหมือนจะสลายไป
แต่การที่ร่างกายโดนทำลายก็ไม่ได้หมายความว่าเก่อเย่จะตายไปด้วย ตราบใดที่จิตยังไม่ดับสูญ แม้ว่าร่างกายและวิญญาณจะโดนทำลายแต่เขาก็ยังเกิดใหม่ได้ มีแค่จิตสลายไปเท่านั้นที่จะทำให้เขาตายจริงๆ
พลังชีวิตของจ้าวโกลาหลนั้นสูงอย่างมาก ยิ่งคนที่อยู่มานานอย่างแม่ทัพยิ่งมีพลังชีวิตที่สูง หากต้องการจะฆ่าแม่ทัพ งั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่นานเก่อเย่ก็สร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ ร่างที่ราวกับไม่ได้รับความเสียหายมาแม้แต่น้อย แต่แค่จิตของเขาอ่อนแอลง และพลังของเขาลดลงไปก็เท่านั้น คลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็เช่นกัน
อ๊า ! เก่อเย่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธราวกับเสียสติไป ทีมคังเฉียง พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว !
เขายกดาบขึ้นและฟันเข้าใส่ซุนเหมิงหวังคิดจะฆ่าอีกฝ่าย
ซุนเหมิงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา นางยกมือขึ้นตบไปที่ดาบเบาๆแต่การตบนี้มีพลังมหาศาล ตอนที่ตบลงมานั้น พลังบรรพกาลที่หนักราวกับเหล็กก็ฟาดเข้าใส่ดาบ ดาบของเก่อเย่ยากที่จะรับมือไหว
ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมิติที่สั่นไหวอย่างรุนแรง
การโจมตีของซุนหยานและซุนวูเองก็ตามมาติดๆ
ตอนนั้นเก่อเย่ยอมแพ้ที่จะหลบ เขาได้สร้างโล่พลังขึ้นมารับการโจมตีของทั้งสองเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยกดาบฟันเข้าใส่ ซุนเหมิงอีกครั้ง เขาเสียสติไปแล้ว แม้ว่าจะตายแต่เขาก็ต้องลากพวกนี้ไปด้วยให้ได้
แต่แค่ว่า…
ซุนเหมิงไม่คิดจะตายไปด้วย ต่อหน้าการโจมตีของเก่อเย่ นางก็ได้สะบัดมืออีกครั้งและตบออกไป
ตูม ตูม ตูม !
ร่างของซุนเหมิงสั่นไหวพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ใบหน้าของนางซีดลงพร้อมคลื่นพลังที่อ่อนแอลงไปเล็กน้อย
แต่เก่อเย่นั้นมีสภาพน่าอนาถกว่า เขาต้องรับการโจมตีของทังซุนหยานและซุนวูด้วย ร่างกายของเขากลายเป็นผง ดาบระดับสมบูรณ์หลุดออกจากการควบคุมและตกลงมาอย่างรวดเร็ว
วินาทีต่อมา เก่อเย่ก็ได้สร้างร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดาบนั้นได้กลับมาที่มือของเขาอีกรอบ
เขาหอบหายใจออกมาและมองไปที่ซุนเหมิง เขาโดนอัดจนอยู่ในสภาพที่คลื่นพลังอ่อนแออย่างมาก จิตของเขาเริ่มสั่นไหว แม้ว่าจะสร้างร่างใหม่ขึ้นมาได้แต่ก็ไม่อาจจะทนรับการโจมตีต่อเนื่องแบบนี้ต่อได้อีก
ตอนนั้นเก่อเย่กำลังจะพบจุดจบ จางลู่และคนอื่นๆมองเก่อเย่ด้วยสายตาเย็นชา
ผู้คนโดยรอบรวมถึงผู้คนที่ดูการต่อสู้อยู่พากันกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงออกมา จินหยางที่อยู่ในจวนของตัวเองก็ตัวสั่น ในใจของเขาหวาดกลัวอย่างมาก เขาราวกับรู้สึกได้ถึงความตาย
ตอนนั้นทั้งโถงกลับเงียบสนิท ทุกคนต่างก็ตะลึงกับการต่อสู้นี้
ใครจะไปคิดว่าคนของทีมคังเฉียงแค่ 3 คนแต่กลับทำให้แม่ทัพคนเก่าของกองทัพสังเกตการณ์จนมุมแบบนี้ได้ มันไม่ได้หมายความว่าหากจักรพรรดิไม่ลงมือ งั้นทีมคังเฉียงก็มีพลังเพียงพอที่จะปกครองทั้งเขตซื่อเซียวรึ ?
น่าตะลึง !
น่าเหลือเชื่อ !
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่โถงกองทัพสังเกตการณ์ พวกเขามองไปที่ซุนเหมิงและคนอื่นๆด้วยสีหน้าตะลึงและเคารพ !
หากการที่ทีมคังเฉียงลงมือในดินแดนสวรรค์ทำให้พวกเขาโด่งดัง งั้นการต่อสู้นี้ก็คงจะทำให้ทีมคังเฉียงกลายเป็นตำนาน !
เดาว่าหลังจากวันนี้ไปแม้แต่กองทัพเทียนลั่วและกองทัพซื่อเซียวก็ไม่กล้าจะหาเรื่องทีมคังเฉียงอย่างแน่นอน
เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ! เก่อเย่พูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา ความลับเกี่ยวกับกล่องกระบี่นั้นจะเปิดเผยออกมา !
ซุนเหมิงทำราวกับไม่ได้ยินอะไร ในพริบตาร่างของนางกลับหายไป ทุกคนเห็นแค่เงารางๆ ต่อมานางก็ปรากฏตัวตรงหน้าเก่อเย่ สีหน้าของเก่อเย่เปลี่ยนไปทันที เขารีบฟันดาบแต่เพราะบาดเจ็บหนัก พลังจึงลดลงไปอย่างมาก ความเร็วของเขาลดลงไปกว่า 8 ใน 10 ซุนเหมิงจึงสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดายก่อนจะตบลงไปที่ตัวเก่อเย่
ตูม ! ร่างของเก่อเย่ระเบิดออก จิตของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตต่อแล้วในตอนนี้
อ๊า ! ร่างของเก่อเย่สั่นไหว เขากรีดร้องออกมา จิตของเขาบาดเจ็บอย่างหนัก มันเจ็บกว่าความเจ็บปวดทางร่างกายเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ซุนเหมิงได้พุ่งเข้าหาเก่อเย่อีกครั้งแต่ครั้งนี้นางจงใจลดความเร็วลง
ซุนหยานและซุนวูต่างก็เข้าใจ ทั้งสองเองก็พุ่งเข้าหาเก่อเย่จากอีกสองทาง
ทั้งสามคนได้อัดเก่อเย่ให้ลอยไปที่วังวน เก่อเย่รู้ความคิดของทั้งสามทันที เขาลนลาน เขายอมตายดีกว่าที่จะเข้าไปในวังวนนี่
แล้วพวกเจ้าจะรู้สึกผิด เก่อเย่ร้องออกมา พวกเจ้าจะรู้สึกผิด !
เมื่อพูดจบเก่อเย่ก็เลิกดิ้นรน เขาได้เผาไหม้จิตเพื่อระเบิดตัวเอง พลังอันน่ากลัวได้ระเบิดออกมาจนทั้งสามต้องถอยกลับ ดาบร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังของระเบิดนี้ก็ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา
ใจกลางหลุมนั้นมีดาบที่สั่นไหวอยู่ราวกับว่าอยู่เพื่อเป็นพยานการตายของแม่ทัพ…แม่ทัพที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว