ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1938 : วูหยาน

  เก่อเย่ตายไปแล้ว

  ร่างกาย, วิญญาณและจิตของเขาโดนทำลายไปอย่างสมบูรณ์

  พื้นดินพังราบเป็นหน้ากลองราวกับบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด

  ซุนเหมิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับมองผ่านกระแสเวลาแล้วพูดขึ้น   บรรพชน เราแก้แค้นให้ท่านได้แล้ว 

  ผู้คนโดยรอบต่างก็ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

  ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย เก่อเย่ที่มีพลังสูงส่งยากจะหาใครทัดเทียมได้ กลับตายไปในเวลาไม่นาน

  การตายของซุนเหลียนเชิงนั้นพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่การได้เห็นการตายของเก่อเย่ตรงหน้านี้ทำให้พวกเขาต่างก็อึ้งไป

  แม่ทัพที่ไม่ใช่แค่จ้าวโกลาหลทั่วไป แต่กลับต้องมาตาย    ข้าขอโทษด้วยอาจารย์ ข้าไม่อาจจะทำตามที่ท่านสั่งได้ …  ซุนเหมิงได้สติกลับมาก่อนจะบอกกับจางลู่และคนอื่นๆ

  จางลู่โบกมือและพูดขึ้นมา   ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่อาจจะคาดเดาได้ เก่อเย่ยอมตายแทนที่จะเข้าไปในวังวน หากเปลี่ยนเป็นเราแล้ว เราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เช่นกัน 

  คำพูดนี้ทำให้ซุนหยานและซุนวูโล่งอกขึ้นมา ตราบใดที่จางลู่และคนอื่นๆไม่ถือโทษพวกเขา พวกเขาก็พอใจแล้ว

    ลองค้นดู  จางลู่บอกกับเจ้าสำนักและร่างแยกอื่นๆ   โถงกองทัพสังเกตการณ์พังราบไปหมดแล้ว มันจึงสะดวกกับการค้นหายิ่งกว่าเก่า 

  ต่อมาทุกคนก็พากันแผ่การรับรู้ออกไปเพื่อค้นหาว่ากล่องกระบี่นั้นอยู่ที่ไหน

  ส่วนที่สำคัญคือคลัง หากไม่พบกล่องกระบี่ในคลัง งั้นมันก็หมายความว่ากล่องกระบี่ไม่ได้อยู่ที่นี่  ผู้คนรอบๆได้แต่กลั้นหายใจและไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาไม่กล้าถามว่าจางลู่หาอะไรอยู่

  ซุนเหมิงค่อยๆทะยานลงมาที่พื้น นางจับดาบที่ปักอยู่ที่พื้นขึ้นมา ของชิ้นนี้คือสมบัติที่พวกเขาได้มา ส่วนจะทำยังไงกับมันนั้นนางยังไม่รู้

  ผ่านไปสักพัก จางลู่และคนอื่นๆก็ค้นทั้งโถงกองทัพสังเกตการณ์เสร็จ แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็โดนค้นเช่นกัน แต่ก็ยังไม่รับรู้ถึงตัวตนของกล่องกระบี่เลย

   แปลก ทำไมกล่องกระบี่ไม่อยู่ในคลัง ?  จางลู่คิ้วขมวดและมองไปยังคนอื่นๆ  พวกเจ้ารับรู้ได้รึไม่ ? 

  ทุกคนพากันส่ายหน้า   ข้าค้นหาทั่วแล้วแต่ก็ไม่เห็นกล่องกระบี่ 

  นี่ไม่ต้องพูดถึงกล่องกระบี่เลย ของที่คล้ายกันพวกเขาก็ยังหาไม่พบ

    มันน่าจะอยู่ในคลัง  จางลู่คิ้วขมวด  เขาพกมันไว้กับตัวรึ ? 

  ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจจับมิติที่เก่อเย่สร้างขึ้นมา บางทีคงมีแค่จักรพรรดิเท่านั้นที่ทำได้

  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มั่นใจว่ากล่องกระบี่นั้นอยู่ในมิติแยกส่วนที่เก่อเย่สร้างขึ้นมารึไม่

    แล้วจะเอายังไงต่อ ?  เจ้าสำนักถามขึ้นมา

    เราไม่อาจจะทำอะไรต่อได้ เราต้องหาคนที่เกี่ยวข้องกับเก่อเย่  ความว่าเปล่าพูดขึ้น   เมื่อเก่อเย่ซ่อนมันเอาไว้ เขาต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่ มันไม่อาจจะปกปิดอะไรได้โดยสมบูรณ์ หากทำความผิดแล้วปกปิดมันได้ งั้นมันก็ไม่ใช่ความผิด 

  การไม่ก่อความผิดคือการปกปิดที่ดีที่สุด

  ตอนนั้นเองเฒ่าเทียนจีก็พูดขึ้นมา  ความว่างเปล่า กล่องกระบี่นั่น เก่อเย่ไม่ได้พกมันติดตัวได้ 

  ทุกคนพากันหันกลับไปมองเฒ่าเทียนจีก่อนจะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า   ทำไมกัน ? 

    ความสำคัญของกล่องกระบี่นั้น เก่อเย่รู้ดีกว่าใคร เขาในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์อาจจะโดนซื่อเซียว เรียกตัวไปตอนไหนก็ได้ หากเขาพกมันกับตัว ด้วยความสามารถของซื่อเซียวแล้ว มันก็เสี่ยงที่จะเปิดเผยเรื่องกล่องกระบี่ และสำหรับคนที่ระวังตัวแบบเก่อเย่แล้ว เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นแน่ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางพกของสำคัญแบบนั้นติดตัว ข้าไม่คิดจะรับความเสี่ยงแบบนั้นแน่… 

  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เห็นว่ามันมีเหตุผล

  การวิเคราะห์ของเฒ่าเทียนจีสมเหตุสมผลอย่างมาก

    มันคงเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราคาดไม่ถึง แต่เจ้ากลับคิดออก  จางลู่กล่าวชมออกมา

  เฒ่าเทียนจียิ้มออกมาแต่เขากลับทำท่าเหมือนไม่ได้ยินคำชม  จางลู่มองไปรอบๆ   งั้นทุกคนลองคิดดูว่าเก่อเย่จะเอากล่องกระบี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน ? 

  โถงกองทัพสังเกตการณ์ไม่มี พวกเขาค้นหาแล้ว และมั่นใจอย่างมาก

  แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้จักเก่อเย่เท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่อาจจะหาคำตอบที่ถูกต้องได้

  จางลู่คิดสักพักก่อนจะเรียกลั่วเซียงเข้ามาหา ลั่วเซียงตัวสั่นแต่ก็ได้แต่ต้องบินเข้ามาหา

    เจ้ารู้รึไม่ว่าเก่อเย่สนิทกับใคร มีที่พิเศษที่ไหนบ้างที่เขามักจะไป ?  จางลู่ถามขึ้นมา

  ลั่วเซียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะพูดว่า   แม่ทัพ…ไม่สิ ท่านเก่อเย่ มักจะทำตัวลึกลับ เราไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากครั้งที่แล้วที่ได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้ตรวจสอบทีมคังเฉียงแล้ว เขาก็ไม่ได้ออกจากเมืองเลย แม้แต่ร้านอาหารก็ยังไม่ไป ข้าไม่รู้ว่าเขาเคยไปที่ไหนมาบ้าง 

  สำหรับว่าเขาสนิทกับใครนั้น ลั่วเซียงก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้เช่นกัน

  เก่อเย่ทำตัวลึกลับ เขาไม่เชื่อใจใคร เขาจะสนิทกับใครได้ยังไง ?

    ช้าก่อน…  ลั่วเซียงนึกถึงคนคนหนึ่ง   อู๋ห่าว! 

  เขาเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทีเคารพ   ท่านเก่อเย่ไม่ได้มายุ่งกับเรา มีแค่ตอนที่มีภารกิจของกองทัพสังเกตการณ์เท่านั้นถึงจะเรียกใช้เรา แต่มีคนเดียวที่เขาเชื่อใจ นั่นก็คืออู๋ห่าว เขาสำคัญกว่าข้าและกวนเหริน หากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับท่านเก่อเย่ บางทีอู๋ห่าวอาจจะรู้ได้ 

    อู๋ห่าวรึ ?  จางลู่ได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกคุ้นหู

  ลั่วเซียงอธิบายออกมา   อู๋ห่าวคือหนึ่งในสามสุดยอดนายพลของกองทัพสังเกตการณ์ ฐานะของเขาทัดเทียมกับข้าและกวนเหริน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ประจำอยู่ที่นี่ เขาโดนย้ายไปยังสำนักงานใหญ่ของสามกองทัพเพื่อดูแลที่นั่น    จางลู่กระจ่างขึ้นมาทันที   เป็นเขานี่เอง ! 

  ความทรงจำที่จางหยูส่งมาให้กับพวกเขานั้น มันมีคนที่ชื่ออู๋ห่าวอยู่ด้วย เขาคือหัวหน้าดูแลสำนักงานใหญ่ จางหยู ค่อนข้างประทับใจในตัวอีกฝ่าย ดังนั้นเมื่อจางลู่ได้ยินชื่อนี้จึงรู้สึกคุ้นหู แต่เขาแค่ไม่คิดว่านี่จะเป็นหัวหน้าดูแลสำนักงานใหญ่

    ดี พวกเจ้าไปได้แล้ว  จางลู่พยักหน้าพร้อมกับบอกกับทุกคน

  เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พากันแยกย้ายออกไปและไม่คิดจะอยู่ต่อ

  จางลู่ได้บอกกับซุนเหมิง, ซุนหยาน และซุนวู   พวกเจ้ากลับไปก่อน กลับไปบอกทุกคนว่าให้เข้าออกเขตซื่อเซียวได้อย่างอิสระไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย… 

  ซุนเหมิงลังเลและถามขึ้นมา  แล้วดาบนี่… 

    นี่เป็นดาบของเจ้า  จางลู่และร่างแยกอื่นๆไม่คิดจะแย่งดาบนี้จากซุนเหมิง พวกเขาเป็นร่างแยกของจางหยู ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของร่างหลักต้องเสียหาย

    ขอบคุณอาจารย์  ซุนเหมิงพูดขึ้นด้วยความซึ้งใจ

  จางลู่ไม่คิดจะแก้คำพูดให้กับซุนเหมิง

  เมื่อทั้งสามคนกลับไปแล้ว จางลู่,เจ้าสำนัก และร่างแยกอื่นๆต่างก็พากันเดินทางไปยังเมืองซิงลั่วทันที

  สำหรับโถงกองทัพสังเกตการณ์ที่กลายเป็นซาก ไม่มีใครมาเอาผิดพวกเขา ทหารไม่กล้าจะพูดแม้แต่คำเดียวราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ยังไงซะพวกเขาก็ได้เห็นซุนเหมิง, ซุนวู และซุนหยานฆ่าเก่อเย่แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่มีความกล้าพอมาถามหาค่าชดเชยจากทีมคังเฉียง

  เรื่องนี้แม้แต่ซื่อเซียวเองก็ยังไม่ใส่ใจ คนอื่นๆจะกล้าท้วงได้ยังไง ?

  ที่เมืองซิงลั่ว…….   จางลู่และคนอื่นๆได้เดินทางตามข้อมูลที่มีในหัวและกลับมายังสำนักงานใหญ่อีกครั้ง

  สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองซื่อเซียวยังไม่ส่งข่าวมาถึงที่นี่ แต่คนส่วนมากที่นี่ก็เคยพบกับจางหยูมาแล้ว ดังนั้นหลังจากที่จางลู่ และคนอื่นๆเข้ามาในสำนักงาน พวกเขาก็พากันไปต้อนรับด้วยท่าทีเคารพและแจ้งเรื่องนี้กับอู๋ห่าวทันที

  อู๋ห่าวรีบออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพ   เจ้าสำนัก ข้าขอโทษที่มาต้อนรับพวกท่านช้าไป หวังว่าท่านจะเข้าใจ 

  ท่าทีของเขาถ่อมตัวและอบอุ่นดูเป็นมิตรอย่างมาก เขาเป็นสุดยอดนายพลจริงๆรึ ?

    ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสนิทกับเก่อเย่รึ ?  จางลู่ถามออกมาตามตรง

  อู๋ห่าวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า   ท่านเก่อเย่ไม่เคยเชื่อใจใคร ข้าจะสนิทกับเขาได้ยังไง ? 

  เมื่อพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงของอู๋ห่าวกลับเปลี่ยนไป   แต่หากนับนายพลคนอื่นๆในกองทัพสังเกตการณ์แล้ว ท่านเก่อเย่ เชื่อใจข้ามากกว่าคนอื่น…  ตอนที่พูดถึงเรื่องนี้อู๋ห่าวเผยสีหน้าภูมิใจออกมา ยังไงซะการได้รับความเชื่อใจจากเก่อเย่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของเขา

  แต่เขายังไม่รู้เลยว่าแม่ทัพที่เขายกย่อง ตอนนี้ได้กลายเป็นเถ้าไปแล้ว

  จางลู่ตาเป็นประกายขึ้นมา   เป็นความจริงงั้นรึ ? 

  อู๋ห่าวพูดขึ้น  หากข้าพูดเท็จ เขาอาจจะลงโทษข้าได้ 

    เจ้ารู้เรื่องกล่องกระบี่รึไม่ ?  จางลู่มองไปที่อู๋ห่าวเพื่อตรวจสอบท่าทีของอู๋ห่าว

  อู๋ห่าวพูดขึ้นมา   กล่องกระบี่รึ ? มันคืออะไร 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset