ดูเหมือนว่าการที่ข้าบาดเจ็บจะส่งผลกระทบไม่น้อยเลย มันทำให้หุ่นเชิดได้สติกลับมาเล็กน้อย จิตสวรรค์คิ้วขมวด
จางลู่ยังแสดงท่าทีเฉยเมย เขาไม่ได้สนใจเรื่องหุ่นเชิดและจิตสวรรค์ เขาแค่อยากรู้ว่าใครกันที่ทำร้ายจิตสวรรค์ได้
จิตสวรรค์เหมือนรับรู้ได้ถึงความร้อนใจของจางลู่และได้พูดขึ้นว่า หุ่นเชิดพูดถูก มีคนฝ่าเข้ามาในสุสานแล้วโจมตีข้า
จางลู่แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
ชายคนนั้น…มีนามว่าไห่อู่เซิง จิตสวรรค์พูดขึ้น เขาคือลูกน้องที่แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ติดตามร่างหลัก เขาสร้างผลงานไว้มากมาย เขาแข็งแกร่งอย่างมาก ! เมื่อพูดถึงเรื่องนี้น้ำเสียงของจิตสวรรค์ก็เคร่งเครียดขึ้นมา ความแข็งแกร่งของเขา เจ้าคงนึกภาพไม่ออก เขาอยู่ระหว่างราชากับจ้าวโกลาหล มันคือขอบเขตพิเศษ ขอบเขตนี้ข้าเรียกมันว่าขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ในโกลาหลแห่งนี้มีแค่สามคนที่มาถึงขอบเขตกึ่งพิเศษได้ หนึ่งคือข้า สองคือต้นไม้โกลาหล และอีกคนก็คือไห่อู่เซิง ไห่อู่เซิงคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามคน ในด้านความแข็งแกร่งแล้วข้ากับต้นไม้โกลาหลนั้นไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้ นอกเสียจากว่าข้ากับต้นไม้โกลาหลจะร่วมมือกันถึงจะเอาชนะเขาได้
เมื่อได้ยินชื่อไห่อู่เซิง จางลู่ก็นึกถึงบรรพชนกระดูก(ไห่ แปลว่ากระดูก)
หรือว่าคนที่จิตสวรรค์พูดถึงก็คือ บรรพชนกระดูก งั้นรึ ?
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางลู่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด? แข็งแกร่งกว่าจิตสุสานและต้นไม้โกลาหลอีกรึ ?
หากไห่อู่เซิงนั้นคือบรรพชนกระดูกจริงๆ งั้นอีกฝ่ายก็ปกปิดตัวเองเป็นอย่างดีจริงๆ
อะไรคือขอบเขตการสร้างไร้จำกัด? แล้วทำไมเขาถึงโจมตีเจ้ากัน ? จางลู่ถามขึ้นมา สิ่งที่เรียกว่าขอบเขตการสร้างไร้จำกัดนั้น อันที่จริงแล้วก็อยู่ในขอบเขตผู้ควบคุม แม้จะอยู่ระดับหมื่นเท่า แต่ก็มีพลังสร้างที่ไร้ขอบเขต ทำให้พลังสร้างหรือจิตผู้สร้างนั้นเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่ารึหลายร้อยเท่า จิตสวรรค์พูดขึ้นอย่างช้าๆ สรุปคือพวกเขายังเป็นราชาแต่ยังไม่อาจจะทะลวงผ่านจากราชาได้
จางลู่คิดตามแล้วพูดขึ้น งั้นจะบอกว่าเจ้าก็ยังเป็นราชาแต่เพราะมีพลังสร้างนับไม่ถ้วนจึงทำให้เจ้าแกร่งเช่นนี้รึ ?
จิตสวรรค์พยักหน้าตอบรับ จะว่าแบบนั้นก็ได้
งั้นทำไมเขาต้องโจมตีเจ้าด้วย ? จางลู่ถามขึ้นอีกครั้ง
เพราะ…เขาหักหลังร่างหลักของข้า จิตสวรรค์แผ่รังสีอาฆาตออกมา หลังจากที่ร่างหลักตายไป เขาก็ทำตัวเป็นนกพิราบครองรังนกกางเขน[1] เข้าครอบครองโกลาหลและขึ้นแทนที่จ้าวโกลาหล เพื่อกลายเป็นจ้าวโกลาหลคนใหม่ แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าถึงร่างหลักจะตายไปแล้วแต่โกลาหลก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา มีแค่การขึ้นไปถึงขอบเขตนั้นจริงๆที่จะควบคุมโกลาหลได้ เขาประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไป ความทะเยอทะยานของเขามันเหนือกว่าความสามารถที่เขามี เขาเจอการสะท้อนพลังกลับตอนที่กำลังดูดซับจิตผู้สร้าง
สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยก็คือแม้ว่าร่างหลักจะตายไปแล้ว แต่ข้าก็ไม่ได้ตายตามเขาไปด้วย หลังจากที่ข้ารู้ถึงความทะเยอทะยานของเขาแล้ว ข้าก็ฉวยโอกาสซุ่มโจมตีตอนที่เขาโดนพลังสะท้อนกลับ ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ส่วนจิตผู้สร้างของร่างหลักก็ได้เปิดสุสานสวรรค์ขึ้นมา พร้อมกับมีลานแห่งวิวรณ์ปรากฏขึ้น
น่าเสียดายที่ข้าประเมินความแข็งแกร่งของเขาต่ำเกินไป แม้ว่าจะโดนจิตผู้สร้างสะท้อนพลังกลับ ทั้งยังโดนข้าซุ่มโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน แต่เขาก็ไม่ตาย ในระหว่างที่ซ่อนตัวเขาก็ฟื้นฟูตัวเองอย่างเงียบๆ นอกจากนี้เขายังร่วมมือกับราชาคนอื่นๆเพื่อสร้างที่ที่เรียกว่าโกลาหลนภาขึ้นมา
จางลู่แปลกใจขึ้นมา เจ้ารู้จักโกลาหลนภาด้วยรึ ?
แน่นอน จิตสวรรค์พูดขึ้น ยังไงซะเขาก็มีหุ่นเชิดจำนวนมาก บางคนน่ะเคยได้รับคำเชิญจากโกลาหลนภา บางคนถึงกับเป็นสมาชิกของที่นั่น แต่เมื่อพวกนั้นพบกับลานแห่งวิวรณ์ สุดท้ายพวกนั้นก็ได้กลายเป็นหุ่นเชิด
จางลู่มั่นใจว่าคนที่จิตสวรรค์พูดถึงนั้นคือบรรพชนกระดูก
ไห่อู่เซิงเคียดแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขามองหาโอกาสเพื่อที่จะแก้แค้น จิตสวรรค์พูดขึ้น ไม่ใช่แค่นั้น การที่เขาหักหลังร่างหลัก เขาก็กังวลเรื่องที่ข้าจะชุบชีวิตให้กับร่างหลัก เขากลัวว่าเขาจะโดนทวงหนี้แค้น ดังนั้นเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อกันไม่ให้ข้าชุบชีวิตร่างหลักขึ้นมา นอกจากนี้เขายังหลอกผู้คนเป็นจำนวนมาก เขาพยายามรวบรวมพลังของทุกคนเพื่อสร้างโกลาหลแห่งใหม่ขึ้นมาและขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล…
การสร้างโกลาหลแห่งใหม่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้า เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการก้าวขึ้นไปขอบเขตจ้าวโกลาหล !
จางลู่ไม่มั่นใจว่าจิตสวรรค์โกหกรึไม่ เขาได้พูดขึ้น บางทีเขาอาจจะพยายามสร้างโกลาหลแห่งใหม่เพื่อขึ้นไปขอบเขตนั้น แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเมื่อโกลาหลแห่งใหม่กำเนิดขึ้นมาแล้ว มันจะช่วยชีวิตผู้คนได้มาก
มันดีต่อบรรพชนกระดูกและผู้คนนับไม่ถ้วน
ช่วยหรือ? เจ้าคิดว่าเขามีเมตตาขนาดนั้นเลยรึ? เขาพยายามสละทั้งโกลาหลรวมถึงสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างโกลาหลแห่งใหม่ขึ้นมา อย่าไปฟังสิ่งที่เขาพูดเลย เขาน่ะยอมสละทั้งโกลาหลโดยไม่ลังเลเพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่เขาจะพัฒนาโลกของเขาให้กลายเป็นโกลาหลที่แท้จริงให้ได้
จางลู่ลังเล เจ้ารู้ได้ยังไง ?
จิตสวรรค์มองไปที่จางลู่แล้วพูดขึ้น เจ้าไม่เห็นรึว่าลำแสงนี้คล้ายกับลำแสงของลานแห่งวิวรณ์ ? ข้าควบคุมหุ่นเชิดนับไม่ถ้วนให้สละพลังสร้าง ส่วนบรรพชนกระดูกก็หลอกให้ทุกคนถ่ายเทพลังร่วมกัน…แม้ว่าจะไม่ได้บังคับแต่โดยแก่นแท้แล้วมันก็เหมือนกัน
เมื่อได้ยินที่จิตสวรรค์พูดมา จางลู่ก็ลังเลยิ่งกว่าเก่า
เสาแสงของลานแห่งวิวรณ์และโกลาหลนภานั้นคล้ายกันจริงๆ
แค่ในโกลาหลนภาไม่มีวิหารแต่กลับมีลานหินแทน
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ? จางลู่สับสน
จิตสวรรค์พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะนี่คือกฎวิวรณ์ ในระหว่างที่ร่างหลักสร้างโกลาหลขึ้นมานั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงกฎนี้บทบาทที่แท้จริงของมันก็คือการสร้างโกลาหลและรักษาความเป็นระเบียบของโกลาหล ข้าในฐานะร่างแยกแล้วย่อมรู้จักกฎนี้ดีและยังรู้ด้วยว่ากฎวิวรณ์คืออีกหนทางหนึ่งที่จะชุบชีวิตร่างหลักขึ้นมา ไห่อู่เซิงในฐานะลูกน้องที่แข็งแกร่งของร่างหลัก ร่างหลักจึงได้สอนกฎวิวรณ์ให้กับเขาแต่มันคือกฎที่มีการดัดแปลง
หากเป็นเรื่องการดัดแปลงทักษะแล้วจางลู่เหมือนจะมีประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้ เขาแสดงท่าทีเก้ออายออกมา
กฎวิวรณ์แบบดัดแปลงนั้นต้องใช้พลังมากกว่า จิตสวรรค์พูดขึ้น แม้ว่าข้าจะฆ่าผู้คนไปมากมายและทำให้ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เป็นทาส แต่มันก็ส่งผลต่อโกลาหลในระดับที่โกลาหลพอรับได้ เมื่อฟื้นคืนชีพให้กับร่างหลักแล้ว โกลาหลก็จะฟื้นฟูขึ้นมา แต่เขาน่ะไม่เหมือนกัน
จิตสวรรค์พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ข้ามีจิตผู้สร้างของจ้าวโกลาหลเป็นพื้นฐานในการสร้างลานแห่งวิวรณ์ขึ้นมา แต่ไห่อู่เซิงนั้นต้องใช้ราคาที่มากกว่า การสร้างโกลาหลนภาขึ้นมานั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น ที่สำคัญกว่านั้นข้าได้ใช้กฎวิวรณ์ที่สมบูรณ์ออกมา เงื่อนไขมันของค่อนข้างง่าย แต่กฎวิวรณ์แบบดัดแปลงที่เขาใช้ออกมานั้นเงื่อนไขมันมากกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ หากจะทำให้สำเร็จก็ต้องสูญเสียทั้งโกลาหล !
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จิตสวรรค์ก็หัวเราะออกมา ระหว่างสละทั้งโกลาหล…กับทำให้โกลาหลนภากลายเป็นโกลาหลที่แท้จริง เจ้าคิดว่าเขาจะเลือกอะไร ?
บางที…อาจจะเป็นอย่างหลัง? จางลู่เงียบไปสักพักแล้วตอบกลับด้วยสีหน้าหม่น
หากเป็นตัวจางลู่เอง เขาอาจจะเลือกสละทั้งโกลาหล
เจ้าซื่อสัตย์มาก จิตสวรรค์พยักหน้า ข้าได้ฆ่าผู้คนนับไม่ถ้วนและทำให้ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เป็นทาส บางทีในสายตาของผู้คนแล้วข้าคงเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ แต่เทียบกับเขาแล้วข้านั้นเมตตากว่าด้วยซ้ำ อย่างน้อยข้าก็ไม่คิดจะสละทั้งโกลาหล
ไม่ใช่ว่าเจ้าเมตตาหรอกแต่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น จางลู่ค้านขึ้นมา หากเจ้าต้องสละทั้งโกลาหลจริงๆ ข้าก็มั่นใจว่าเจ้าจะทำแบบนั้นอย่างไม่ลังเล
จางลู่เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ อีกอย่าง เรื่องที่เจ้าสังหารผู้ควบคุมก็เป็นเรื่องจริง แต่ไห่อู่เซิง…จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยทำเช่นนั้น ส่วนในอนาคตเขาจะเสียสละทั้งโกลาหลหรือไม่นั้น มันก็เป็นเรื่องของอนาคต มันยังไม่เกิดขึ้น ใครถูกใครผิดยังไม่อาจตัดสินได้?
แล้วยังไงต่อ ? เจ้าจะช่วยข้าจัดการกับเขารึ ?
จางลู่ส่ายหน้าและพูดขึ้น ข้าไม่สนใจเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเจ้า เรื่องของบรรพชนกระดูก ข้าก็ไม่สน ข้าสนแค่โกลาหล ใครที่คิดร้ายต่อโกลาหล ข้าก็จะจัดการกับคนนั้น
เขามองไปที่จิตสวรรค์แล้วพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย สิ่งที่เจ้าทำมาก่อนหน้านี้ข้าไม่สนแต่หลังจากนี้เจ้าไม่อาจจะฆ่าคนโดยไร้เหตุผลได้ เจ้าไม่อาจจะล่อคนเข้ามาที่นี่และไม่อาจจะควบคุมพวกเขาได้ต่อ… จางลู่แสดงจุดยืนออกมา
คำพูดของจางลู่ทำให้จิตสวรรค์หงุดหงิด ปราณสุสานได้ปะทุออกมาจากตัวมันก่อนที่มันจะตะโกนขึ้น เป็นไปไม่ได้ !
ที่ข้าทำก็เพื่อฟื้นคืนชีพร่างหลัก ! หากคิดจะหยุด จิตของเขาจะหลับใหลไปตลอดกาล สุดท้ายโกลาหลจะถูกทำลาย…
เจ้าจะทำยังไงกับข้าเมื่อข้าไม่เห็นด้วย ? ในตอนที่จิตสวรรค์ไม่สนใจ จางลู่ก็ได้สร้างรูหนอนขึ้นมาที่ด้านหลังก่อนจะพูดขึ้น สำหรับโกลาหลแล้ว ตราบใดที่เจ้าไม่สร้างปัญหา ข้าก็เชื่อว่าโกลาหลก็ยังเหลือเวลาอยู่มาก มันเพียงพอที่ข้าจะหาทางช่วยโกลาหลได้
ตราบใดที่เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลได้ เขาก็หาทางช่วยโกลาหลได้แน่
จิตสวรรค์มองไปที่จางลู่ด้วยสายตาที่เจือไปด้วยจิตสังหาร
[1] นกพิราบครองรังนกกางเขน หมายถึง ครอบครองบ้านหรือที่ดินของผู้อื่นโดยพลการ