ตอนที่ 43: แผนรับมือ
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงออกมาจากสโมสรกีฬาแล้ว ร่างกายของเขาก็พลันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและยากที่จะควบคุมอารมณ์
พลังของเสี่ยวเฉิงนั้นเพิ่มขึ้นมากเกินไปเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มันไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบทีละเล็กทีละน้อยเลยด้วยซ้ำ และสำหรับหมัดสุดท้ายของเสี่ยวเฉิง ถ้ามันเผลอไปกระแทกถูกใครเข้า… เสี่ยวเฉิงก็แทบไม่อยากจะจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย ทั้งนี้ มันดูจะเป็นพลังที่น่ากลัวเกินไป แม้แต่เสี่ยวเฉิงเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเลย
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันบ่นพึมพำกับตัวเอง พวกแพทย์เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเซรุ่มชีวภาพที่ถูกฉีดเข้าไปยังไม่สมบูรณ์ แถมมันยังเป็นเซรุ่มที่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันแล้วก็ความสามารถทางกายภาพของเสี่ยวเฉิงอีกด้วย? แต่ทำไมประสาทรับฟังของเสี่ยวเฉิงกลับดีขึ้น? แล้วทำไมเสี่ยวเฉิงถึงได้มีพละกำลังที่น่ากลัวขนาดนี้ล่ะ?
อันที่จริง ถ้านายแพทย์คนนั้นที่นี่… เขาก็คงจะต้องรู้แน่ว่ายีนหรือพันธุกรรมที่ทำให้เสี่ยวเฉิงสามารถระเบิดพลังออกมาได้ขนาดนี้คืออะไรกันแน่…
ใช่แล้ว มันคือความแข็งแกร่งอันทรงพลังของมดยังไงล่ะ!
นักวิจัยหลายคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้ามดมีขนาดเท่ามนุษย์ ความสามารถในการยกของที่หนักกว่าตัวเองได้ถึงห้าสิบเท่านั้นจะช่วยให้พวกมดสามารถเข้ายึดครองและกลายเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็ได้ทำการปลดล็อคความแข็งแกร่งของตัวเองไปแค่สิบเท่าของน้ำหนักตัวเท่านั้น อีกทั้ง เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเซรุ่มที่ถูกฉีดเข้าไปจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์เช่นนี้
อันที่จริง เสี่ยวเฉิงรู้สึกประหม่าก็เพราะเขากลัวว่าพลังที่ได้รับนั้นจะมาพร้อมกับผลข้างเคียงที่อันตราย…
ระหว่างทางกลับห้อง เสี่ยวเฉิงก็พลันก้มมองไปที่กำปั้นของตน
ไม่ว่าผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจะเป็นอะไร… แต่อย่างน้อย ความแข็งแกร่งและความสามารถทางประสาทสัมผัสของเสี่ยวเฉิงก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ตราบใดที่พละกำลังของเสี่ยวเฉิงยังคงเพิ่มขึ้นเช่นนี้อยู่ เขาก็มีหวังที่จะได้กลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบมังกรแล้ว!
มันเป็นสัญญาตั้งแต่วัยเด็กของเสี่ยวเฉิง… ข้อตกลงระหว่างพ่อและลูกชาย อีกทั้ง มันยังเป็นความแค้นที่ข้ามผ่านมาสองชั่วอายุคนแล้วด้วย
“เฉิง… แม่นายไปไหนแล้วล่ะ?”
ตอนนั้นเสี่ยวเฉิงยังเด็กมาก เขาพลันส่ายหัวด้วยความสับสน ในฐานะคนที่มักจะถูกเพื่อนกลั่นแกล้งและล้อเลียนอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นเด็กไม่มีแม่ เสี่ยวเฉิงพลันหวังว่าแม่จะกลับมาหาและอยู่เคียงข้างเขาสักครั้ง
ย้อนกลับไป พ่อผู้น่าเคารพรักแต่ชอบเก็บตัวพลันมองขึ้นไปยังท้องฟ้าและกล่าวคำพูด “พ่อต้องขอโทษด้วยนะลูกรัก ถ้าพ่อแข็งแกร่งกว่านี้… บางทีแม่ของลูกอาจจะกลับมาก็ได้ ความปรารถนาในชีวิตนี้ของพ่อก็คือการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กดีและมีอนาคตที่สดใสกว่าตอนนี้”
“แล้วผมต้องทำยังไงถึงจะได้เจอแม่ล่ะครับ?”
คุณพ่อพลันหัวเราะอย่างขมขื่นและตอบกลับ “มันก็คงยากหน่อยนะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าลูกสามารถเข้าไปอยู่ในหน่วยรบมังกรและกลายเป็นยอดทหารได้ บางทีคุณปู่ก็อาจจะพาลูกไปหาคุณแม่ได้นะ”
ในตอนนั้น เสี่ยวเฉิงยังคงเด็กและไร้เดียงสาอยู่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของหลินจื้อซือก็มาบอกกับเสี่ยวเฉิงเรื่องหนึ่ง “อย่าเกลียดแม่ตัวเองเลยนะ แม่นายเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นาย คุณปู่ก็คงจะฆ่าพ่อของนายไปนานแล้ว… มันเป็นการแต่งงานที่ไม่สมเหตุสมผลเลยตั้งแต่แรก”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เข้าใจว่าครอบครัวของตนถูกใครสักคนทำลาย อีกทั้ง มันไม่ใช่การแต่งการที่สมควรแต่แรกเลย แม้แต่ในวันที่จัดงานศพของพ่อ เสี่ยวเฉิงก็ไม่เห็นว่าแม่ของตัวเองจะโผล่มาเลยด้วยซ้ำ
เพราะเหตุนั้น เสี่ยวเฉิงจะต้องเข้าร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบมังกรให้ได้ เขาต้องทำความรู้จักและตีสนิทกับเบื้องบน และสักวันหนึ่ง เสี่ยวเฉิงก็จะต้องออกตามหาต้นตอของตระกูลที่มาทำร้ายครอบครัวของตนให้พบ เสี่ยวเฉิงสาบานเอาไว้ว่าจะลากตัวอีกฝ่ายมายังหน้าหลุมฝังศพของพ่อให้ได้ พวกเขาทุกคนจะต้องมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าหลุมศพของพ่อ!
ทุกครั้งที่เสี่ยวคิดถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในจิตใจก็พลันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงก็ควบคุมสติและอารมณ์ของตัวเองได้ ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังสตาร์ทรถ เขาก็พลันสังเกตเห็นว่ารถไม่สตาร์ทติด ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็พลันก้มลงไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงเห็นว่าสายไฟทุกเส้นถูกตัดจนขาดจนไม่เหลือชิ้นดี แถมยังมีกระดาษใบหนึ่งติดอยู่อีกด้วย
เสี่ยวเฉิงพลันอ่านข้อความบนกระดาษ “คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของพวกเราเองแหละ แล้วถ้าอยากจะจับตัวพวกเราขังคุกนัก ก็เชิญมาตามที่อยู่นี้ได้เลย!”