บทที่ 64
นอกงานเลี้ยง ถังหยินเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพราะสำหรับเขาแล้ว งานนี้มันช่างน่าเบื่อสิ้นดี
โดยไม่พูดไม่จา ชายหนุ่มรีบเดินออกจากที่นี่และตรงดิ่งกลับไปยังห้องของเขาที่โรงเตี๊ยม ส่วนชิวเจิ้นที่เป็นตัวต้นเหตุก็ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อไว้ในนั้น
เขาคิดว่าหลังจากที่ออกมาแล้วจะช่วยให้อารมณ์ขึ้น แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
นี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกชาวบ้านควรที่จะเข้านอนกันหมดจนไม่เหลือใครแล้วแท้ ๆ แต่ทว่าตอนนี้กลับมีผู้คนมากมายตามท้องถนนไม่ต่างจากหัววันเลย
ความกังวลเริ่มปรากฏขึ้นในใจเขา
หรือว่าจะมีอุบัติเหตุที่โรงเตี๊ยม ? พวกองครักษ์ที่หยินโรวพามาด้วยล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทกันทั้งนั้น ถ้าพวกเขาเจอศัตรูก็คงจะรับมือได้อย่างง่ายดาย อีกอย่าง ใครหน้าไหนกันที่จะคิดกล้าโจมตีองค์หญิง ?
ถึงเขาจะคิดในหัวแบบนั้น หากแต่ร่างกายกลับกระทำสวนทางกัน เขารีบเดินรวดเร็วยิ่งขึ้น
ห่างออกไปไม่ไกล เขาเห็นโรงเตี๊ยมแล้ว และมันก็ดูเหมือนจะปกติสุขไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึง… ปราณกดดัน!
มันยากที่จะบอกความแข็งแกร่งของต้นทางปราณดังกล่าวได้ แต่เขาก็พอจะระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้คร่าว ๆ
มันต้องไม่ใช่พลังปราณจากฝั่งเดียวกันแน่ เพราะว่าพวกของเขาไม่มีใครที่เก่งกล้าขนาดนี้หรอก แม้แต่เขาเองก็ยังทำไม่ได้เลย
ถ้างั้นแล้ว เป็นศัตรูหรือ ?
แย่แล้ว! ถังหยินสบถในใจ เขาสะบัดมือแล้วเรียกดาบออกมาพร้อมกับปลดปล่อยเกราะปราณออกมา ก่อนที่ดาบในมือของเขาจะกลายเป็นอาวุธปราณ
ชายหนุ่มกระโดดลอยตัวเหาะไปยังโรงเตี๊ยม
เมื่อเข้าไปใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงปราณกดดันที่แรงกล้ามากขึ้น
เมื่อพลังของเขาเข้าสู่ระดับปราณสู่พิสดาร มันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถต้านทานปราณกดดันได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป
เขารู้สึกว่าปราณกดดันนั้นไม่ได้ปล่อยออกมาจากจุดเดียว หากแต่มาจากรอบทิศทาง
เมื่อเข้าไปใกล้ เขาก็ยิ่งเข้าใจ พวกทหารที่ยืนคุ้มกันอยู่นั้น พวกเขาต่างก็ถูกปราณกดดันเสียจนไม่อาจขยับไปไหนได้เลย แม้แต่พูดก็ยังทำไม่ได้
ส่วนผู้บุกรุก พวกเขาแต่งกายในชุดดำ ใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีเดียวกัน รูปร่างไม่ชัดเจน ทว่าพลังปราณที่ถูกปล่อยออกมาจากพวกเขาทั้ง 4 นั้นรุนแรงพอตัว
พวกเวรนี่เป็นใครกัน ? พวกมันสามารถกักตัวทหารที่อยู่รอบ ๆ หลายร้อยคนได้ในคราวเดียวแถมยังสามารถสยบหัวหน้ากองของเขาทั้ง 4 คนที่อยู่ในระดับปราณวิบัติได้ด้วย
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดว่าจะปรากฏตัวดีหรือไม่ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังออกมาจากในโรงเตี๊ยม
แย่แล้ว! พวกมันเข้าไปข้างในแล้ว!
ถังหยินไม่รีรอ เขากำดาบในมือไว้แน่นแล้วปล่อยพลังปราณพุ่งเข้าใส่คนลึกลับทั้ง 4 ที่อยู่ตรงทางเข้าในทันที
ต่อหน้าปราณกดดันพวกนี้ ถังหยินไม่สามารถขยับได้ตามใจชอบมากนัก ถ้าหากชายหนุ่มจะเข้าไปช่วยหยินโรว ถ้างั้นก็ต้องจัดการคนชุดดำตรงนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน !
การปรากฏตัวของเขาทำให้ชายลึกลับทั้ง 4 รู้ตัว ทว่าพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ทำเพียงแค่หันกลับมามองที่ชายหนุ่มเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเขาถืออาวุธปราณสีดำในมือ ทั้งสี่ก็ดูจะมีท่าทีตื่นตะลึง
พวกเขาไม่พูดไม่จาอะไร หากแต่ใช้ดวงตาในการสื่อสาร
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเวลาใช้ปราณกดดัน การป้องกันของผู้ใช้ก็จะกลายเป็น 0 ทันที ถ้าหากไม่สามารถกดดันอีกฝ่ายได้ ตัวผู้ใช้ก็จะเป็นอันตรายเสียเอง
ดั่งเช่นตอนนี้
พวกเขาเลือกที่จะถอยหนีและเหลือไว้เพียงคนเดียวเพื่อหยุดถังหยิน
เมื่อปราณกดดันถูกปลด อีกฝ่ายก็เริ่มมีช่องว่างที่มากขึ้น
หัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังในคืนนี้คือกู่เยว่ แม้ว่าพวกทหารธรรมดาจะขยับไม่ได้แต่เขาทำได้ ทว่าด้วยแรงกดดันอันมหาศาล มันก็ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้ามาก
เขาเห็นถังหยินเดินเข้ามาด้วยความยากลำบาก ดังนั้นจึงตัดสินใจวิ่งเข้าหาชายชุดดำทั้งสี่และตะโกน “แม่ทัพถัง ระวังตัวด้วย พวกมันแข็งแกร่งเกินไป เป้าหมายของพวกมันคือองค์หญิง รีบไปช่วยฝ่าบาทเร็วเข้า! ปล่อยให้ข้าจัดการที่นี่เอง…”
โดยไม่รอให้พูดจบ ชายชุดดำก็พุ่งเข้าหากู่เยว่ทันที ในขณะที่อยู่กลางอากาศ คนผู้นั้นก็ได้ปลดปล่อยเกราะและอาวุธปราณออกมา ในครั้งนี้มันคือดาบเล่มใหญ่ที่ทั้งกว้างและยาว หรือที่รู้จักกันในชื่อดาบหัวตัดขนาดยักษ์
ภายใต้แรงกดดันแบบนี้มันทำให้ถังหยินและกู่เยว่ขยับตัวได้ยากมาก
ดังนั้นกู่เยว่จึงกลายเป็นดั่งเป้านิ่งที่สามารถกำจัดได้อย่างง่ายได้ ดาบใหญ่ในมือของอีกฝ่ายตวัดเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
ชายชุดดำมีปราณที่สูงกว่ากู่เยว่ และการเคลื่อนไหวก็เร็วกว่าเช่นกัน กู่เยว่ได้แต่มองอีกฝ่ายที่กำลังจะลงดาบบั่นคอตัวเองโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
แม้แต่ตอนนี้ดาบกำลังจะตัดเข้าที่ลำคอของกู่เยว่ เขาก็ไม่สามารถขยับตัวได้
ในวินาทีสุดท้ายนั้นเอง ดาบซิมิทาร์ 2 เล่มก็ได้เข้าป้องกันไว้ทันท่วงที
ดาบซิมิทาร์ของถังหยินสะท้อนแสงเย็บเฉียบ ถึงแม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันแบบนี้ หากแต่ถังหยินก็ยังสามารถปัดป้องการโจมตีเอาไว้ได้ทัน ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้วิชาที่เรียกกันว่า ‘สับเปลี่ยนเงา’ ได้
ยามค่ำคืนเช่นนี้ วิชาสับเปลี่ยนเงาแทบจะไร้กฎเกณฑ์ มันสามารถใช้ในการไปไหนมาไหนได้อย่างไร้ขีดจำกัด ดังนั้นเมื่อเห็นว่าตนตามอีกฝ่ายไม่ทัน ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะใช้การสับเปลี่ยนเงาในทันที !
“เจ้าไปปกป้ององค์หญิงเถอะ ข้าจะจัดการพวกนี้เอง!” ถังหยินกล่าวออกมาพร้อมกันนั้นเขาก็ยกเท้าถีบอีกฝ่ายออกไป
“แม่ทัพถัง…”
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ทั้งยังมีกัน 4 คนอีกด้วย
“หยุดพล่ามแล้วไปซะ!”
เสียงของเขาเย็นชาและดุดัน
“รับทราบ!” ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ไม่ควรจะรีรอ หลังรับคำแล้วกู่เยว่ก็รีบวิ่งเข้าไปในตึกทันที
ชายชุดดำป้องกันการโจมตีของถังหยินไว้ได้ เขาแค่จะฆ่ากู่เยว่เท่านั้นและไม่คิดว่าถังหยินจะเข้ามาแบบนี้
อีกฝ่ายพยายามแทงถังหยินจากด้านหลัง
ทว่าดาบในมือของชายหนุ่มกลับชิงเหวี่ยงเข้ามาเสียก่อน โชคดีที่ชายชุดดำหลบได้ทัน และโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว ดาบของถังหยินก็พุ่งเข้ามาใส่หน้าท้องของชายชุดดำอย่างดุดัน!
แม้จะรู้ว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม หากแต่จังหวะนี้ก็ต้องถอยหนีก่อน
ถังหยินเคลื่อนไหวเร็วเกินไป การต่อสู้ระยะประชิดไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
ชายชุดดำถอยออกมาสองก้าว และเพิ่มระยะห่างออกไป ก่อนที่จะเลิกไล่ตามกู่เยว่แล้วหันมาจัดการกับถังหยินแทน
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะเข้าใจชายหนุ่มเป็นอย่างดี และรู้ว่าไม่สามารถจัดการถังหยินได้โดยง่าย ดังนั้นชายชุดดำจึงใช้ปราณเหวี่ยงดาบขึ้นไปบนอากาศ ก่อนที่รอบ ๆ ตัวจะแตกออกกลายเป็นคลื่นพลัง 5 สายเข้าใส่ถังหยินตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในเมื่ออีกฝ่ายปลดปล่อยคลื่นพลังออกมา 5 สายพร้อมกัน ถังหยินจึงคาดเดาว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะต้องแกร่งกว่าเขาแน่ ๆ อย่างน้อย ๆ ก็คงอยู่ในระดับปราณดั้งเดิม
เขาสูดหายใจลึก ๆ แล้วก้มตัวลงหลบคลื่นพลังพวกนั้น ถึงจะเป็นการเคลื่อนที่ไหวที่ดูประหลาด หากแต่ก็ได้ผลดีเยี่ยมในการหลบเลี่ยงพวกมันทั้งหมด
“เฮ้!”
ชายชุดดำกู่ร้องพร้อมกับเหวี่ยงดาบยาวสร้างคลื่นออกมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มเย้ยหยันในใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ถึงจะรู้ว่าพลังทำลายของคลื่นปราณนั้นทรงพลัง หากแต่มันก็คงไม่มีทางใช้ได้ต่อเนื่องขนาดนี้
เหตุที่ชายชุดดำปล่อยคลื่นปราณออกมาเมื่อครู่ก็เพื่อจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่คิดว่าถังหยินที่ติดอยู่ภายใต้ปราณกดดันจะเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วแบบนี้
และเมื่อเห็นว่าตนนั้นไม่สามารถล้มถังหยินได้แน่ถ้าหากไม่ใช่พลังที่มากกว่านี้ ดังนั้นแล้วชายชุดดำจึงเริ่มปลดปล่อยพลังออกมา
ชายหนุ่มมองดูด้วยความตะลึง เขาไม่เคยเห็นวิชานี้มาก่อน แต่โชคดีที่วิชาดังกล่าวมีอยู่ในความทรงจำของหยานหลี่
วิชาที่อีกฝ่ายกำลังใช้นั้นคือ ‘วิชาผ่าสายลม’ มันเป็นวิชาที่ผู้ใช้จะปลดปล่อยลมออกมานอกร่างกาย ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเงาเพื่อบดบังวิสัยทัศน์อีกฝ่าย
ต่อให้เขาสามารถใช้วิชามองทะลุเงาพวกนั้นได้ หากแต่ชายหนุ่มก็คงไม่มีวันรู้อยู่ดีว่าใครคือตัวจริง ตัวปลอม กระบวนท่าดังกล่าวนั้นอันตรายมากทีเดียว เพราะทุกร่างล้วนแล้วแต่สามารถเป็นจริงได้หมด อีกทั้งทุกการโจมตีก็ถึงตายได้เลยทีเดียว
ถังหยินถอยออกมาสองก้าวเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาที่ทรงพลังแบบนี้
หากแต่ชายชุดดำไม่คิดจะปล่อยเขาไป ร่างจริงของเขาและร่างปลอมพุ่งเข้าหาถังหยิน ดาบ 7 เล่มเล็งไปยังจุดตายของเขา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยคมดาบและแสงสะท้อนที่แทงทะลุดวงตาทุกคนโดยรอบ ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ไม่อาจบอกความแตกต่างได้แน่ !
ถังหยินส่ายหัวและเลือกที่จะยอมแพ้กับการหาตัวจริง เขาคิดที่จะเผชิญหน้ากับทั้ง 7 ดาบไปตรง ๆ เลย
แค่เพียงดาบเดียวก็ทำให้ปวดหัวมากพอแล้ว แต่นี่กลับมีถึง 7 !
ไม่นานนักชายหนุ่มก็เหลือแค่พลังในการป้องกันและไม่สามารถโจมตีสวนกลับได้เลย มันทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่แค่เขาจะไม่สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาอาจจะเหนื่อยตายก่อนได้ไปช่วยฝ่าบาทด้วยซ้ำ !
ถังหยินกัดฟันและทำใจให้สงบ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้างั้นก็คงต้องจัดการพวกมันทั้งหมดในทีเดียวให้มันจบ ๆ ไป!