บทที่ 71
เย่ชิงเฟิงเปลี่ยนไป
“ท่านลุงเย่….ข้านั้นอยากรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้น…เชื่อถือได้หรือไม่?” หลินเว่ยเห็นท่าทางที่ระมัดระวังของ
เย่ชิงเฟิง ใบหน้าของเขาก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ และถามอย่างเคร่งขรึม
“มันเป็นเรื่องธรรมดา ในฐานะหัวหน้าตระกูลเย่ คำพูดของข้านั้นเชื่อถือแน่นอน” เมื่อได้ยินคำถามของ
หลินเว่ย และใบหน้าของตระกูลเย่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นเย่ชิงเฟิงจึงโพล่งออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
“อืม! เยี่ยม!” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดยืนยัน รอยยิ้มของหลินเว่ยก็เพิ่มขึ้นทีละนิด จากนั้นเขาก็หยิบชุดอาวุธขึ้นมาอีกสี่ชิ้น และใส่ไว้ในกระเป๋ามิติ โดยมีสายตาและอาการปากค้างของ เย่ชิงเฟิง จับจ้อง
มันเป็นดาบสั้น และดาบยาว ดาบสั้นเป็นอาวุธวิญญาณที่มีพลังด้อยกว่าดาบยาว ที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลาง ไม่ใช่ว่าหลินเว่ยนั้นไม่ต้องการก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ที่แห่งนี้มีอาวุธสี่ชิ้น มีดาบสั้นสองเล่ม ขวาน และดาบยาว
มีเพียงดาบยาวเท่านั้นที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลาง หลินเว่ยไม่ใช่คนโง่เขาจึงเลือกดาบยาว สำหรับดาบนั้นเขาเตรียมไว้สำหรับเถาจุนผู้รับใช้อันดับหนึ่งของเขา เพื่อต้องการให้อีกฝ่ายเสริมความแข็งแกร่ง และสามารถส่งเขาไปใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นในอนาคต
“หลานชายคนดี เจ้า … ” ลมหายใจของเย่ชิงเฟิงสั่นไปทั่วร่างกายของเขา หลินเว่ยนั้นไร้ยางอายเกินไปเกินกว่าที่เขาจินตนาการมากนัก โดยที่ไม่ถามความเห็นของเขาเลยสักคำ แต่กลับคว้ามันใส่กระเป๋ามิติทันที ?
“ท่านลุงเย่…ท่านเคยบอกข้าหลายครั้งแล้วว่า สามารถนำอะไรกลับไปก็ได้ คำพูดก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปจากบ้านแล้ว อย่าได้เสียใจไปเลย” หลินเว่ยรู้ว่าเย่ชิงเฟิงกำลังจะทำอะไร เขาจึงชิงพูดออกมาก่อน ด้วยคำพูดทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหักล้างได้
“เรื่องนี้…”
เย่ชิงเฟิงนั้นพูดไม่ออก หลินเว่ยนั้นคือปีศาจตัวร้าย หลอกล่อให้เขาตกหลุมพราง โดยไม่ได้ระมัดระวังตัว และ เย่ชิงเฟิงนั้นไม่คาดคิดว่าหลินเว่ยจะเป็นคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้ เขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ของวิญญาณชั่วร้าย
ตอนนี้ไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไร เนื่องจากเขานั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง? ไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรขั้นห้า ที่ติดตามอีกฝ่าย ไม่ว่าเย่ชิงเฟิงจะสามารถเอาชนะทั้งสองได้หรือไม่นั้น ไม่ต้องพูดถึง เย่ชิงเฟิงที่ไม่สามารถเนรคุณผู้มีพระคุณได้
ดังนั้นเย่ชิงเฟิงจึงดูจะเข้าใจอะไรอย่างถ่องแท้ เขาไม่กังวลอีกต่อไปว่า หลินเว่ยจะเอาสมบัติไปกี่ชิ้น จากนั้นอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเป็นคนเปิดเผยและภายในใจรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น
แม้แต่ช่วงพลังที่เขายังติดขัดอยู่และไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ ก็ยังรู้สึกหละหลวมเล็กน้อย นี่อาจเป็นการตระหนักรู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
“หลานชาย! รองเท้าคู่นี้เป็นของดี มันเรียกว่ารองเท้า จื่อหยุน มันถูกสร้างขึ้นจากหนังของสัตว์อสูรขั้นหก เสือดาวเมฆาม่วง ไม่เพียงเพิ่มความเร็วของผู้สวมใส่ได้สามส่วน แต่ยังมีทักษะที่สำคัญสองอย่าง: ทักษะหลัก คือ เพิ่มความเร็ว รวดเร็วดั่งพายุ
ซึ่งสามารถเพิ่มความคล่องแคล่วรวดเร็วได้เป็นสองเท่าในเวลาอันสั้น ประการที่สองคือทักษะขั้นกลาง คือ เหาะเหินเดินอากาศ ซึ่งสามารถทำให้ผู้สวมใส่มีความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศ ”
ทันใดนั้น เย่ชิงเฟิงก็หยิบรองเท้าขึ้นมาและแนะนำหลินเว่ยอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็มอบมันลงในมือของหลินเว่ยโดยตรง หลินเว่ยถูกบังคับให้รับสิ่งของไว้ ไม่ว่าเขาต้องการมันหรือไม่ก็ตาม
“หืม … ”! ท่านลุงเย่ ท่านไม่สบายหรือไม่? สิ่งนี้มันคู่ควรมอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ? “หลินเว่ยขบคิดว่าเย่ชิงเฟิงเสียสติไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงถามอย่างระมัดระวัง
“ฮ่าฮ่า! ไม่…ข้าสบายดี เจ้ารับไว้เถอะ เห็นข้าเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือ? เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของหลินเว่ย เย่ชิงเฟิงก็หัวเราะทันทีสองครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืม…ถ้าอย่างนั้นหลานจะรับไว้ แม้ว่าเย่ชิงเฟิงที่เปลี่ยนท่าทางไปจะทำให้หลินเว่ยระมัดระมังตัว แต่เขาก็ชอบรองเท้าคู่นี้จริง ๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใส่มันไว้ในกระเป๋ามิติ
“หลานชายคนดี! ลองดูคัมภีร์ลับทั้งสามนี้ เล่มนี้เป็นทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงของซวนหยวนจู่ มันคือฝ่าทลาย และเล่มนี้คือศิลปะการต่อสู้คือซวนหยวนจู่ระดับสูง และคัมภีร์ลับทักษะซวนหยวนจู่ เล่มสุดท้ายคือ คัมภีร์ลับสำหรับการเหาะเหินเดินอากาศ
แม้ว่ามันจะเป็นทักษะระดับต่ำ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะอื่น ๆ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะฝึกฝน ข้าจะไม่ลงรายละเอียดมากนัก เจ้าสามารถนำกลับไปฝึกฝนด้วยตัวตนเองได้ ”
ก่อนที่หลินเว่ยจะได้สติ เย่ชิงเฟิงได้หยิบหนังสือสามเล่มจากกรอบไม้ที่ตั้งอยู่ แนะนำโดยละเอียดและส่งให้ หลินเว่ยอีกครั้ง
ในตอนนี้ หลินเว่ยนั้นไม่กล้าที่จะรับมัน มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เย่ชิงเฟิงนั้นกินอาหารผิดมาหรือไม่? แม้ว่าหลินเว่ยจะเป็นหลานชายหรือผู้มีพระคุณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดีกับเขาขนาดนี้! ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นแค่คนนอกตระกูล
“อะไรกัน…….ข้ารู้สึกหวาดกลัวกับเย่ชิงเฟิงในท่าทางแบบนี้เสียจริง?” เย่ชิงเฟิงเห็นว่าหลินเว่ยไม่ได้ยื่นมือออกมารับไป ใบหน้าของเขามืดครึ้มและกังวลใจ เขามองเข้าไปในดวงตาของหลินเว่ย ด้วยความระแวดระวัง มีร่องรอยของความโกรธผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาและกำลังจะเอ่ยปากถามขึ้น
ไม่รอให้หลินเว่ยเปิดปาก เย่เหิงและเย่ถงเสวี่ยพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว พวกเขาจ้องมองเย่ชิงเฟิง จนอยากจะเป็นลม ด้วยสายตาอันเฉียบคมอย่างรวดเร็ว พวกเขาส่ายหัวอีกครั้งเขาก็หันหลังกลับ
“ฮ่าฮ่า! ข้าแค่อยากจะขอบคุณเจ้า ที่ทำให้การเลื่อนขั้นของข้าเริ่มมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง ไม่กังวลมากเจ้าไม่สามารถนำคัมภีร์ลับศิลปะการต่อสู้ทั้งสามออกจากตระกูลเย่ได้ . แต่เจ้าสามารถคัดลอกไปได้ เพียงฉบับเดียวเท่านั้น” เพื่อข้าจะได้มอบให้ถงเสวี่ยกับเย่เหิงฝึกฝน เย่ชิงเฟิงหันไปดูสองพี่น้อง จากนั้นหันหน้าไปมองหลินเว่ยและพูดอย่างใจดี
“ไชโย! ข้ากลัวแทบตาย!
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเย่ชิงเฟิงและเห็นสายตาที่จริงใจของกันและกัน หลินเว่ยและเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แม้ว่าเสี่ยวไป๋จะหยิ่งยโสแต่พวกเขาก็ต้องไม่หยิ่งผยองจนเกินไป คาดว่าเย่ชิงเฟิง
หากว่าเกิดคลั่งขึ้นมา เนื่องจากมีโทสะเกินควบคุม เสี่ยวไป๋ก็ครั่นเนื้อครั่นตัว
“ท่านลุงเย่ไม่ต้องกังวล คืนนี้หลังจากข้าคัดลอกเสร็จแล้ว ข้าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้” หลินเว่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ต้องรีบ ๆ! ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถอยู่ได้นานเท่านาน มาคุยกันเรื่องสมบัติที่เหลือกันเถอะ” เย่ชิงเฟิงพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว
“ท่านลุงเย่….ช่างมันเถอะ ข้าได้มันมากเกินไปแล้ววันนี้” หัวใจดวงน้อยของหลินเว่ยซึ่งเพิ่งได้รับการเยียวยา ก็ฉีกขาดอีกครั้ง แม้ว่าอยากจะขอบคุณเขา แต่ท่านก็ไม่จำเป็นต้องประเคนทุกอย่างมาให้เขาจนหมด
“เอาไว้ครั้งหน้า ข้าจะมาที่นี่อีก หากมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือ” แม้ว่าอารมณ์ของเย่ชิงเฟิงจะเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังคงทุกข์ใจมาก ที่เห็นหลินเว่ยขนสมบัติของเขาออกไป เนื่องจาก หลินเว่ยพูดเช่นนั้น
เขาจึงมีบันไดลงสำหรับเรื่องนี้ และเขาต้องรีบไปจัดการสมบัติที่เหลืออยู่!
จากนั้น หลินเว่ยติดตามเย่ชิงเฟิงเดินลงบันได เมื่อเขาผ่านชั้นสอง หลินเว่ยก็หยุดอยู่พักหนึ่ง และหยิบคัมภีร์ลับทั้งสามออกไป พวกมันทั้งหมดเป็นเคล็ดลับระดับต่ำ ทักษะการใช้ดาบ เดิมทีหลินเว่ยวางแผนที่จะเลือกหนึ่งทักษะสำหรับตัวเองที่นี่
ท้ายที่สุดสิ่งที่เขาฝึกฝนมานั้นไม่ใช่เรื่องพื้นฐานทั่วไป และไม่มีประโยชน์มากนักเขาจึงละความพยายาม