เซี่ยงเส้าหยุนไม่รอช้า ปล่อยพลังงานสายฟ้าจากดวงดาวแรก และสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดจากกระดูกสายฟ้า แหล่งพลังงานทั้งสองทับซ้อนกัน และไหลผ่านเส้นลมปราณที่แขนก่อนจะยิงออกจากหมัดไป พลังสายฟ้าพุ่งออกส่งเสียงราวกับมังกรคำราม
เปรี้ยง!
สุนัขทมิฬสองหัวถูกการโจมตีจากวิชาดัชนีนั่น และก่อนที่จะได้ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ เด็กหนุ่มได้ปล่อยหมัดออกมา ซึ่งมีพลังสายฟ้ามหาศาล เปลี่ยนต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างให้กลายเป็นเถ้าถ่าน พลังจากหมัดนั่นมีพลังเหนือกว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวอย่างแน่นอน
ด้วยพลังจากหมัดอัสนีบาตรขั้นสาม ในขั้นที่หนึ่งจะผสมผสานพลังงานกับหมัดของผู้ใช้ ในขั้นที่สองจะสามารถผสานสายฟ้าเข้าไปในหมัด และในขั้นที่สามจะสามารถดึงดูดสายฟ้าเข้าไปในร่างกาย
หยิบยืมสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดจากร่างกาย เซี่ยงเส้าหยุนสามารถปลดปล่อยผลกระทบที่มีในขั้นสอง ผสานสายฟ้าเข้าไปยังหมัด นี่เป็นหมัดที่มีเพียงเฉพาะผู้ใช้หมัดอัสนีบาตรขั้นสองจะสามารถปลดปล่อยได้ และแท้จริงแล้วมันมีพลังทำลายล้างเหนือกว่าการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาเสียอีก
มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาเท่านั้นจึงจะสามารถหยิบยืมพลังแห่งธรรมชาติเพื่อปลดปล่อยการโจมตีอันทรงพลัง สุนัขทมิฬสองหัวมีร่างกายที่ยืดหยุ่น แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อร่างกายสัมผัสกับหมัดเต็มพลังของเซี่ยงเส้าหยุนก็ระเบิดออกทันที
เซี่ยงเส้าหยุนมองไปยังหมัดของตนด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเศษเนื้อตรงหน้า เขารู้สึกได้ว่าตนนั้นสามารถเอาชนะปีศาจชั้นสูงได้แน่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะสามารถสังหารพวกมันได้ด้วยเพียงหมัดเดียว
“นี่นะหรือพลังแห่งอัสนีบาต? ไม่ นี่คือพลังจากสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิด หรืออาจจะเป็นการผสานของทั้งสอง” เซี่ยงเส้าหยุนสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเผยสีหน้าตื่นเต้น
หลังจากพบพลังหมัดของตน ความมั่นใจของเซี่ยงเส้าหยุนก็เพิ่มขึ้น ด้วยสิ่งนี้ การออกจากเทือกเขาร้อยอสูรคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เขาเริ่มออกเดินทางอีกครั้งด้วยความมั่นใจ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ บนฟากฟ้าได้มีผู้หนึ่งมองดูทุกการกระทำ
“ดูเหมือนคุณชายจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว คงไม่ต้องการให้ข้าคุ้มกันอีกแล้ว ดูเหมือนเราต้องฝึกหนักให้มากกว่านี้เพื่อที่จะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคุณชาย มิเช่นนั้น ข้าคงจะถูกผลักไสในอนาคตแน่นอน” ชายผู้นั้นคือผู้อาวุโสเจิ้นเผิง เขาเป็นห่วงเซี่ยงเส้าหยุน หลังจากพากจื่อฉางเหอไปส่งยังที่ปลอดภัยแล้ว เขาก็ได้กลับมาสอดส่องเซี่ยงเส้าหยุนในความมืด
ตอนนี้เขาได้เห็นพลังอันน่าทึ่งของเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว เขาจึงเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเซี่ยงเส้าหยุนจะสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ด้วยกำลังของตน นอกจากนี้ ด้วยตระหนักว่าเซี่ยงเส้าหยุนต้องการจะอยู่ที่นี่ และไม่ต้องการรบกวนผู้อื่น
ในขณะที่ความลังเลอันน้อยนิดในการมาเป็นผู้ติดตามเซี่ยงเส้าหยุนได้อันตทานหายไป เขาจะไม่มีวันเสียใจที่ได้ติดตามคุณชายผู้ซึ่งมีความเป็นไปอันไร้ขอบเขตเช่นนี้
หลังจากผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจากไป เซี่ยงเส้าหยุนมองไปยังจุดที่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงอยู่ และกล่าวคำเบา “นี่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงอยู่แถวนี้หรือ? เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนมีคนมองดูข้าอยู่?”
จากนั้นเขาก็สายหัว และเริ่มเดินทางต่อท่ามกลางป่าทึบ เมื่อได้มาถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างด้านนอก และด้านในของเทือกเขาร้อยอสูร ที่นี่มีสัตว์ปีศาจจำนวนมากอาศัยอยู่
ระหว่างเดินทาง มีสัตว์ปีศาจมากมายเข้าจู่โจมเขา และมีอีกไม่กี่ครั้งที่เขาจะพ่ายแพ้ หากไม่ใช่เพราะเกราะชั้นในที่เขาสวมอยู่ในตอนนี้ คงจะถูกสังหาร หรือบาดเจ็บสาหัสแล้ว
ผ่านไปสามวัน เซี่ยงเส้าหยุนได้สังหารปีศาจชั้นสูงห้าตน ปีศาจชั้นกลางอีกสิบห้าตน และยังหลบหนีปีศาจชั้นสูงช่วงท้ายอีกจำนวนมาก หากไม่มีวิชาก้าวราชันเก้าปรโลก และความเข้าใจในสายลมที่เพิ่งได้รับเมื่อไม่นานมานี้ เขาคงกลายเป็นอาหารสัตว์ไปแล้ว
สามวันที่อาบเหงื่อนั้นทำให้เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจว่าความแข็งแกร่งของตนเทียบเท่าได้กับช่วงต้นของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ หากสามารถต่อสู้กับใครบางคนในระดับที่เหนือกว่า เขาคงเป็นตัวประหลาดในสายตัวผู้ฝึกยุทธ์อื่น
แต่เซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้มองว่าตนเป็นตัวประหลาด เขารู้ว่าในสมัยโบราณ มีผู้ฝึกยุทธ์ช่วงต้นของระดับดวงดาวสามารถสังหารปีศาจชั้นสูงได้ด้วยเพียงหมัดเดียว นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพมากมายที่สามารถเหยียบย่ำราชาปีศาจได้ด้วยการกระทืบเท้า
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นตำนาน แต่เซี่ยงเส้าหยุนเชื่อว่าเรื่องประหลาดเหล่านั้นเป็นจริง หากมีตัวอย่างที่ดีจะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างดีเยี่ยม ดังนั้น อัจฉริยะที่สามารถต่อสู้กับคนมากมายที่อยู่ระดับที่เหนือกว่า แน่นอนว่า คนเหล่านั้นบางคนรวมอยู่ในรายชื่อผู้ที่เขาต้องเอาชนะให้ได้ในภายภาคหน้า ดังนั้น เขาจะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่านี้
เซี่ยงเส้าหยุนได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรเก่า ด้วยได้ยินบางอย่าง เขาจึงเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น
“ลูกพี่ ข้าเอง” เสี่ยวไป่ตะโกนเสียงดัง
จากนั้น เสือโคร่งสีขาวราวกับหิมะ และพุ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่ม มันคือเสี่ยวไป่ที่ขยายร่างขึ้น หากไม่ใช่เพราะสีขนของเขาเปลี่ยนไปทีละน้อย เขาคงจะดูเหมือนเสือขาว
เซี่ยงเส้าหยุนกอดที่คอของเสี่ยวไป่ และกล่าว “ฮ่า ฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้าปลอดภัย”
ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนลูบหัวเสี่ยวไป่ มันได้กล่าว “ลูกพี่ เราออกจากที่นี่กันดีมั้ย?”
“แน่นอน ก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าเจ้าจะมาไม่ทันเวลา” เซี่ยงเส้าหยุนพยักหน้า
“ลูกพี่ อย่าเพิ่งไปนะ ข้าพบมนุษย์ใกล้ ๆ นี้ ดูเหมือนพวกเขาจะค้นพบบางสิ่ง และพยายามต่อสู้เพื่อมันอยู่” เสี่ยวไป่กล่าวขณะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“งั้นหรือ แต่พวกเขาพบมันก่อน ลืมมันไปเสีย” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว เขาไม่ได้สนใจกับขยะของผู้อื่น เพราะเขาไม่ใช่โจร
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นคนจากกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง” เสี่ยวไป่กล่าวเสริม กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งเคยตามล่าเซี่ยงเส้าหยุนในครั้งแรกที่เขาได้รับน้ำพุปฐพีดวงดาว และตอนนั้น เสี่ยวไป่ยังไม่อาจช่วยอะไรเขาได้มากนัก
“กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งหรือ? เหอะ เหอะ เพื่อนตัวน้อย เราไปดูกันดีกว่า” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งเคยพยายามตามล่าเขาสองถึงสามครั้ง ตอนนี้คงเป็นเวลาที่จะตอบแทนแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนกระโดดขึ้นไปบนหลังเสี่ยวไป่ และมุ่งหน้าไปหากลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อมาถึงเขตป่าแห่งหนึ่งในเทือกเขา มีเสียงที่ไม่ชัดเจนนักของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งกำลังต่อกรกับสัตว์ปีศาจ
มีสมาชิกกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งที่นี่ถึงยี่สิบสามคน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาว ในขณะที่มีอีกห้าคนซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ
ขณะที่พวกนั้นกำลังต่อสู้กับฝูงช้างเกล็ดเงิน ช้างเกล็ดเงินเป็นสัตว์ที่ไม่เก่งในการรุกนัก แต่พวกมันเก่งกาจในการป้องกัน ถึงกระนั้น ก็ยังไม่อาจมองข้ามความสามารถในการรับมือของพวกมันได้
ตู้ม! ตู้ม!
ฝูงช้างแตกตื่นทุกหนแห่ง เขย่าผืนดิน และทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เหล่านักล่าไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลาได้กลายเป็นเศษเนื้อ แม้ช้างเกล็ดเงินดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก ในการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับแปรสภาพ เหล่านักล่าดูจะได้เปรียบมากกว่า
ยอดฝีมือช่วงท้ายระดับแปรสภาพได้หลบหนีออกไปจากฝูงช้างด้วยการเหยียบขึ้นไปบนหลังของพวกมัน และตะโกน “ผลเขาเงินจะต้องเป็นของข้า ตงฟางซั่ว!”