การประลองระหว่างเหลียวห่าว และลู่หยานเฉาได้เริ่มขึ้น พวกเขาต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเก้า และยังสามารถทรงตัวได้ดีบนแผ่นไม้ ทั้งสองใช้ทุกสิ่งที่เคยเรียนรู้มา และต่อสู้อย่างเข้มข้นในเวลาเดียวกัน พวกเขาต่างจับหมัดของอีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้ตกลงไปในแม่น้ำ การต่อสู้ระหว่างทั้งสองนั้นแทบจะเสมอกัน และเป็นการยากจะคาดคะเนว่าผู้ใดกันจะเป็นฝ่ายชนะ เหล่าผู้เยาว์จากทั้งสองฝ่ายต่างมองดูการประลองด้วยความประหม่า
“ลูกพี่ ท่านว่าใครจะชนะ?” เซี่ยหลิวฮุยกระซิบกับเซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ตอนนี้พวกเขาอาจจะดูเสมอกัน แต่หากต่อสู้กันบนบกแล้ว ข้ามั่นใจว่าลู่หยานเฉาจะต้องชนะ แต่นี่ เขาค่อนข้างเสียเปรียบบนผืนน้ำ”
เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจมอบคำตอบได้ แต่คำเหล่านั้นก็กระจ่างพอแล้ว
“หรือท่านคิดว่าลู่หยานเฉาจะแพ้?” เซี่ยหลิวฮุยกล่าวเสียงดังขึ้น แม้จะระงับเสียงแล้ว แต่คนรอบข้างก็ยังได้ยินอยู่ดี ผู้เยาว์รอบข้างต่างจ้องมองไปยังเซี่ยงเส้าหยุน และเซี่ยหลิวฮุยอย่างไม่พอใจ เกียรติยศของทั้งสองสถาบันถูกขีดเส้นไว้ที่นี่ เหตุใดจึงดูถูกคนของตนเอง และยกยอคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?
แต่ในขณะนั้น มีบางสิ่งได้เกิดขึ้นกับลู่หยานเฉา
เหลียวห่าวได้เตะน้ำจากทะเลสาบเข้าใส่ดวงตาของลู่หยานเฉา เพื่อปิดวิสัยทัศน์ และขัดจังหวะ ขณะเดียวกัน เขาได้โจมตีไปที่ไม้กระดานที่ลู่หยานเฉายืนอยู่ เมื่อสูญเสียการทรงตัว เขาก็ได้ผลักลู่หยานฉวนให้ตกลงไปในแม่น้ำด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายในที่สุด
ลู่หยานเฉาไม่ลืมที่จะสวนกลับในชั่วขณะที่กำลังจะตกลงไปยังแม่น้ำ แต่โชคร้าย เหลียวห่าวกลับหลบมันได้อย่างง่ายดาย
ตู้ม!
ลู่หยานเฉาเปียกโชก บ่งบอกถึงความพ่ายแพ้
“สุดยอดเลย ศิษย์พี่เหลียว! สถาบันประตูธง! ชัยชนะ!” เหล่าศิษย์จากสถาบันประตูธงเริ่มตะโกนขึ้น
มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของลั่วหลิน ขณะที่เขากล่าว “พี่ทัน พี่เจี้ย เป็นการต่อสู้ที่ดีนะ แต่ดูเหมือนเราจะได้ผู้ชนะแล้ว ฮ่า ฮ่า”
ทันกวงหัว เจี้ยฉือ และเหล่าศิษย์จากตำหนักยุทธ์รู้สึกราบกับถูกตบหน้า ความพ่ายแพ้ถือเป็นการดูถูก
ลู่หยานเฉาปีนขึ้นมาบนเรือ และกล่าวอย่างอับอาย “ศิษย์ผู้นี้สร้างความลำบากใจแก่ตำหนักยุทธ์นัก”
การต่อสู้บนผืนน้ำไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี หากเป็นบนบก เขาจะสามารถเอาชนะเหลียวห่าวได้อย่างง่ายดาย
“ชัยชนะ และความพ่ายแพ้เป็นสิ่งปกติของการประลอง อย่าคิดมากเช่นนี้เลยนะ” ทันกวงหัวกล่าว
“ข้าจะเป็นผู้สู้ในยกสองเอง” โม่ซูก้าวออกมาด้านหน้า และกล่าว ไม่ให้โอกาสผู้อื่นได้กล่าวสิ่งใด เขากระโดดลงไปยังแผ่นกระดาน ความสง่างามที่เปล่งประกายออกมาในทุกอิริยาบถ ทำให้เหล่าศิษย์หญิงต่างให้กำลังใจเสียงดัง พวกเขาไม่อาจละสายตาต่อโม่ซูได้เลย
“ศิษย์พี่ใหญ่! สู้สู้! ศิษย์พี่ใหญ่! สู้สู้!” เด็กสาวเริ่มส่งเสียงดัง
ชัยชนะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการฟื้นฟูจากความอับอายในการพ่ายแพ้ในยกแรก
ทันกวงหัว และเจี้ยฉือต่างโศกเศร้าในใจ การประลองประจำเมืองยังไม่ทันได้เริ่ม กลับต้องมาประสบกับความพ่ายแพ้อีก
พวกเขาต่างทราบกันดีหากโม่ซูออกโรงเองในตอนนี้ ซึ่งหมายถึงความพ่ายแพ้เพราะยังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพรออยู่ แน่นอนว่า ฟางฉิงเอ๋อเป็นผู้ต่อสู้ในยกนี้
ร่างอันสง่างามแล่นลงสู่ไม้กระดานอย่างบางเบา ราวกับนางฟ้าจุติจากสวรรค์ การปรากฏตัวของนางทำให้สายตาของศิษย์หนุ่มจากตำหนักยุทธ์ต่างจับจ้องไปในทันที นางมีความงามที่เทียบเคียงกับกงฉินหยิน น่าเสียดายที่กงฉินหยินยังอ่อนแอกว่านางนัก มิเช่นนั้นคงเป็นคู่ต่อสู้ของฟางฉิงเอ๋อผู้นี้ไปแล้ว และคงจะเป็นสิ่งที่น่ามองสำหรับเหล่าชายหนุ่มไม่น้อย
แม้แต่โม่ซูเองก็เผยสีหน้าแปลกประหลาดเมื่อจ้องมองไปยังฟางฉิงเอ๋อ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง หัวใจของเขาก็ได้เต้นไม่เป็นจังหวะ
“เรียกพวกของเจ้าอีกคนมาพร้อมกันเลย” เสียงที่ฟังชัดของฟางฉิงเอ๋อดังขึ้น
“นี่เจ้าดูถูกข้าหรือ?” โม่ซูขมวดคิ้ว
“หากระดับยุทธ์ของเจ้าสูงกว่านี้อีกสักหนึ่งขั้น ข้าอาจจะนับว่าเจ้าคู่ควร และข้าเชื่อว่านี่ยุติธรรมสำหรับเจ้าแล้ว” ฟางฉิงเอ๋อกล่าว
“เหอะ เหอะ เนื่องจากฉิงเอ๋อเสนอมาเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งสองก็มาร่วมต่อสู้ไปด้วยกันเถิด หากพวกเจ้าสามารถเอาชนะนางได้ ข้าจะถือว่าเราพ่ายแพ้” ลั่วหลินกล่าวอย่างอวดดี เขามีความเต็มใจอย่างเต็มเปี่ยม เพราะนางเป็นไพ่ตายของสถาบันประตูธง
“ไม่ แค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!” โม่ซูกล่าว และชักดาบออกจากหลัง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฟางฉิงเอ๋อ การโจมตีของเขารวดเร็วมาก ในชั่วพริบตา เขาก็แทงดาบออกไปถึงแปดครั้ง ทำให้ดูราวกับดาบแปดเล่มกำลังโจมตีพร้อมกันในครั้งเดียว และแต่ละการโมตีพุ่งเป้าไปที่ส่วนสำคัญของฟางฉิงเอ๋อ
ด้วยความแข็งแกร่งของโม่ซู เขาเป็นถึงยอดฝีมือช่วงสุดท้ายของระดับดวงดาว และด้วยวิชาดาบอันน่าทึ่งซึ่งสามารถจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพช่วงต้นได้ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนั่น ฟางฉิงเอ๋อทำเพียงยืนอยู่ที่จุดเดิม ดูเหมือนจะไม่กังวลกับการป้องกันตัวแม้แต่น้อย
เมื่อดาบของโม่ซูเข้าถึงตัว ชั้นของพลังงานได้ปรากฏขึ้นรอบกายนาง และป้องกันการโจมตี
ชิ้ง! เคร้ง!
เสียงดาบกระทบกับเกราะคุ้มกัน เกิดเป็นประกายไฟ และเสียงดังสนั่น
“ยอดฝีมือระดับแปรสภาพงั้นหรือ!” โม่ซูตะโกนเสียงดัง เขาทราบเพียงว่าคู่ต่อสู้นั้นเป็นถึงระดับแปรสภาพ แต่เมื่อได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาก็ต้องตื่นตระหนก
ศิษย์จากตำหนักยุทธ์เองก็ตกใจเช่นกัน หากคู่ต่อสู้เป็นถึงศิษย์ระดับแปรสภาพ โม่ซูเองก็ไร้ซึ่งโอกาส หรือแม้แต่เฉินฉินจะร่วมด้วย พวกเขาก็คงไม่อาจเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้
“เฉินฉิน เจ้าเองก็ไปเช่นกัน แม้จะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ แต่ก็จงทำให้ดีที่สุด” ทันกวงหัวกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
หากพวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินก่อนจะเข้าถึงเป้าหมายเสียอีก พวกเขาจะเข้าร่วมการประลองประจำเมืองไปได้เช่นไร? หากยังดึงดันจะเข้าร่วม พวกเขาจะได้รับเชิดชูเป็นผู้ชนะหรือไร
เฉินฉินพยักหน้า และกระโดดลงจากเรือเช่นกัน จากนั้นนางจึงเข้าช่วยเหลือโม่ซูในการต่อสู้กับฟางฉิงเอ๋อ โชคไม่ดีนัก พวกเขาไม่อาจทำอันตรายต่อนางได้เลย แม้จะร่วมมือกัน ในที่สุด ฟางฉิงเอ๋อได้โบกมือเบาบางส่งทั้งสองตกลงจากไม้กระดายทันที
ศิษย์ทั้งสามของตำหนักยุทธ์ล้วนพ่ายแพ้ พวกเขาทั้งหมดดูราวกับกลืนแมลงวันที่ตายแล้ว ซึ่งทำให้ดูอึดอัดอย่างมาก ในทางกลับกัน เสียงตะโกนดังขึ้นจากฝั่งของสถาบันประตูธง
“สถาบันประตูธง! ชัยชนะ! ฉิงเอ๋อ! งดงามกว่าผู้ใด!”
“สถาบันประตูธง! ชัยชนะ! ฉิงเอ๋อ! งดงามกว่าผู้ใด!”
“ตำหนักยุทธ์! พ่ายแพ้! ตำหนักยุทธ์! พ่ายแพ้!”
“ตำหนักยุทธ์! พ่ายแพ้! ตำหนักยุทธ์! พ่ายแพ้!”
พวกเขาต่างแสดงความตื่นเต้นราวกับถูกวางยา และยังสร้างความไม่พอใจแก่คนของตำหนักยุทธ์
“คนอื่นอาจกลืนคำสบประมาทนั่นได้ แต่ไม่ใช่กับลูกพี่ของข้า! หากเขาตัดสินใจจะต่อสู้เอง ทุกคนจะต้องพ่ายแพ้แก่เขาแน่!” เซี่ยหลิวฮุยตะโกนเสียงดัง เสียงของเขาดังมากขนาดที่เหล่าศิษย์จากสถาบันประตูธงได้ยิน
มีบุคคลหนึ่งตะโกนทันที “ลูกพี่ของเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลการประลองได้หรอก หากเขากล้าออกมา ไม่จำเป็นที่จะให้ศิษย์พี่หญิงของข้าต้องมือเปื้อน ข้าเพียงคนเดียวก็จะเอาชนะลูกพี่ของเจ้าได้ด้วยหนึ่งนิ้ว!”