โดยธรรมชาติ ทันกวงหัว และเจี้ยฉือไม่ทราบถึงบทสรุปของลั่วหลินแม้แต่น้อย แท้จริงแล้ว พวกเขาต่างรู้สึกเสียใจ ผู้เยาว์ที่ไม่ธรรมดาเฉกเช่นเซี่ยงเส้าหยุนอยู่ที่นี่ แต่พวกเขากลับส่งศิษย์สามคนนั้นออกไป และสร้างความอับอายให้แก่พวกเขา หรือพวกเขาจะตาบอดกัน? หากเซี่ยงเส้าหยุนไม่ยืนหยัดท้าทายต่อสถาบันประตูธง การประลองครั้งสุดท้ายคงจบไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ โชคดีนัก เซี่ยงเส้าหยุนได้ยืนอยู่ตรงนั้น และเหยียบย่ำคู่ต่อสู้ด้วยการเอาชนะเหล่าศิษย์จากสถาบันประตูธงหลายต่อหลายคน ซึ่งสร้างความพอใจให้แก่ทั้งสองมาก
“สาวน้อย จะลงมาหรือไม่? หรือจะให้ข้าขึ้นไปหาเจ้าเอง?” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มพูดจาลามปามอีกครั้ง
ฟางฉิงเอ๋อส่ายหน้า ก่อนจะก้าวออกไปด้านหน้าอย่างบางเบา นางร่อนลงอย่างสง่างามลงจากเรือลงสู่แม่น้ำ แทนที่นางจะยืนบนไม้กระดาน กลับยืนบนผิดน้ำอย่างมั่นคง นี่คือความสามารถของผู้ที่บรรลุระดับแปรสภาพขึ้นไป
ฟางฉิงเอ๋อไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นแรกทั่วไป นางได้บรรลุขั้นสองแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเอาชนะทั้งโม่ซู และเฉินฉิน
“หลังจากทำความเข้าใจพลังแห่งการเผยตัวของเจ้าแล้ว มันคงไม่ยากเลยที่เจ้าจะบรรลุระดับแปรสภาพในเร็ววัน แต่โชคร้ายนัก เข้าได้แสดงมันมากเกินไป เจ้าอยากจะเข้าร่วมกับเรา สถาบันประตูธงหรือไม่? ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เป็นผู้ติดตาม” ฟางฉิงเอ๋อเสนออย่างไม่อ้อมค้อม
เสน่ห์ของนางเพียงพอที่จะจับชายจำนวนมาก แต่เซี่ยงเส้าหยุนไม่ใช่เด็กชายธรรมดา เขามีหัวใจดั่งเหล็กกล้า และยังเป็นผู้ที่ผ่านโลกมามาก ฟางฉิงเอ๋อไม่งามพอจะทำให้เขาหลงได้
“ฮ่า ฮ่า ข้าเสนอให้เจ้ามาเป็นสาวใช้ และเจ้ากลับเสนอให้ข้าติดตามเจ้าหรือ เหตุใดเราจึงไม่มาเดิมพันกัน? ถ้าข้าแพ้จะยอมเป็นผู้ติดตาม และจะเชื่อฟังทุกคำสั่งของเจ้า หากเจ้าพ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวใช้ของข้า เจ้าคิดว่าไง?” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะเสียงดัง
ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำเหล่านั้น นี่เซี่ยงเส้าหยุนคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าฟางฉิงเอ๋องั้นหรือ?
“ฉิงเอ๋อ อย่าได้สนใจคำยั่วยุนั่น มันพยายามรบกวนจิตใจของเจ้า มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย” ลั่วหลินกล่าว ไม่ว่าจะมองยังไง เซี่ยงเส้าหยุนก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเจ็ดเท่านั้น เขาไม่มีวันเชื่อว่าฟางฉิงเอ๋อจะพ่ายแพ้ที่นี่
ฟางฉิงเอ๋อจ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุน และกล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้าแพ้ จะต้องมาเป็นคนรับใช้ของข้า”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น นางพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน นางก้าวบนผิวน้ำด้วยการเคลื่อนไหวราวกับนางอัปสร และปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ช่างเป็นการโจมตีที่รวดเร็ว และน่าตกใจ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ยอมรับว่านางควรค่าแก่การเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ
แม้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะเฝ้าระวังตลอดเวลา แต่การโจมตีนั่นก็เกือบเข้าถึงตัว เขาโยกหลบไปด้านข้างด้วยความเร็ว แต่กระนั้น เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกก็ขาดวิ่น
“เจ้าเป็นเด็กสาวแบบไหนกัน พยายามเปลื้องผ้าข้าในที่สาธารณะเนี่ยนะ? ข้าไม่ใช่คนง่ายขนาดนั้นนะ” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับอย่างจริงจัง
ในตอนแรก ฟางฉิงเอ๋อเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านั้น และนางเตรียมจะเข้าโจมตีอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ทำให้นางโกรธมากจนแทบจะตกลงไปในแม่น้ำ
“หากเจ้ายินยอม เราควรจะไปที่ห้องก่อน ข้าจะให้เจ้าปลดเปลื้องเสื้อผ้าของข้าตามที่ใจเจ้าปรารถนาเลย ข้าอายมากหากเจ้าจะทำเช่นนี้ต่อหน้าธารกำนัน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเขินอาย ขณะสร้างระยะห่าง เวลานั้น ไม่เพียงแต่ฟางฉิงเอ๋อที่โกรธเคือง แม้แต่คนบนเรือก็ยังคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นคนไร้ยางอาย
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเก่งเหมือนปากนะ” ฟางฉิงเอ๋อกล่าวขณะกระทืบเท้าบนผิวน้ำ นางหมุนตัวกลางอากาศ และส่งลูกเตะสองลูกเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน การโจมตีขณะพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับกระบวนท่าที่งดงาม สร้างเป็นระลอกคลื่นจำนวนมากในน้ำ
การโจมตีต่อเนื่องนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวทั่วไปจะหยุดได้ ด้วยการโจมตีสุดแรงของฟางฉิงเอ๋อ เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจนิ่งเฉยได้ ดวงตาของเขาจดจ่อ และเริ่มก้าวเท้า ก่อนจะชกอากาศตรงหน้าซ้ำไปซ้ำมา
ตู้ม! ตู้ม!
เมื่อหมัด และลูกเตะบรรจบกันครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดเป็นคลื่นเสียงกระจายออกไป และมีพลังงานดวงดาวที่แตกต่างกันกระจายไปทั่วทั้งสนามรบ ผลกระทบนั่นทำให้เซี่ยงเส้าหยุนต้องถอยหลังไป ร่างของเขาแกว่งไปมาบนไม้กระดานราวกับจะตกลงไปในไม่ช้า
“ถึงเวลาพ่ายแพ้แล้ว!” ฟางฉิงเอ๋อกล่าว และปลดปล่อยการเผยตัวของนาง มันกดทับเซี่ยงเส้าหยุน แม้ว่าจะทำเช่นนั้นแต่นางก็ไม่หยุดส่งลูกเตะ
การโจมตีทางกายภาพ และปลดปล่อยการเผยตัวพร้อมกันเป็นทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งสอง เซี่ยงเส้าหยุนยังคงสงบยิ่ง ด้วยเพราะการเผยตัวของเด็กสาวไม่ได้ผลกับเขาแม้แต่น้อย เขามัวแต่คิดหาวิธีที่จะครอบงำเด็กสาว
ไม่ว่าลูกเตะของฟางฉิงเอ๋อจะรวดเร็วเพียงใด หมัดเซี่ยงเส้าหยุนก็จะบรรจบกับลูกเตะทุกครั้ง แม้จะเผชิญกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสอง เขาก็ยังดูผ่อนคลาย ทุกคนต่างเริ่มสงสัยว่าเซี่ยงเส้าหยุนได้บรรลุระดับแปรสภาพแล้วงั้นหรือ
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเจ็ด เหตุใดจึงปัดป้องการโจมตีของฉิงเอ๋อได้?” ลั่วหลินตกใจถึงขีดสุด
ในทางกลับกัน ทันกวงหัว และเจี้ยฉือต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เซี่ยงเส้าหยุนเป็นม้ามืดที่เหนือความคาดหมาย
หลังจากที่การโจมตีล้มเหลว ในที่สุดฟางฉิงเอ๋อก็ถอยกลับ และเพิ่มช่องว่างระหว่างคู่ต่อสู้ นางมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างไม่ละสายตา จิตใจของนางไม่สงบอีกต่อไป
“ใจเย็นไว้ สาวน้อย เจ้าแข็งแกร่งมาก แท้จริงแล้ว ข้าเกือบจะตกจากไม้กระดานเสียด้วยซ้ำ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว หากไม่ได้รับการชำระร่างกายด้วยสายฟ้า ร่างกายของเขาคงจะอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ และนี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
“วรยุทธ์ของเจ้าช่างน่าประหลาดใจนัก แต่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ฟางฉิงเอ๋อกล่าวชื่นชมก่อนที่จะปล่อยการโจมตีรอบถัดไป ครั้งนี้นางไม่ได้ต่อสู้กับเซี่ยงเส้าหยุนในระยะประชิด นางปล่อยฝ่ามือเข้าใส่อากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างเป็นคลื่นจำนวนมากบนผิวน้ำ จากนั้นคลื่นก็รวมตัวกันเป็นคลื่นยักษ์พัดเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน
น้ำจำนวนมหาศาลปิดกั้นสายตาของเซี่ยงเส้าหยุน ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายในคลื่น ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนยากจะปัดป้องไปได้
เซี่ยงเส้าหยุนควบคุมไม้กระดาน และเคลื่อนที่ไปไกลกว่าเดิม ก่อนจะยิงฝ่ามือออก และกระจายคลื่นที่ตกใส่ตนเอง แม้คลื่นจะกระจายไปหมดแล้ว แต่กลับไม่เห็นฟางฉิงเอ๋อ
“ถึงเวลาพ่ายแพ้ของเจ้าแล้ว!” ฟางฉืงเอ๋อปรากฎตัวข้างเซี่ยงเส้าหยุน นางชักดาบ และฟาดเข้าใส่เด็กหนุ่ม ปรากฏว่าการโจมตีด้วยคลื่นมหึมาเป็นเพียงการหันเหความสนใจ และนี่คือการโจมตีที่แท้จริง
“บ้าฉิบ!” เซี่ยงเส้าหยุนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอก