ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 128 : นี่ท่านเห็นชีวิตคนเป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้าร์
ราชาสายฟ้าวัยเยาว์! ชื่ออันคุ้นชินแวบเข้ามาในหัวของเซี่ยงเส้าหยุน เขาจดจําได้ดีขณะเข้าไปยังสถานที่ซึ่งสายฟ้า รวมตัวในเทือกเขาร้อยสัตว์อสูร ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาที่ปรากฏตัวขึ้น และพยายามจับราชาแร้งสายฟ้า คนผู้นั้นถูกเรียกในนามราชาสายฟ้าวัยเยาว์
ในตอนนั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนได้ทองเห็นราชาสายฟ้าวัยเยาว์จากที่ห่างไกล ด้วยเขาไม่แม้ชายตามองชายผู้นั้นด้วยซ้ํา ไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวไป่ยังคงยุ่งกับการต่อสู้ในตอนนี้ เซี่ยงเส้าหยุนจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับราชาสายฟ้าผู้นั้นมากนัก
หลังจากสัมผัสออร่าอันคุ้นชินของราชาสายฟ้าวัยเยาว์ เซี่ยงเส้าหยุนก็ทราบได้ทันทีว่าจะต้องเป็นผู้ที่เคยพบเจอในเทือกเขาร้อยสัตว์อสูรแน่นอน ราชาสายฟ้าวัยเยาว์มีรูปร่างที่สูง และหล่อเหลา ผมสีม่วงพลิ้วไหวตามแรงลม มีเกราะสายฟ้าคุ้มกันทั้งร่างกาย และในมือถือหอกอัสนีเอาไว้
ราชาสายฟ้าวัยเยาว์เป็นศิษย์ส่วนตัวของรองเจ้าพลับพลาของพลับพลาขอบนภา ราชาสายฟ้าทั้งนครขอบนภา และพลับพลาขอบนภา ราชาสายฟ้าวัยเยาว์ผู้เป็นศิษย์สิบอันดับแรกรุ่นใหม่ และนามแท้จริงของเขาคือ ‘จื่อโป้หลี่’
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเซี่ยงเส้าหยุน ราชาสายฟ้าวัยเยาว์จ้องกลับด้วยสายตาที่ต่างออกไป
“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปดหรือ? เขามีบางสิ่งที่ข้าคุ้นเคย…” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์ครุ่นคิดด้วยความสงสัย
ระหว่างเหตุการณ์ที่เทือกเขาร้อยสัตว์อสูร เขามัวแต่จดจ่อกับแร้งสายฟ้า และอัสนีบาตที่คุ้มคลั่ง ดังนั้น เขาจึงไม่ได้สนใจเซี่ยงเส้าหยุนแม้แต่น้อย แม้จะมองเห็นเซี่ยงเส้าหยุน แต่ก็ไม่ได้นึกติดใจอะไรนัก
“ท่านคือพี่ใหญ่ของเหล่ามนุษย์หรือ? ได้โปรด พาข้าออกไปจากที่นี่ด้วยเถิด! ราชาปีศาจช่างน่ากลัวนัก! พวกมันอ้างว่าข้าพยายามมาขโมยดอกเบญจมาศ!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างตื่นตระหนกอย่างหนัก ดูเหมือนน้ําตาจะเอ่อล้น พวกเขาต่างเชื่อว่าเซี่ยงเส้าหยุนกล่าวความจริง นั่นเป็นคําอธิบายเดียวว่าเหตุใดผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวจึงได้มาอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย
“ไม่ ช้าก่อน หากราชาปีศาจที่นี่ต่างถูกสังหารโดยคลื่นเสียง แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังรอดอยู่ได้?” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์ตั้งคําถาม
ด้วยราชาสายฟ้าวัยเยาว์เป็นคนช่างสังเกตด้วยคําถาม นั่นจึงทําให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ขะ ข้าไม่ทราบ ข้าเป็นศิษย์จากตําหนักยุทธ์ นี่คือ แผ่นหยกของข้า!” เซี่ยงเส้าหยุนกัดฟันแน่น และเริ่มเล่นละครอีกครั้ง ขณะที่กล่าว เขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมา
เมื่อโม่ฉาเก้อเห็นแผ่นหยกในมือ ความประหลาดใจเผยในดวงตา ก่อนจะกล่าว “นี่เจ้ามีคะแนนสี่พันสามร้อยห้าสิบแต้มเลยหรือ?”
ด้วยเป็นผู้ประกาศกฎสําหรับการประลองประจําเมืองในปีนี้ จึงตระหนักดีว่าสี่พันสามร้อยห้าสิบแต้มคืออะไร อสรพิษจระเข้ทองคําที่เป็นปีศาจชันสูงขั้นแรกมีแต้มราวสองร้อยแต้ม หากเซี่ยงเส้าหยุนมีมากกว่าสี่พันแต้มในแผ่นหยก ซึ่งเทียบเท่ากับการสังหารอสรพิษจระเข้ทองคําที่เป็นปีศาจชั้นสูงขั้นแรกกว่ายี่สิบตัว
แต่เด็กคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปดเท่านั้น แล้วเขาจะได้แต้มเหล่านี้จากไหนกัน? แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพช่วงต้นยังต้องใช้เวลากว่าสิบวันจึงจะ ได้แต้มมากมายเท่านี้
“เอาล่ะ เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขัน จงลืมเขาไปเสีย สิ่งสําคัญกว่าคือค้นหาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่” เหอหลัวกล่าว เขาเปลี่ยนความสนใจมาที่หลุมที่ไม่ ไกลจากจุดที่อยู่
“มีราชาปีศาจมากมายถูกสังหารที่นี่ เราควรจะเข้าไปจริงหรือ? เหตุใดจึงไม่กลับไปยังพลับพลา และแจ้งผู้ที่อยู่ระดับสูงมาตรวจสอบเล่า?” ผู้หนึ่งเสนอ
“ไม่ ทุกสิ่งอาจเปลี่ยนไปหากเราเสียเวลาย้อนกลับไป เราควรพยายามเข้าไปนนั้นเสียก่อน เราจะคิดหาหนทางอื่นหากไม่สามารถทําสิ่งใดได้จริง” เหอหลัวกล่าว
ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มเข้าไปยังหลุมนั่น ทุกอย่างช่างสงบ และไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในขณะที่เข้าใกล้หลุม เมื่อจ้องมองเข้าไปด้านในด้วยสายตาสงสัย
“เราจะเข้าไปจริงหรือ?” พวกเขาเริ่มลังเล
“ขะ ข้าเห็นศิลาโลหะทองคํา! มีศิลาโลหะทองคํามาก มายข้างในนั้น!” โม่ฉาเก้อตะโกนเสียงดัง
ศิลาเหล็กทองเป็นวัสดุที่สามารถปลอมแปลงอุปกรณ์ราชา และยังเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
“มีศิลาโลหะทองคําอยู่ที่นี่จริง! ออร่าสีทองอันน่าหวาดหวั่นก็ออกมาจากหลุมนั้นเช่นกัน มีสมบัติซ่อนอยู่ที่นี่จริงหรือ?” เหอหลัวกล่าวคําเบา ดวงตาเป็นประกาย
“แล้วเราจะเข้าไปข้างในไหม?” ผู้หนึ่งถาม
“หากเราเข้าไปเช่นนี้ อาจจะตายได้ ออร่านั่นเป็นออร่าสีทองอันบริสุทธิ์ และร้ายกาจ เราควรคุ้มกัน และรอกําลังเสริมจากพลับพลา” ผู้หนึ่งกล่าว
ผู้อื่นต่างพยักหน้า พวกเขาเข้าใจว่าสมบัติที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สมควรเอาชีวิตไปทิ้ง ดังนั้นจึงไม่ควรผลีผลามทําสิ่งใด
“เหตุใดเราจึงไม่ส่งผู้สอดแนมเข้าไปสํารวจด้านในหลุม และดูว่าจะมีสิ่งใดออกมาหรือไม่” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์เสนอด้วยท่าทีเยาะเย้ย หลังจากสิ้นคํากล่าว ร่างเขาค่อยจาง และหายไป จากนั้นจึงปรากฏตัวตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุนซึ่งกําลังพยายามแอบหนี
“พี่ใหญ่ มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม ราชาสายฟ้าวัยเยาว์ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาอุ้มเด็กหนุ่ม ก่อนจะพาตัวไปที่หลุม
“โป้หลี่ เจ้าจะทําอะไร? เขาเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันนะ” โม่ฉาเก้อกล่าว
“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ศิษย์จะตายระหว่างการแข่งขัน เราจะใช้เขาเข้าไปสอดแนมในหลุมนั้น” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์กล่าวด้วยรอยยิ้มน่ากลัว หลังจากนั้นจึงโยนเซี่ยงเส้าหยุนเข้าไปในหลุม
เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจในที่สุด เขาคว้าขอบทางเข้าหลุม และจ้องไปที่ราชาสายฟ้าวัยเยาว์ “นี่ท่านเห็นชีวิตคนเป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้ารี!”
“โอ้โห เจ้านี่มีประสาทสัมผัสที่ไวดีนี่ แต่เสียใจด้วยชีวิต เจ้ามีค่าน้อยกว่าสุนัขในสายตาข้าเสียอีก” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์กล่าว ก่อนจะเตะเซี่ยงเส้าหยุน
เด็กหนุ่มไม่ต้องการเข้าไปยังส่วนลึกของหลุมนั่น ด้วยจะกลายเป็นก้อนเนื้อทันทีหากทําเช่นนั้น
“ไปตายซะ!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก่อนที่จะสามารถรวบรวมพละกําลังได้ฝ่าเท้าของราชาสายฟ้าวัยเยาว์ก็มาถึงหน้าของเด็กหนุ่มแล้ว เขารู้สึกเวีย นหัว และมีเลือดพุ่งออกจากจมูก
ความต่างชั้นระหว่างเขา และผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชานั้นกว้างเกินไป เขาไม่สามารถทําสิ่งใดได้เลย ลูกเตะนั่นทําให้เซี่ยงเส้าหยุนเสียการทรงตัว และตกลงไปในหลุมขนากใหญ่
“โป้หลี่..นี่เจ้า” โม่ฉาเก้อโกรธมากจากการกระทําครั้งนี้ แต่เมื่อนึกถึงผู้เป็นนายของราชาสายฟ้าวัยเยาว์ เขาทําได้เพียงกล้ํากลืนคําที่ต้องการจะเอ่ยเอาไว้เท่านี้
“ไม่ต้องกังวลไป ผู้บัญชาการโม่ จะเป็นการดีกว่าหากเราจะจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์กล่าว เขาไม่สนว่าโม่ฉาเก้อจะโกรธเพียงใด สายตาจดจ่อกับหลุมตรงหน้า เหอหลัว และผู้อื่นต่างมีท่าที่เดียวกัน ในสายตาของพวกเขา เซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงแมลงเท่านั้น การตายของแมลงไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึง
ดังนั้น เมื่อทุกคนจ้องลงไปยังหลุม และเฝ้าดูขณะที่ออร่าสีทองกลืนกินเด็กหนุ่ม โลหิตกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง หนึ่งชีวิตได้หายไปต่อหน้าพวกเขา
“ดูเหมือนออร่าทองคําจะร้ายกาจ และหนาแน่นนี่จะเป็นจองจักรพรรดิปีศาจ” เหอหลัวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หากมีพายุสายฟ้าที่นี่ คงไม่ใช่เรื่องยากสําหรับข้าที่จะแยกที่นี่ด้วยพลังสายฟ้า ช่างโชคร้าย มันไม่ง่ายเลยที่จะหยิบยืมพลังสายฟ้าจากธรรมชาติ” ราชาสายฟ้าวัยเยาว์กล่าวอย่างเสียใจ และกล่าวเสริม “เราควรส่งคนกลับไปเพื่อรายงานเรื่องนี้”