ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 127 : เล่นกับความเขลา

เซี่ยงเส้าหยุนอยู่ในสภาพอันน่าสังเวช เขาตกลงจากหลังของเสี่ยวไป๋ และกระแทกเข้ากับพื้นเบื้องล่างอย่างแรงจนเกือบหมดสติไป ความเจ็บปวดท้วมท้นไปทั่วร่างกาย

หากไม่ตอบสนองให้เร็วพอ และส่งการโจมตีลงไปเพื่อชะลอความเร็ว เขาอาจจะต้องตายเพราะตกลงมา ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายที่แข็งแกร่งและเกราะพลังงานก็มีส่วนช่วยรับแรงกระแทกเช่นกัน

ในขณะที่ลุกขึ้นยืน สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือซากของอสรพิษจระเข้ทองคําตัวใหญ่ แม้แต่ราชาปีศาจเอง ทั้งหมดถูกสังหารด้วยคลื่นเสียง

ภาพตรงหน้าทําให้เซี่ยงเส้าหยุนตกตะลึง คลื่นเสียงที่สามารถสังหารราชาปีศาจได้ในคราเดียว เป็นคลื่นเสียงที่น่าหวาดหวั่นเพียงใดกัน? ด้วยความเป็นหนอนหนังสือ เขาจึงทราบได้ในทันทีว่าความลับของที่แห่งนี้น่ากลัวเพียงใด

“จักรพรรดิปีศาจหรือ? หรือมีบางสิ่งที่แข็งแกร่งกัน?” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด

ด้วยเพราะคลื่นเสียงได้ดึงเสี่ยวไปไป จึงกล่าวได้ว่า เจ้าของคลื่นเสียงเกี่ยวข้องกับเสี่ยวไปแน่นอน นี่เป็นการเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญของเจ้าเสือน้อย

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ และพบหลุมขนาดใหญ่ซึ่งเผยออร่าสีทองอันชั่วร้ายไม่ไกล เสี่ยวไปถูกลากเข้าไปด้านใน เขาต้องการเข้าไปใกล้หลุมนั้น แต่ด้วยออร่าสีทองได้ทิ้งบาดแผลฉกรรจ์มากมายบนผิวหนังของเด็กหนุ่มในทันที

“ออร่าสีทองอันร้ายกาจนี่ บางที่อาจเกิดจากการรวมตัวของโลหะพิเศษที่นี่?” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคําเบากับตนเอง ขณะมองดูออร่าสีทองด้วยสายตาอันเฉียบคม

พลังแต่ละประเภทมีรูปแบบที่ต่างกัน โดยแต่ละรูปแบบจะมีความสามารถเฉพาะตัว หากมีการดูดซับออร่าทองคําและฝึกฝน มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่การโจมตีจะรุนแรงมากขึ้น

แม้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะมีสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดภายใน เขาไม่เคยคิดจะดูดซับพลังงานที่ต่างกันเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง โชคไม่ดี เขากําลังเผชิญกับความยากลําบาก ออร่าสีทองอันชั่วร่ายสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาได้ด้วยซ้ํา ซึ่งตนเองมีระดับต่ํากว่านั้นมาก

ในไม่ช้า เซี่ยงเส้าหยุนปรับอารมณ์ของตนเอง และมองไปที่ซากของอสรพิษจระเข้ทองคําแทน เขาชักกระบีราชันผ่าเมฆาออก เตรียมเก็บเกี่ยวแก่นปีศาจจากซากศพเหล่านั้นแทน

นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของหลายคนเลยทีเดียว ซากของสัตว์ร้ายทั้งหมดก็มีมูลค่ามหาศาล แต่เซียงเส้าหยุนไม่ได้ต้องการเก็บพวกมันมาด้วย หลังจากนั้น ทะเลจักรวาลดวงดาวของเขาก็มีพื้นที่กักเก็บกว่าสิบตารางเมตร

อสรพิษจระเข้ทองคํามีกะโหลกที่แข็ง แต่กระนั้นเซี่ยงเส้าหุนสามารถฟันมันจนขาดได้ในคราเดียว โดยอาศัยพลังงานสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดส่งเข้าไปในกระบี่ ก่อนที่จะฟันลงไป

ไม่ช้า แก่นอสูรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แก่นปีศาจดูราวกับลูกปัดทรงกลมเปล่งประกายสีทอง และถูกห่อหุ้มด้วยออร่าปีศาจอันหนาทึบ ด้วยไม่อาจใช้แก่นนี้ได้โดยตรง จะต้องใช้สมุนไพรบางชนิดมาปรับแต่งก่อน จึงจะสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้

แท้จริงแล้ว แก่นปีศาจเป็นส่วนประกอบอันยอดเยี่ยมที่เหล่าผู้กลั่นยาหลายคนต้องการครอบครอง เซี่ยงเส้าหยุนได้เห็นกระบวนการกลั่นยาหลายอย่างด้วยตนเอง ดังนั้น เขาจึงเก็บแก่นนั้นไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาวของเขา หลังจากค้นหายาระดับราชา จากนั้นเขาปรับแต่งแก่นปีศาจก่อนที่จะกลืนมัน หลังจากนั้นเขาได้เปิดกะโหลกของอสรพิษจระเข้ทองคําอีกราวสิบสองตัว และได้เก็บแก่นปีศาจอีกเจ็ดชิ้น เห็นได้ชัดว่าพวกที่มีแก่นปีศาจเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในหุบเขาแห่งนี้

ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนกําลังเก็บเกี่ยวแก่นปีศาจชิ้นที่เก้า ด้วยสังเกตเห็นบางสิ่ง เขาพบว่าแก่นปีศาจเหล่านี้ยังมีร่องรอยจืดจางของพลังงานทองคําอันร้ายกาจ ซึ่งบริสุทธิ์กว่าตอนที่เขากินเนื้ออสรพิษจระเข้ทองคํา

“ดูเหมือนจะมีบางเหตุผลที่พวกมันที่นี่แข็งแกร่งกว่าจุดอื่น” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคําเบา ขณะที่จดจ่ออยู่กับการเก็บเกี่ยวแก่นอสูร เขาสัมผัสได้ถึงการต่อสู้อันรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ไกล เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือของฝั่งมนุษย์จะมาถึงแล้ว

“ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะใหญ่โตจนแม้แต่ยอดฝีมือของมนุษย์ยังถูกดึงดูดให้มาที่นี่ เราควรทําเช่นไรดี?” เซียงเส้าหยุนรู้สึกหนักใจ เขาไม่อยากให้เสี่ยวไปออกมาที่นี่ และลากเขาเข้าไปในหลุมอีกคน แต่เขาก็คิดเช่นกันว่าสิ่งนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้ อย่างไรเสียก็ต้องพึ่งพาตนเอง

ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนคิดหาวิธีแก้ปัญหา สายตาเขาก็จ้องไปที่ต้นไม้ทองคํา บนต้นไม้มีผลไม้รูปร่างคล้ายอสรพิษห้าผล ดูตื่นตา และมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผลอสรพิษทองคํานี้!” ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนเป็นประ
กาย

นี่คือยาวิญญาณระดับสูง ที่มีพลังอันไร้ขอบเขตอยู่ภายในยาวิญญาณระดับสูงมีค่ากว่ายาสมุนไพรแต่ก็ตําว่ายาราชา เซียงเส้าหยุนพุ่งไปด้านหน้า และดึงผลไม้ทั้งหมดที่เห็น เขาสามารถบรรลุระดับแปรสภาพได้ในทันทีที่กลิ่นผลไม้เพียงผลเดียวเข้าไป แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีนัก เขาต้องหลบซ่อนตัวก่อนในตอน

เช่นเดียวกับที่เด็กหนุ่มพยายามตัดสินใจว่าจะหลบซ่อนที่ใด เขาพบว่าออร่าสีทองอันดุร้ายภายในหลุมนั้นได้จางลง เมื่อมันจางจนหมดสิ้น ทําให้ออร่าทองคําโดยรอบบริเวณจางลงอย่างมาก เสียงคํารามอันโกรธเกรี้ยวดังออกมา

“โฮก! โฮก!”

เสียงคํารามเต็มไปด้วยออร่าอันยิ่งใหญ่ ขณะที่ก้องกันวาลหลายคราในหลุมนั่น มันต่างจากเสียงคํารามในตอนแรก ดูเหมือนจะไม่น่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ ยอดฝีมือของมนุษย์ได้มาถึงเหนือหุบเหวเช่นกัน ที่นี่พวกเขาไม่ถูกราชาอสรพิษจระเข้ทองคําก่อกวนอีก ด้วยพวกมันไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเกรงกลัวสิ่งที่อยู่ภายใน

ด้วยกลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา พวกเขาล้วนลังเลที่จะเข้าไปในหลุมลึก ทันใดนั้นเอง พวกเขาได้สังเกตเห็นเซี่ยงเส้าหยุน และกล่าว “ข้างล่างมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่”

“รีบปกปิดออร่า และมองลงไปเบื้องล่างเถิด” อีกผู้หนึ่งกล่าว

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาได้มองไปยังตําแหน่งของเซี่ยงเส้าหยุน เด็กหนุ่มสัมผัสได้นานแล้วว่าพวกเขามองเห็นตน สมองของเด็กหนุ่มสั่งการอย่างรวดเร็ว พยายามคิดหาวิธีเพื่อหาวิธีปกปิดผิวหนัง

เมื่อเหล่าฝึกยุทธ์ระดับราชามาถึง เซี่ยงเส้าหยุนเพียงกอดศีรษะขณะตะโกนซ้ําไปซ้ํามา “อย่าสังหารข้า! โปรดอย่าสังหารข้า!”

“เจ้าหนู เจ้ามาจากสถาบันไหนกัน? แล้วมาทําอะไรที่นี่?” โม่ฉาเก้อถาม

“เจ้าคือราชาอสรพิษจระเข้ทองคําแปลงกายมางั้นหรือ? เจ้าคงไม่คิดว่าจะนําข้าไปเป็นมนุษย์สัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า ใช่ไหม? ไม่ ไม่ ไม่ โปนดปล่อยข้าไปเถอะ!” เซี่ยงเส้าหยุนกรีดร้อง สีหน้าเผยความตื่นตกใจ

เล่นเป็นผู้โง่เขลา!

นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการขจัดความสงสัยที่เหล่าผู้มาใหม่มีต่อเด็กหนุ่ม เขาไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ตัวที่ดีที่จะอธิบายว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร ท้ายที่สุดแล้ว ส่วนลึกของหุบเขาแม่น้ําทองคําซึ่งได้รับการคุ้มครองจากอสรพิษจระเข้ทองคําจํานวนมาก และมีราชาในหมู่พวกมันไม่สมเหตุสมผลเลย ที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดวจะมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย

“ราชาปีศาจหรือ? มนุษย์สัตว์เลี้ยง? เจ้าเป็นศิษย์ที่ถูกเหล่าสัตว์ร้ายลักพาตัวมางั้นหรือ?” อีกผู้หนึ่งกล่าวถาม

คนผู้นี้มีระดับยุทธ์สูงกว่าโม่ฉาเก้อ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่องนภาขั้นเจ็ด เป็นช่วงท้ายของระดับล่องนา และยังเป็นผู้อาวุโสของพลับพลาขอบนภา มีนามว่า “เหอหลัว” ส่วนพวกที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาล้วนเป็นศิษย์น้องจากพลับพลาขอบนภาทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นดูคุ้นเคยกับเซียงเส้าหยุนเป็นพิเศษ

คนผู้นั้นมีอายุราวสามสิบปี เป็นผู้มีอายุน้อยที่สุด เขาเปล่งออร่าสีม่วงออก ยืนหลังตรงอย่างสมบูรณ์แบบ ดูราวกับสายฟ้าที่ไม่มีผู้ใดสามารถมองได้โดยตรง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset