ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 134 : พลังงานที่อยู่ภายใน

ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 134 : พลังงานที่อยู่ภายใน

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาจากพลับพลาขอบนภา และเหล่าราชาปีศาจอสรพิษจระเข้ทองคํากําลังก่อศึกกันครั้งใหญ่และยังไม่อาจทราบได้ว่าฝ่ายจะเป็นผู้ชนะทั้งสองฝ่ายต่างพบกับความสูญเสียครั้งยิ่ง

ใหญ่

ด้วยหัวหน้าอสรพิษจระเข้ทองคําไม่ได้เป็นราชาปีศาจชั้นเก้าทั่วไปเขาบรรลุไปถึงจุดสูงสุดของระดับเก้าแล้วดังนั้นจึงสามารถจัดการกับราชาเหยี่ยวทมิฬ และคนรอบข้างก็ถูกสังหาร หากหลงเสี่ยวหลังและผู้อื่นไม่เข้ามาช่วย ราชาเหยี่ยวทมิฬคงถูกสังหารเช่นกัน

 

ถึงกระนั้น ราชาอินทรีทมิฬก็มีฝีมือคู่ควรกับชื่อเสียงของตน เขาสามารถบรรลุระดับล่องนภาขั้นเก้าได้ในระหว่างต่อสู้การบรรลุครั้งนี้คือสาเหตุที่ทําให้เขายังมีชีวิตรอด

 

แม้หัวหน้าของอสรพิษจระเข้ทองคําจะแข็งแกร่งมาก แต่จํานวนของผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาก็มีมากกว่าราชาปีศาจ ดังนั้นอสูรพิษจระเข้ทองคําจึงไม่อาจยื่อการต่อสู้ได้นานนัก ก่อนจะล่าถอยเข้าไปในหุบเขาแม่น้ําทองคํา ในขณะที่ฝ่ายมนุษย์เองก็ถูกบังคับให้ล่าถอยเพื่อขอกําลังเสริมจากพลับพลาขอบนภาเช่นกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้น ศิษย์ส่วนตัวของราชาอินทรีทมิฬ จางเสี่ยวหยูได้กลับไปยังพลับพลาขอบนภาด้วยคําสั่งของอาจารย์ เขาเดินทางด้วยอินทรีอย่างรวดเร็ว จากความเร็วที่ได้เห็น อินทรีตัวนี้รวดเร็วกว่าอินทรีลมทมิฬตัวอื่นมาก ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ก็กลับมาพร้อมยอดฝีมือจากพลับพลาขอบนภา

 

ในตอนนี้ มียอดฝีมือเพียงสามคนที่มาถึง แต่พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งของพลับพลาขอบนภา ผู้ที่มาใหม่นั้นดูเป็นคนสูงวัยแต่น่าเกรงขามในแต่ละย่างก้าวที่เคลื่อนไหวนั้นไกลราวกับหายตัวไปโผล่ที่อีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“คํานับ ท่านอดีตผู้อาวุโส” ราชาอินทรีทมิฬกล่าวคํานับ เหอหลัว และผู้อื่นก็เช่นกัน

 

ที่เรียกว่าท่านอดีตอาวุโส เพราะพวกเขาต่างเป็นอดีตผู้อาวุโสที่เกษียณไปนานแล้วของพลับพลาขอบนภา น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถบรรลุระดับจักรพรรดิได้ ดังนั้น พวกเขาจึงขยายช่วงชีวิตออก ทําให้รูปลักษณ์ภายนอกค่อยชราลงอย่างเชื่องช้า

ด้วยความลับของหุบเขาแม่น้ําทองคําได้ปรากฏขึ้น พวกเขาถูกส่งมาเพื่อจัดการกับหัวหน้าอสรพิษจระเข้ทองคํา และยังแสวงหาการเผชิญหน้าอื่นเพื่อที่จะสามารถบรรลุระดับถัดไป

หัวหน้าของทั้งสามคือชายชื่อ “เสี่ยวซิน” เขากล่าว “สบายใจเถอะ เราจะฝ่าเข้าไป” เสี่ยวซินเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้มาใหม่ด้วยชํานาญพลังแห่งทองคํา ดังนั้น ความลับแห่งหุบเขาแม่น้ําทองคําจึงเป็นสิ่งดึงดูดอย่างดี แต่เมื่อกลับไปที่หุบเขาแม่น้ําทองคําพวกเขาพบว่ามีชั้นออร่าทองคําอันร้ายกาจก่อตัวขึ้นโดยรอบหุบ

เขา

“เหล่าอสรพิษจระเข้ทองคํานั้นปล่อยออร่าสีทองอันร้ายกาจอย่างชาญฉลาด แต่นั่นไม่อาจหยุดเราได้” เสี่ยวซินกล่าวขณะมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขา ผู้อื่นต่างติดตามเขาไม่ห่าง แต่เมื่อได้พบกับออร่าทองคําอันร้ายกาจ สีหน้ากเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว

“นะ นี่มันออร่าทองคําแบบไหนกัน? ช่างน่ากลัวนัก แม้แต่ออร่าราชาของเราก็มิอาจต้านทานมันได้”เสี่ยวซินกล่าวขณะเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก

 

“เราควรทําเช่นไรต่อไปดี? หรือเราจะยอมแพ้?” ราชาอินทรีทมิฬถามอย่างเดือดดาล

 

“แน่นอนว่าไม่ ปิดตายสถานที่แห่งนี้ หากไร้ซึ่งการป้องกัน ไม่นานออร่าสีทองอันร้ายกาจจะต้องสลายไปเอง เราจะต้องใช้โอกาสเข้าไปในตอนนั้น” เสี่ยวซินกล่าว

 

คํากล่าวถูกในแง่หนึ่ง พลังงานที่ปล่อยออกมาได้กระจายไปตามกาลเวลาดังนั้น สมาชิกพลับพลาขอบนภาจึงกระจัดกระจาย และเริ่มเปิดทางให้พวกเขาเข้าไป

ในตอนนี้ ราชาสายฟ้าวัยเยาว์เข้าไปหาจางเสี่ยวหยู และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องจาง ถึงเวลาของเจ้าแล้ว”

 

จางเสี่ยวหยูยิ้มตอบ “จะให้ข้าช่วยสิ่งใดหรือศิษย์พี่?”

 

ทั้งสองต่างเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิ และไม่ค่อยได้พูดคุยกับผู้ อื่นนึกแท้จริงแล้ว ทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูกันเล็กน้อย แต่ก็มิได้หมายความว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันในยามต้องพึ่งพาอาศัยกันเช่น

 

“เจ้าเป็นผู้ที่กล่าวโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งข้าชอบในตัวเจ้า” จ่อโปหลี่กล่าวชื่นชม จากนั้นเขาก็เข้าประเด็น “ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับแก่นอเมทิสต์มิใช่หรือ? ข้าแค่อยากรู้ว่าจะเจ้าจะแลกเปลี่ยนกับข้าไหม? ข้าทราบดีว่าเจ้าต้องการสิ่งใด

แก่นอเมทิสต์มีพลังงานสายฟ้าบริสุทธิ์เข้มข้น และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกฝนพลังงานสายฟ้า

“ข้าไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ ศิษย์พี่จื่อ แต่แก่นอเมทิสต์เป็นสิ่งที่ได้รับหลังจากความพยายามอย่างหนัก หากท่านต้องการมันจริงแน่นอนว่า…” จางเสี่ยวหยูหล่อล่อจื่อโป๊หลี่

 

“เจ้าต้องการสิ่งใด?” จอโป๊หลี่ถาม

“หลังจากที่ท่านรองจ้าวพลับพลาได้บรรลุระดับจักรพรรดิแล้วข้าต้องให้ท่านยืมคัมภีร์รวบรวมพิษมาให้” จางเสี่ยวหยูกล่าวเมื่อคิดถึงคัมภีร์ใจเขาก็เต้นระรัว

“คัมภีร์รวบรวมพิษงั้นหรือ?” ชื่อโป็หลี่กล่าวถาม

 

คัมภีร์รวบรวมพิษเป็นหนึ่งใจคัมภีร์อันล้ําค่าชองนครขอบนภาเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดต่อผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้พิษ เปิดวิชาระดับราชาและยังเป็นหนึ่งในไพ่ตายของพลับพลาขอบนภาเช่นกัน ทั่วไปแล้ว มีเพียงยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการ เรียนคัมภีร์นี่

 

“ใช่ ท่านควรตระหนักนอกเหนือจากการฝึกยุทธ์แล้วหนึ่งในงานอดิเรกของข้าคือการศึกษาพิษ ข้าต้องการคัมภีร์เล่มนั้นมานานนักแต่น่าเสียดายที่แม้แต่อาจารย์ของข้าผู้มีคุณสมบัติเพียงพอจะหยิบยืมมันได้แต่เขากลับไม่เห็นด้วยในความใคร่รู้ของข้า” จางเสี่ยวหยูกล่าวอย่างโหยหา

“ข้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถนําคัมภีร์นั่นมาให้เจ้าได้” จ่อโป็หลี่สายหัว

 

“ค่อยมาคุยกับข้าเมื่อท่านมั่นใจว่าจะสามารถนํามันมาได้” จางเสี่ยวหยูกล่าว

 

ในชั่วพริบตาเดียว หนึ่งเดือนได้ผ่านล่วงเลยไปข้างใต้หุบเขาแม่น้ําทองคําเซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้ยกหินก้อนมหึมาแล้ว ตอนนี้เขากําลังฝึกพลังยุทธ์ที่มีรูปร่างภายในหลังจากใช้เวลาครึ่งเดือนในการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพเขาก็สามารถรวบรวม และรักษาความแข็งแกร่งทางกายให้สามารถควบคุมความแข็งแกร่งใหม่ได้ดขึ้น

พลังงานที่มีรูปร่างมีสองประเภท ตามลําดับพลังงานภายนอกและพลังงานภายใน พลังงานภายนอกจะก่อตัวรอบผิวหนังในขณะที่พลังภายในจะเติมเต็มภายในร่างกาย

ในปัจจุบัน เซี่ยงเส้าหยุนกําลังเปิดใช้งานตําราราชันพิชิตสวรรค์และเริ่มดึงพลังงานบริสุทธิ์จากดวงดาวเข้าไปยังเส้นลมปราณ อวัยวะภายในกระดูกและส่วนอื่น เมื่อถึงเวลาที่พลังงานเต็มร่างกายเขาจึงเริ่มแปรสภาพลังงานให้มีรูปร่าง

 

จุดฝังเข็มทั้งสามร้อยหกสิบห้าจุดเริ่มส่องสว่างขึ้น สร้างความเชื่อมโยงกับดวงดาว ทําให้สายธารพลังงานอันบริสุทธิ์กลายเป็นของแข็งขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดพลังงานรูปร่างได้ก่อตัวขึ้นบางเบาภายในร่างกายและปกป้องอวัยวะทั้งหมด

 

นี่คือระยะที่เรียกว่าพลังงายภายใน โดยทั่วไปการจะสร้างพลังงานที่มีรูปร่างภายใน คนผู้นั้นจะต้องบรรลุช่วงแรกของระดับแปรสภาพขั้นสี่หรือห้าเสียก่อน แต่เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะดังนั้นเขาจึงทํามันได้สําเร็จแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสอง

พลังงานที่มีรูปร่างได้ช่วยเสริมการป้องกัน ลดความเสียหายให้แก่ร่างกายเมื่อถูกโจมตี ปกติแล้ว มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงเท่านั้นจึงจะสามารถใช้มันโจมตีได้

เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกยุทธ์ เซี่ยงเส้าหยุนยิ้ม “ด้วยพลังการต่อสู้ของเราจะไม่แพ้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นกลางแน่ แท้จริงแล้วเราเรายังมีโอกาสเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นท้ายเสียด้วยซ้ําในที่สุดข้าก็ไม่เดินทางผิดดังในอดีตแล้ว” ในตอนนั้นเองได้มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเสี่ยวไป

“โฮก!”

เสียงคํารามอันโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ดังก้องซ้ําไปซ้ํามารังไหมทองคํารอบตัวเสี่ยวไปเริ่มคลายตัวออก

 

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset