ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 17 : ข้าจะจดจำแรงกระตุ้นนี้ไว้!

เซี่ยงเส้าหยุนได้บรรลุถึงระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดอย่างราบรื่น ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีร่องรอยแห่งความสุขบนใบหน้า ในดวงตาของเขาความแข็งแกร่งนี้ยังต่ำนัก ความคาดหวังของเขาสูงส่ง มันยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมากที่เขาต้องข้ามผ่าน

หมัดพลังปราณ!

เซี่ยงเส้าหยุนลุกขึ้นผลักร่างของตนไปด้านหน้า เขาเริ่มยื่นแขนและกำปั้นไปด้านหน้า หมัดของเขาแข็งราวกับหิน การต่อยนั้นดุเดือดมากแม้แค่โดนอากาศ ก็ส่งผลให้เกิดคลื่นเสียงได้ ความแข็งแกร่งของหนึ่งหมัดที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดจะต้านทานได้ ขณะหมัดที่สองทะยานออก มันมีพลังปราณเคลื่อนไหวภายในเส้นลมปราณที่แขน พร้อมระเบิดเอาพลังออกมาผ่านหมัด

“ออกมา!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน ดวงดาวในร่างกายส่องสว่าง จุดสัมผัสเริ่มปั่นป่วนขณะที่พลังปราณเคลื่อนที่ผ่านเส้นลมปราณราวกับสายน้ำก่อนจะออกจากร่างกายของตน

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ในชั่วอึดใจเดียว เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยหมัดสามครั้งติดต่อกัน แต่ละหมัดเต็มไปด้วยพลังงานท่วงท่านั้นเข้าถึงขีดสุด ในขณะที่ปล่อยหมัดที่สี่ ทำให้พลังปราณที่ไหลเกิดระเบิดขึ้นก่อนจะไหลออกมาจากเส้นลมปราณ พลังปราณที่เหมือนกับเมฆหมอกนั้นกลับมีพลังเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตกใจได้

ฟึ่บ!

หมัดนี้ทำให้เกิดการสั่นไหวที่รุนแรง และรุนแรงมากขึ้นเมื่อพลังงานดวงดาวแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณ เมื่อปล่อยพลังปราณออกมา โดยปกติแล้วนี่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ขึ้นมาถึงระดับดวงดาวแล้ว

หลังจากที่ปล่อยหมัด ความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนได้มากมายกว่าแต่ก่อนราวคนคลุ้มคลั่ง เขาปล่อยหมัดออกไปติดกันสิบครั้ง ทุกหมัดมาพร้อมพลังปราณ มันทิ้งไว้ซึ่งความรู้สึกบีบคั้นในทุกหมัดที่ปล่อยออก ต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกจู่โจมด้วยพลังปราณและก่อให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่ ต้นไม้ที่ไม่อาจพยุงตัวจนที่สุดต้องโค่นลง

ในตอนนี้ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนหยุดปล่อยหมัด เขารู้สึกเหนื่อยและเริ่มหอบอย่างหนักพร้อมเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า

“มหัศจรรย์ ความรู้สึกนี่มันช่างยอดเยี่ยม! ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เซี่ยงเส้าหยุนเหวี่ยงหัวไปด้านหลังและคำรามด้วยเสียงหัวเราะ มีหรือที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นที่เจ็ดสามารถปลดปล่อยพลังปราณออกนอกร่าง? หากทำได้ เช่นนั้นคิดพลิกฟ้าเบิกสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

ทั่วทั้งเมืองอู่และแม้แต่นครขอบเมฆา ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีผู้ใดที่ทำสิ่งท้าทายต่อสวรรค์ได้สำเร็จ! แม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนก็มีความสุขกับความน่าเหลือเชื่อนี้

 

ในสองวันนั้น เซี่ยงเส้าหยุนดูดซับแสงอาทิตย์สีม่วงในยามเช้าตรู่ตามปกติ ณ เวลานี้เขาดูดซับได้มากขึ้นถึงสามเท่า เพราะความก้าวหน้าทางการฝึกฝน อย่างที่กล่าวไว้ แสงอาทิตย์สีม่วงที่ดูดกลืนเข้าไปยังไม่อาจทำร้ายเก้าดวงดาวอันยิ่งใหญ่ได้ เก้าดวงดาวของเขาราวกับเป็นนรกไร้ก้นบึ้งไม่มีผู้ใดทราบว่าอีกนานเพียงใดจึงจะเติมเต็มมันได้

เซี่ยงเส้าหยุนยืนขึ้นก่อนจะตรงไปยังคลังอาวุธ ในฐานะศิษย์ชั้นนอก ในตอนแรกเซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจละเลยการฝึกซ้อมได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้อยู่ในหอคอยแห่งขีดจำกัดในสามวันที่ผ่านมา! อาจไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แต่กับผู้ดูแลชั้นนอกนั้นรู้ทุกสิ่งที่เขาทำ

เพราะเหตุนี้ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนไม่ต้องฝึกอยู่ในสวนชั้นนอกเหมือนศิษย์ผู้อื่นอีกต่อไป เขาจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นศิษย์สิบอันดับแรกอย่างแน่นอน และเพื่อการประลองระหว่างอู่หมิงเหลียงกับตนซึ่งที่เป็นเรื่องค้างคามายาวนาน ในสายตาของเขานั้น อู่หมิงเหลียงเป็นเพียงตัวตลกที่ไม่ควรค่าแก่การมองเสียด้วยซ้ำ

คลังอาวุธตั้งอยู่ภายในสวนชั้นใน ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่และพวกเขาไม่ค่อยชอบเหล่าศิษย์ชั้นนอกนัก ที่นั่นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ถูกติดตั้งไปด้วยอุปกรณ์ฝึกฝนพื้นฐาน และยังมีห้องจำนวนมากที่ถูกสร้างสำหรับเหล่าศิษย์ชั้นในเพื่อฝึกตนอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีลานประลองขนาดใหญ่ โดยผู้อาวุโสจะจัดบทเรียนต่าง ๆ ทุกครึ่งเดือน เช่นบทเรียนเกี่ยวกับการฝึกฝนวิทยายุทธ์และอื่น ๆ

ศิษย์ชั้นในจะได้รับอนุญาตให้สามารถเข้าและออกจากตำหนักยุทธ์ได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงพบเห็นผู้คนที่ในสวนชั้นในแทบไม่ซ้ำหน้า ในขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนก้าวเท้าเข้ามายังสวนชั้นใน เขาได้เห็นเหล่าผู้เยาว์ที่ดูห้าวหาญและน่าเกรงขามหลายคนกำลังขี่สัตว์อสูรที่ต่างกันออกไป

“เมื่อมีโอกาส เราจะต้องหามาขี่บ้างแล้ว เพียงเท่านี้ก็คงจะเป็นที่สะดุดตาแน่” เซี่ยงเส้าหยุนกระซิบกับตนเอง ในตอนนี้มีหญิงสาวสวมอาภรณ์สีแดงเพลิงและขี่แมวอัคคีแผดเผาวิ่งไปยังทางออกสวนด้านใน

“ถอยออกไป!” หญิงสาวชุดสีแดงตะโกนใส่เซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังมึนงง

ทางออกสวนชั้นในกว้างใหญ่ขนาดที่จะใส่ภูเขานับสิบพร้อมกันทั้งเข้าและออก แต่หญิงสาวสวมชุดสีแดงยังคงตรงมาที่เซี่ยงเส้าหยุนที่ยังคงยืนนิ่งกับที่ นางไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยและตรงดิ่งเข้ามา เซี่ยงเส้าหยุนไม่สามารถหลีกทางให้นางได้ แมวอัคคีแผดเผานั้นรวดเร็วมากและเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว

“โอ๊ะ ไม่นะ!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกมา

ในช่วงเวลาวิกฤติ หญิงสาวในชุดแดงแทบจะไม่สามารถควบคุมแมวอัคคีแผดเผาให้หลบเซี่ยงเส้าหยุนได้

“เจ้าบ้า! เจ้ากล้าดียังไงถึงมาขวางทางหลี่หงเอ๋อผู้นี้?!” หญิงสาวในชุดแดงกำลังตกใจ แส้ยาวของเธอฟาดไปยังเซี่ยงเส้าหยุน

เพี๊ยะ!

แส้ที่ฟาดลงมาอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาก็ได้ฟาดเข้าที่หน้าของเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้เกิดรอยแดงและมีเลือดไหลออกมาจากตรงนั้น

            โอ้ย เจ็บนะ!

อาการปวดแสบปวดร้อนแพร่กระจายไปทุกอณูร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุนทันที ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้สึกถึงความอัปยศอดสูอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาต้องเสียโฉม!

“นี่จะเป็นบทเรียนแก่เจ้า สุนัขที่ดีจะไม่มาขวางทางหรอกนะ!” หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าหลี่หงเอ๋อถ่มน้ำลายอย่างเย็นชาก่อนจะขี่แมวอัคคีแผดเผาออกไปจากสวนชั้นใน

“บ้าเอ้ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มรู้สึกตัวและตะโกนด้วยความโกรธใส่หลี่หงเอ๋อที่อยู่ห่างไกล นางสามารถตีเขาได้ทุกที่แต่ดันฟาดมายังใบหน้าอันหล่อเหลา! นั่นเป็นสิ่งต้องห้าม! น่าเศร้าที่ตอนนี้นางไปไกลแล้ว เขาจะจับอสูรระดับกลางยังไงด้วยความเร็วในตอนนี้?

“ข้าจะจดจำแส้นั่นไว้!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนไปในทิศทางที่หญิงสาวชุดแดงไป

“ศิษย์น้อง ดูเหมือนเจ้าไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ นี่เจ้าไม่รู้จักศิษย์พี่หงเอ๋องั้นรึ? แถมเจ้ายังกล้าแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อนางด้วย” ศิษย์ชั้นในที่ผ่านมาถามด้วยความประหลาดใจ

เซี่ยงเส้าหยุนส่ายหัวและกล่าว “ข้าเป็นศิษย์คนใหม่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่คุ้นเคยกับสตรีที่ร้ายกาจเช่นนี้ อย่างไรเสียข้าขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ด้วย”

“นางเป็นธิดาของผู้อาวุโสที่สิบสาม หลี่เสวียเหมิง หากเจ้ากล้าต่อต้านนางผู้อาวุโสลำดับที่สิบสามคงจะเตะเจ้าออกไปจากตำหนักยุทธ์แห่งนี้!” ศิษย์ชั้นในกล่าวอย่างกรุณาต่อเซี่ยงเส้าหยุนก่อนจะรีบเดินจากไป

นางเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสที่สิบสาม! ไม่แปลกใจในความอวดดีของนางเลย เซี่ยงเส้าหยุนคิดในใจ ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “แม้จะเป็นลูกสาวของจ้าวตำหนัก หากมาตบหน้าข้า นางก็จะต้องตาย!”

เซี่ยงเส้าหยุนที่ตอนแรกจะวางแผนมาเยี่ยมชมคลังอาวุธ ได้พุ่งไปยังโถงโอสถและหาสมุนไพรในการรักษาแผลของตน เพราะเกรงว่าจะมีแผลเป็นหลงเหลือบนใบหน้า โถงโอสถอยู่ไม่ไกลจากคลังอาวุธนัก เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้กลิ่นหอมสมุนไพรโชยออกมา

เซี่ยงเส้าหยุนรีบร้อนเข้าไปยังด้านในและถามผู้ดูแลของโถงแห่งนี้ “ท่านผู้ดูแล ท่านมียาวิญญาณหญ้าละลายลิ่มโลหิตเพื่อหยุดการไหลเวียนของโลหิตภายนอกและรักษาบาดแผลหรือไม่?”

“หญ้าละลายลิ่มโลหิตเป็นยาวิญญาณระดับสูงในตำนานเชียวนะ! เจ้าหนู หากเจ้ามาที่นี่เพื่อล้อเล่นเจ้าจงออกไปจากโถงโอสถแห่งนี้เสีย” ผู้ดูแลเผยความโกรธที่รุนแรงออกมา

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset