ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 41 : นี่เราวิ่งไปเจอทางตันรึนี่!

ระหว่างเดินไปตามทางยาว เซี่ยงเส้าหยุนไม่ลืมที่จะเก็บดอกงูน้ำหลากสีทอง พร้อมกับยาเก่าประเภทอื่นด้วย เมื่อเดินกลับไปถึงทางที่เสี่ยวไป่อยู่ เขาพบว่าออร่าสัตว์ร้ายของเสี่ยวไป่กำลังบรรจบกัน นอกจากนี้เสี่ยวไป่ยังมีความดุร้ายสามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัว แม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนเองก็เป็นเรื่องยากจะต้านทาน

“เสี่ยวไป่ หากเจ้าสามารถระงับพลังจากแก่นปีศาจได้ โปรดทำมันเสีย! ลิงคิงคองยักษ์กำลังมาทางนี้! หากมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ล่ะก็ เราต้องรีบออกไปให้ไว” เซี่ยงเส้าหยุนอ้อนวอนต่อเสี่ยวไป่อย่างเร่งรีบ

เสี่ยวไป่รับรู้ถึงสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว มันลดออร่าสัตว์ร้ายลงและตัวหดลงไปพร้อมกัน กลับสู่รูปร่างอันน่ารักก่อนหน้า

“ไปกันเถิด!” เซี่ยงเส้าหยุนรอเสี่ยวไป่ปีนขึ้นบนไหล่ของเขา ก่อนที่จะหนีไปโดยไม่คิดอะไร ด้วยการหลบหนีอย่างรวดเร็ว เขายังคว้าเอาเห็ดโลหิตทั้งหมดระหว่างทางไปด้วย ไม่เหลือไว้แม้สักดอกภายในถ้ำ หากเป็นในอดีตเขาคงไม่ใส่ใจสิ่งที่มีระดับต่ำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี เขาเรียนรู้วิธีการเก็บทุกสิ่งอย่างระหว่างทาง หลังจากเก็บเห็ดมาทั้งหมด เขาและเสี่ยวไป่ก็ตรงไปที่ทางออกของถ้ำที่พวกเขาเข้ามา

หลังจากออกมาจากถ้ำ เขาเริ่มลงจากภูเขาทันที ทว่าเซี่ยงเส้าหยุนวิ่งไปได้ไม่ไกลนักเมื่อรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่ด้านหลัง

“โฮก! โฮก!”

มันเป็นเสียงคำรามของลิงคิงคองยักษ์! มันเริ่มวิ่งไล่ต้อนเขา โดยเริ่มวิ่งเป็นวงกลมรอบ ๆ!

“เป็นไปไม่ได้! มันไล่กวดมาถึงนี่แล้วรึ?!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกด้วยความสิ้นหวัง

สัตว์ปีศาจตัวใหญ่ยักษ์เปรียบได้กับมนุษย์ผู้เป็นยอดฝีมือระดับแปรสภาพ เซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจต่อกรกับมันได้เลย ลิงยักษ์อาจจะทำให้เหล่านักล่าสิงโตคลั่งหนีไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขา ผู้ที่เป็นเพียงระดับดวงดาว!

ลิงคิงคองยักษ์มีความคล่องตัวอย่างน่าประหลาด มันสามารถเข้ามาใกล้ได้โดยทำเพียงแค่กระโดดไม่กี่ครั้ง หัวใจของเซี่ยงเส้าหยุนเต็มไปด้วยการฝืน ในช่วงเวลานั้นเองเขาได้แต่คิดกับตัวเอง ‘หากเราโดนจัดการที่นี่! คุณชายผู้นี้ต้องมาตายตั้งแต่ยังเยาว์เช่นนี้งั้นรึ?’

เช่นเดียวกันนั้นเซี่ยงเส้าหยุนเตรียมพร้อมจะไปโลกหน้าแล้ว ได้มีกลุม่คนมากมายกระโดดออกจากพุ่มไม้ใกล้เคียงและพุ่งเข้าใส่ลิงคิงคองยักษ์

“เจ้าลิงคิงคองยักษ์ จงลงนรกไปเสีย!” คนที่กล่าวเช่นนั้นมิใช่ใครอื่น เป็นสิงโตคลั่งนั่นเอง

ดูเหมือนจะยังไม่สามารถตัดสินผู้ชนะระหว่างลิงคิงคองยักษ์และกลุ่มสิงโตคลั่งได้ ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบอย่างเห็นชัดเจน นอกเหนือจากตัวสิงโตคลั่งเองแล้ว นายกองของกลุ่มสิงโตคลั่งเองก็ได้ร่วมมือเพื่อโค่นคิงคองยักษ์ด้วย

สำหรับยอดฝีมือระดับแปรสภาพเช่นเขา น้ำพุดวงดาวปฐพีมิอาจช่วยพวกเขาในการเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้ ทว่ามันมีความสามารถในการชะล้างลมปราณของพวกเขา ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาต้องการมัน

สิ่งสำคัญกว่านั้นหากพวกเขาสามารถคว้าเอาน้ำพุดวงดาวปฐพีมาครองได้ มันจะช่วยเร่งการฝึกฝนของเหล่าผู้สืบทอดวิชาได้ นอกเหนือจากน้ำพุดวงดาวปฐพี ยังมีข่าวลือถึงยาวิญญาณระดับสูงที่กำลังเติบโตอยู่ในดินแดนของลิงคิงคองยักษ์ด้วย เป็นข่าวลือที่ทำให้ทุกผู้ต่างต้องตกตะลึง

เนื่องจากข่าวลือพวกนั้น พวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมที่จะสู้กับลิงคิงคองยักษ์จนถึงที่สุด เซี่ยงเส้าหยุนฉวยโอกาสหลบหนีด้วยความเร็วเท่าที่จะสามารถ

“หยุดเจ้าเด็กนั่น! เขาคงเก็บยาวิญญาณไปแล้ว! มิเช่นนั้น เหตุใดลิงคิงคองยักษ์จึงอาละวาดด้วยความเกรี้ยวกราดเช่นนี้กัน?” สิงโตคลั่งสั่งเหล่าสมุนให้ตามจับเซี่ยงเส้าหยุน

“ไอ้แก่บ้า!” เซี่ยงเส้าหยุนด่ากับตนเอง

ก้าวราชันเก้าปรโลก

ด้วยพลังของเซี่ยงเส้าหยุนเติบโตเติบโตอย่างรวดเร็ว ก้าวราชันเก้าปรโลกได้แสดงเศษเสี้ยวที่เต็มไปด้วยศักยภาพของมัน ท่าเคลื่อนไหวระดับสูงเช่นนี้ มักจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามความแข็งแกร่งที่มากขึ้นของผู้ใช้

ในอดีต เซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐาน แต่ในตอนนี้เขาบรรลุถึงระดับดวงดาว ด้วยพลังดวงดาวภายในร่างกายพวยพุ่งออกมาอย่างไม่สิ้นสุดจากผังจักรราศี เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ขาสามารถวิ่งได้รวเร็วราวกับลมหมุน เขาพุ่งไปที่ไร้ซึ่งผู้ขวางทาง

“ไล่ตามไอ้เด็กนั้นไป!” แม้สิงโตคลังซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการปะทะกับลิงคิงคองยักษ์ และยังคงมีผู้ติดตามจำนวนมากคอยอยู่เคียงข้าง

พวกเขาทั้งหมดต่างพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน บ้างก็ขี่สัตว์อสูร โชคดีสำหรับเซี่ยงเส้าหยุน เขาได้ทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับผู้ที่ไล่ตาม มิเช่นนั้นคงถูกจับตัวไปนานแล้ว

เมื่อเห็นความเร็วของเซี่ยงเส้าหยุนเพิ่มขึ้น พวกเขาจึงเพิ่มจำนวนคนไล่ตาม ชายผู้หนึ่งอดไม่ได้ที่จะกระโดดลงจากภูเขา และพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน เขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นสูงของระดับดวงดาว ด้วยเหตุนี้การไล่ล่าของเขาด้วยเท้านั้น รวดเร็วกว่าการขี่ม้าเสียอีก

“มันคือเด็กที่ฆ่าหลี่ฮุย! ดูเหมือนข้าจะมีโอกาสล้างแค้นให้เขาแล้ว!” ยอดฝีมือขั้นสูงของระดับดวงดาวบ่นพึมพำกับตนเอง แววตาอำมหิตเผยออกมา

“เจ้าหนู เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” คนผู้นี้ไล่ตามด้วยความเร็วมหาศาล หลังจากตะโกนใส่เซี่ยงเส้าหยุน เขาชักหอกยาวแล้วปาไปด้านหน้า

ทว่าการหลบหลีกนั่น บังคับให้เซี่ยงเส้าหยุนอยู่ในตำแหน่งที่ส่งผลต่อความเร็วของเขา ยอดฝีมือระดับดวงดาวอยู่ห่างจากเขาเพียงห้าสิบเมตร!

“บ้าฉิบ! เราต้องการพลังมากกว่านี้! เรายังไม่แข็งแกร่งพอ!” เซี่ยงเส้าหยุนยิ้มอย่างขมขื่นกับตนเอง

ขณะเดียวกัน เขาเริ่มใช้พลังทั้งหมดที่สามารถรวบรวมได้ เปิดใช้งานตำราราชันพิชิตสวรรค์จนถึงขีดสุด เก้าดวงดาวเริ่มส่องแสงขึ้น เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ผู้ไล่ล่าคิดว่าจะจับเด็กผู้นี้ได้ เขาพบว่าความเร็วของเซี่ยงเส้าหยุนยังคงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!

‘ช่างเป็นเด็กที่แปลกเสียจริง! เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรกแต่ความเร็วกลับเทียบเท่ากับขั้นสาม หรืออาจจะขั้นสี่เลยทีเดียว!’ ยอดฝีมือระดับดวงดาวครุ่นคิดกับตนเอง

ยอดฝีมือระดับดวงดาวต่างทุ่มเททุกสิ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนวิ่งไปครู่หนึ่ง จึงพบว่าไม่มีที่ใดให้หลบหนีได้ จนถึงตอนนี้เขาได้มาถึงขอบหน้าผาแล้ว

“ไม่นะ! นี่เราวิ่งมาเจอทางตันรึนี่!” เซี่ยงเส้าหยุนใกล้สิ้นหวังเต็มที มองลงไปเบื่องล่างหน้าผา ซึ่งคาดว่าความสูงนั้นอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยเมตร แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูงสุดของระดับดวงดาวก็พบว่า เป็นเรื่องยากจะรอดชีวิตหากตกลงไปข้างล่างนั่น!

“เหอะ เหอะ เหอะ! เจ้าหนู! ไม่หนีแล้วรึ? เจ้ามันลื่นเหมือนปลาไหล แต่ข้าจับเจ้าได้ในท้ายที่สุด!” ยอดฝีมือระดับดวงดาวเย้ยหยันเซี่ยงเส้าหยุน และค่อยก้าวเท้าเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า

“ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า! เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวรึ?” หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนจ้องมองอย่างเชือดเฉือนไปยังยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับดวงดาว เขากระโดดลงจากหน้าผาโดยไม่คิดสิ่งใด

“สารเลว!” ยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับดวงดาวก่นด่า ดาวตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ตั้งใจคว้าตัวเซี่ยงเส้าหยุน เขาพุ่งตัวไปแต่กลับพบว่าสายเกินไปที่จะจับเขาแล้ว

เหล่ายอดฝีมือยังคงมองดูร่างของเซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังร่วงหล่นจากหน้าผา

‘ตกจากที่สูงเพียงนี้ เจ้าเด็กนี่ต้องจบเห่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่นายกองกล่าวว่า มันอาจมียาวิญญาณอยู่กับตัว ดูเหมือนเราต้องลงไปควานหาศพมันและเก็บกลับมา’ หลังจากไตร่ตรองกับตนเอง ยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับดวงดาวกลับไปรวบรวมกำลังคน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังฐานของหน้าผา

อย่างไรเสีย เขาไม่ได้รู้จักเซี่ยงเส้าหยุนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งตอนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ที่ด้านล่างของหน้าผานั้นมีทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการไหลของน้ำตก ก่อนที่จะกระโดดลงจากหน้าผา เซี่ยงเส้าหยุนได้ใช้งานสายตาอันดีเยี่ยม เพื่อให้แน่ใจว่าด้านล่างมีทะเลสาบอยู่ก่อนจะกระโดดลงไป มิเช่นนั้นเขาคงมาอยู่ที่หน้าประตูปรโลกแล้ว แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ชั่วขณะที่กระแทกกับผิวน้ำ เขารู้สึกราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset