ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 46 : เจ้าช่างรนหาที่ตาย!

“ใช่แล้ว ข้าต้องการสังหารคนของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน และจ้องไปที่ชายตรงหน้า ชายผู้นั่นกลัวจนหัวหดและเขาหันไปอีกทางเพื่อหลบหนี โชคร้ายด้วยความเร็วซึ่งเทียบไม่ได้กับเซี่ยงเส้าหยุน เขาถูกเด็กหนุ่มจับตัวและฟันด้วยดาบหมาป่าสีทอง

พลังจากดาบสีทองลากขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลังของชายเคราะห์ร้ายจนตายคาที่ หลังจากสังหารชายผู้นั้นแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนมองหาเสี่ยวไป่ก่อนจะพบว่ามันกลับมามีขนาดใหญ่อีกครั้ง และมันกำลังขย้ำชายอีกคนจนตาย สำหรับสัตว์พาหนะของศัตรู พวกมันกลัวจนหางตกไปอยู่ระหว่างขา

เสี่ยวไป่กลับไปเป็นขนาดเท่าเดิม ก่อนจะวิ่งมาที่ด้านหลังของเซี่ยงเส้าหยุนและเริ่มส่งเสียงร้อง เซี่ยงเส้าหยุนลูบไปที่หัวของมันและกล่าว “เราคงไม่สามารถพักอยู่ที่นี่ได้นานนัก มาเก็บของแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ”

หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยงเส้าหยุนรวมรวมสิ่งของจากศพทั้งสี่ นอกเหนือจากอาวุธบางชิ้นแล้ว เขายังเก็บเอากระเป๋าอีกหลายใบไปด้วย ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของที่เก็บได้จากเทือกเขาร้อยอสูร

เซี่ยงเส้าหยุนเปิดห่อสัมภาระแบบสุ่ม ใบหน้าเผยรอยยิ้มเป็นสุขในทันที “นี่มันคือชิ้นส่วนสัตว์อสูรนี่ และยังมีตัวยาเก่าที่มีอายุแตกต่างกันอีก โอ้ นี่มันมีเยอะมาก เมื่อเรากลับไปถึงตำหนักยุทธ์ เราจะเอาไปแลกกับแต้มทั้งหมด”

ทว่าเซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพบว่าสิ่งของเหล่านี้จะกลายเป็นกระเป๋าใบใหญ่มาก ซึ่งจะสร้างความลำบากหากต้องแบกกระเป๋าขนาดใหญ่เช่นนี้ไปที่ต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันจะทำให้ดูสะดุดตามาก เช่นนั้นควรทำเช่นไรดี?

หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำ “เราควรจะลองแปรสภาพของพวกนี้ให้อยู่ในรูปหยาดดวงดาว มาดูกันว่าจะทำได้ไหม?”

ในความคิดนั้น เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยสัมผัสให้อยู่ในรูปหยาดดวงดาวที่อยู่ภายในตัว ก่อนจะมองไปที่สิ่งของตรงหน้า และกล่าว

“เข้ามา!”

ทะเลจักรวาลดวงดาวสามารถกักเก็บสิ่งของทุกประเภทได้ เว้นแต่สิ่งมีชีวิต

หยาดดวงดาวภายในตัวเซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านิ้วมือเสียอีก มันเริ่มส่องแสง ทันใดนั้นเกิดเป็นรูปแบบพลังเชื่อมต่อกับเซี่ยงเส้าหยุน เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพื้นที่ว่าง ซึ่งมันพยายามดูดซับกองสัมภาระ แต่โชคร้าย มันล้มเหลวด้วยพื้นที่ว่างนั้นเล็กเกินไป

“บ้าฉิบ! พื้นที่นั้นมีขนาดเพียงแค่กำปั้นงั้นหรือนี่? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกโกรธมากเมื่อสัมผัสได้ถึงพื้นที่กักเก็บภายในหยาดดวงดาว เพื่อความแน่นอน หากมันเป็นรูปร่างที่ถูกต้องแล้ว หยดของเหลวนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นทะเลจักรวาลดวงดาวก็เป็นได้

ช่างโชคร้าย ทะเลจักรวาลดวงดาวมีพื้นที่กักเก็บเท่าหนึ่งกำปั้นเท่านั้น แม้การกักเก็บตัวยาเพียงแค่ก้านเดียวก็เป็นสิ่งยาก นับประสาอะไรกับสัมภาระกองโตตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุนนี้

เซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรก รูปแบบของทะเลจักรวาลดวงดาวซึ่งมีพื้นที่กักเก็บขนาดเท่ากำปั้นนั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา พื้นที่กักเก็บจะขยายตัวได้เองตามความแข็งแกร่งที่มากขึ้น

ด้วยคิดเช่นนั้น จึงทำให้เซี่ยงเส้าหยุนอารมณ์ดีขึ้น เขาเทสัมภาระทั้งหมดออก หยิบเอายาเก่าและเม็ดยาฟื้นฟูจากกองขึ้น  นอกจากนี้เขาเลือกเอาชิ้นส่วนสัตว์อสูรที่ดูมีค่า ท้ายที่สุดหลังจากเก็บกระบี่ระดับสอง และหอกระดับสอง ก่อนจะทิ้งสัมภาระอื่นไว้

แน่นอนว่า เซี่ยงเส้าหยุนสามารถรับแต้ม หรือเหรียญทองจำนวนมากจากการแลกเปลี่ยนสิ่งของเหล่านี้ แต่มันมีมากเกินไปและอาจทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ช้าลง ด้วยเป็นคุณชายที่ยิ่งใหญ่ผู้ไม่สนใจสิ่งของเหล่านี้ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นในภายภาคหน้า เขาจะสามารถหาสิ่งของมากมายและเก็บมันได้ตามที่ใจปรารถนา

หากมีคนเห็นสิ่งเล็กน้อยที่เซี่ยงเส้าหยุนทำกับสัมภาระเหล่านี้ และอาวุธอีกสองชิ้นที่ทิ้งไป พวกเขาคงจะก่นด่าเซี่ยงเส้าหยุนว่าเป็นผู้สิ้นเปลือง

หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนจัดการกับสัมภาระเสร็จแล้ว เขามองไปที่เสี่ยวไป่ และกล่าว “เสี่ยวไป่ อย่าทิ้งข้าไว้แบบนี้อีก มาเร็ว ขยายร่างให้ข้าขี่เจ้าหน่อย ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว”

เขาหมดพลังไปมากหลังจากการต่อสู้ก่อนหน้า

“เมี้ยว!”

เสี่ยวไป่ทักท้วง แต่โชคร้าย เซี่ยงเส้าหยุนเพิกเฉย ดังนั้นเสี่ยวไป่จึงต้องขยายร่างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของมันสูงขึ้นเท่ากับครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ เมื่อยืนด้วยขาทั้งสี่ ทำให้เขาดูราวกับวีรบุรุษ และ “ราชา” ที่สลักบนหน้าผากของเขา ทำให้มีออร่าราวกับราชัน

เซี่ยงเส้าหยุนหยิบกระเป๋าขึ้น และกระโดดขึ้นไปบนหลังเสี่ยวไป่ ก่อนจะกล่าว “ไปได้!”

ด้วยคำสั่งของเซี่ยงเส้าหยุน เสี่ยวไป่พุ่งออกไปที่ทิศทางรอบนอกของเทือกเขาร้อยอสูร สามวันผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากเทือกเขาร้อยอสูรจนได้

“ในที่สุด เราก็ออกมาจนได้ ฮ่า ฮ่า!” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ด้วยพบอันตรายมากมายระหว่างการเดินทางครั้งนี่ และได้เรียนรู้ว่าโลกนี้ช่างโหดร้าย ทำให้แข็งแกร่งขึ้นมาก หากมีผู้ใดกล้าต่อต้านเขา คงถูกเอาคืนมากกว่าถึงสิบเท่าอย่างโหดร้าย

เซี่ยงเส้าหยุนขี่เสี่ยวไป่ตั้งแต่เดินทางกลับ จนกระทั่งถึงเมืองอู่

“เราสงสัยว่าผู้คนจากตระกูลอู่จะยังรอคอยเราอยู่หรือไม่ หากพวกเขายังอยู่ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเอง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาพึมพำอีกครั้ง “เราเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางรอหรอก มันผ่านไปสักพักแล้ว เราแค่ต้องซ่อนตัวสักหน่อย แล้วทุกสิ่งจะดีขึ้นเองเมื่อเรากลับถึงตำหนักยุทธ์”

ด้วยท่าทางของเสี่ยวไป่ในตอนนี้ เมืองอู่อยู่เบื้องหน้าก่อนที่ฟ้าจะมืดลง ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนกล่าวกับเสี่ยวไป่ให้กลับสู่ขนาดเดิม เขาอุ้มเสี่ยวไป่ขึ้นแล้วมุ่งตรงเข้าเมืองอู่

ตระกูลอู่เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ พวกเขามีสายข่าวจากทั่วทุกหนแห่ง และเซี่ยงเส้าหยุนต้องย่างเท้าอย่างระมัดระวัง ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่เมืองอู่ เขาสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนสังเกตเห็นเขา ก่อนจะคิดกับตนเอง ‘หรือพวกมันรอเราอยู่กันนะ?”

แน่นอนว่าเมื่อเขามุ่งหน้าไปที่ตำหนักยุทธ์ กลุ่มคนซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่นั้น พุ่งออกจากตำแหน่งที่ต่างกันทั่วทุกสารทิศ และพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มในบัดดล

“เวรเอ้ย!” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่า และถอยออกจากตำแหน่งนั้นในทันที กระนั้นผู้ที่เพิ่งมานั้น มีพลังมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงปลายของระดับดวงดาวเช่นตน เซี่ยงเส้าหยุนไม่ทันได้โอกาสหลบหนี

“ยอมแพ้เสีย ไม่งั้นเจ้าจะต้องลำบาก” หัวหน้ากลุ่มกล่าวขณะส่งลูกเตะเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนและเสี่ยวไป่จะทันโต้ตอบ ทำให้พวกเขากระเด็นไปไกล ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ในทันที

“ตระกูลอู่ หากเจ้ายังกล้าแตะต้องแม้เพียงเส้นผมของข้า ศิษย์พี่จื่อฉางเหอจะต้องเล่นงานเจ้า!” เซี่ยงเส้าหยุนไร้ซึ่งทางเลือก จึงทำได้เพียงเอ่ยนามจื่อฉางเหอ

“แม้แต่เจ้าตำหนักยุทธ์ก็มิอาจช่วยเจ้าได้!” หัวหน้ากลุ่มตอบกลับก่อนจะส่งลูกเตะใส่เซี่ยงเส้าหยุนอีกครั้ง หวังให้เด็กหนุ่มสลบจากลูกเตะลูกนั้น

ฟุ่บ!

ลูกเตะมีพลังค่อนข้างสูง ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มกระอักเลือด ศัตรูซึ่งอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นหกหรือเจ็ด

“เมี๊ยววว!”

เสี่ยวไป่ตะเบ็งก่อนจะตะครุบไปที่ชายผู้นั้น เพื่อพยายามจะกัด

“เจ้าสัตว์ตัวจ้อยนี่ มาจากที่ไหนกัน? ไปให้พ้น!” เขาตะโกน และสะบัดเสี่ยวไป่ให้พ้นทาง

“พาเขาไป” ชายผู้นั้นออกคำสั่งต่อกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบ

“เจ้ากำลังแกว่งเท้าหาความตาย!” เสียงหนึ่งดังก้องราวกับฟ้าผ่าจากสี่แยกถนน ชายผู้ซึ่งขี่หมาป่าพุ่งเข้ามา ในเวลาเดียวกัน พลังงานจากหอกพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าฟาด

ฟึ่บ!

ก่อนที่ผู้ฝึกยุทธระดับดวงดาวที่กำลังก้าวไปหาเซี่ยงเส้าหยุนจะทันโต้ตอบ หอกดังกล่าวก็พุ่งทะลุร่างของเขา และตายทันทีด้วยดวงตายังเบิกกว้างด้วยความขุ่นเคือง

“เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์น้องของข้า ขุนนางอัสนีสีม่วงเชียวหรือ? เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียแล้ว!” ชายผู้นั่งบนหลังหมาป่าอาวุโสกล่าว

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset