ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 47 : ข้ายังเจ็บอยู่นะ!

เมื่อจื่อฉางเหอปรากฎตัวขึ้น ชายสามหน้ากากตกใจสุดขีด และพยายามหลบหนีในทันที โชคร้ายสำหรับพวกเขา ไม่มีผู้ใดสามารถหนีไปได้ จื่อฉางเหอเป็นถึงยอดฝีมือระดับแปรสภาพขั้นสูงสุด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง และร่างกายส่องสว่างขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ ก่อนที่ชายสวมหน้ากากทั้งหมดจะตายในทันที

หลังจากสังหารชายสวมหน้ากากทั้งหมดแล้ว จื่อฉางเหอไปหาเซี่ยงเส้าหยุนทันที และแบกเด็กหนุ่มขึ้นไปบนหลังหมาป่าอาวุโส

“เสี่ยวไป่” เซี่ยงเส้าหยุนยังคงตื่นอยู่และไม่ลืมนึกถึงเสือน้อย ขณะจื่อฉางเหอพาตัวเขากลับไป เสี่ยวไป่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก จึงกระโดดขึ้นไปบนหลังหมาป่าเช่นกัน

“เจ้าหนูนี่มาจากไหนกัน? ไปให้พ้น!” หมาป่าอาวุโสขู่

“โฮก!”

ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามได้หลุดออกมาจากปากของเสี่ยวไป่ หมาป่าอาวุโสสัมผัสได้ถึงออร่าที่แปลกประหลาดของราชาในทันที ออร่านั้นทำให้เขาตัวสั่นเทา และต้องหุบปากโดยไวเพราะความกลัว เมื่อจื่อฉางเหอมองเสี่ยวไป่ เขาค่อนข้างประหลาดใจ “ลูกเสือลายงั้นรึ?”

“ศิษย์พี่ หยุดเป็นกังวลกับเสี่ยวไป่เถิด โปรดหยิบเม็ดยารักษาให้ข้าด้วย ข้าเจ็บจะแย่แล้ว!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว จื่อฉางเหอไม่ลังเล และป้อนเม็ดยาแก่เซี่ยงเส้าหยุนทันที ผ่านไปไม่นาน พวกเขาจึงเริ่มเดินทางกลับไปที่ตำหนักยุทธ์

จื่อฉางเหอนำเซี่ยงเส้าหยุนไปยังที่พักเหล่าผู้อาวุโสของตน ที่นั่น เขาให้เซี่ยงเส้าหยุนนั่งทำสมาธิ และรักษาอาการบาดเจ็บ โดยที่จื่อฉางเหอยืนเฝ้ามองอยู่ใกล้เคียง ภายในครุ่นคิดกับตนเอง ‘เจ้าเด็กนี่ช่างเติบโตได้รวดเร็วนัก ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรกแล้วในตอนนี้ ดูเหมือนการเดินทางสู่เทือกเขาร้อยอสูรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี

หลังจากผ่านไปราวสองชั่วโมง เซี่ยงเส้าหยุนสิ้นสุดการทำสมาธิ เขารู้สึกดีขึ้นมากในตอนนี้

“ขอบคุณศิษย์พี่ สำหรับการช่วยเหลือ!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขอบคุณจื่อฉางเหออย่างจริงใจ

“ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า จะให้ข้าปล่อยเจ้าให้ตายงั้นหรือ?” จื่อฉางเหอกล่าว เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าต้องไปกล่าวขอบคุณกับลู่เสี่ยวฉิงเสียหน่อย หากไม่ใช่เพราะนาง ข้าก็ไม่มีวันรู้เลยว่าตระกูลอู่จะทำสิ่งใดกับเจ้า”

“ลู่เสี่ยวฉิงรึ?” เซี่ยงเส้าหยุนอุทานด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อน นางเป็นคนมารายงานผู้อาวุโสที่สิบเอ็ด ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนั้น ผู้อาวุโสที่สิบเอ็ดจึงมาติดต่อกับข้า ตอนนั้นเอง ข้าจึงได้ไปเยี่ยมเยียนตระกูลอู่ แต่พวกเขายืนยันว่ามิได้ทำสิ่งใดเลย ไม่มีสิ่งใดให้ข้าต้องเป็นกังวล ในที่สุดก็พบว่าเหล่าคนที่ถูกส่งไปหาเจ้านั้นตายหมดแล้ว ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่จากการตามล่า มีใครบางคนช่วยเจ้าไว้ ถูกไหม?” จื่อฉางเหอกล่าว

“ใครบางคนช่วยช่วยข้าไว้งั้นรึ? ข้าคิดว่าไม่นะ?” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำก่อนจะดำเนินการให้จื่อฉางเหออธิบายโดยคร่าวว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น “และนั่นคือวิธีที่คุณชายผู้นี้หลบหนีมาได้ ด้วยปัญญาของตนเอง คิดว่าต้องการความช่วยเหลืองั้นรึ?”

จื่อฉางเหอจมลงสู่ความเงียบ ก่อนจะกล่าว “ไม่เลย มีใครบางคนคอยช่วยเหลือเจ้าอย่างลับ ๆ มิเช่นนั้น ด้วยความเร็วของคนเหล่านั้น คงจะจับเจ้าได้ไม่ยากเย็นนัก”

เซี่ยงเส้าหยุนพบว่าจื่อฉางเหอนั้นกล่าวอย่างมีมูล และมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของเขาเอง หรือจะเป็นคนผู้นั้นกัน?

“ดูเหมือนเจ้าจะเดาได้แล้วว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่ข้าจะไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเจ้านักหรอก เพียงแค่ระมัดระวังในทุกสิ่งที่เจ้าจะกระทำ ตระกูลอู่นั้นมีอิทธิพลมากในเมืองอู่ แม้แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านพวกเขา พยายามอย่าออกจากตำหนักยุทธ์หากไม่จำเป็น” จื่อฉางเหอเตือน

“พวกเขาเป็นคนยั่วยุก่อน แล้วข้าต้องทนนิ่งเฉยงั้นหรือ? ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นอย่างไม่มีความสุข

“แน่นอน เจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้หากเจ้าต้องการ แต่ตอนนี้ เจ้าต้องการความแข็งแกร่งในการทำเช่นนั้น แม้ตระกูลอู่จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพไม่มากเท่าตำหนักยุทธ์ แต่ก็ยังมีจำนวนมากอยู่ดี” จื่อฉางเหอกล่าว

“เพียงแค่รอ หากพวกมันกล้าที่จะต่อต้านข้าอีกครั้ง แน่นอนว่าข้าจะฆ่าล้างตระกูลอู่ทั้งหมดในภายอนาคต” เซี่ยงเส้าหยุนประกาศด้วยแววตาไร้ความปรานี เพียงเพราะเขาเอาชนะอู่หมิงเหลียงได้ พวกเขาจะพยายามมาสังหารเรารึ? อะไรจะต่ำทรามได้ขนาดนี้? ในเมื่อเลวมา เช่นนั้นหากเขาจะเลวกลับก็อย่าได้กล่าวโทษ!

“เรามาคุยกันหลังจากจัดการกับปัญหาของเจ้าในตอนนี้แล้ว” จื่อฉางเหอกล่าว และกล่าวอีกครั้ง “หลังจากเอาชนะอู่หมิงเหลียงแล้ว พี่ชายทั้งสองของเขากำลังเตรียมที่จะมาประลองกับเจ้า ต่างจากศิษย์ชั้นนอก เราไม่ห้ามการประลองระหว่างศิษย์ชั้นใน นอกจากนี้ พวกเขาทั้งสองต่างเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโส ทำให้สถานะของพวกเขาคล้ายคลึงกับเจ้า คงไม่เหมาะหากข้าจะเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งนี้”

“การประลองส่วนตัวระหว่างศิษย์ชั้นในไม่ถูกห้ามงั้นหรือ? ยอดไปเลย!” เซี่ยงเส้าหยุนอุทานอย่างมีความสุข

“เจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว พี่ชายทั้งสองของอู่หมิงเหลียงนั้น คนแรกเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสอง และกำลังบรรลุเข้าสู่ขั้นที่สาม และอีกผู้หนึ่งก็เป็นศิษย์ส่วนตัวที่น่าทึ่งที่สุดในตำหนักยุทธ์” จื่อฉางเหอเตือน และกล่าวอีกครั้ง “ข้าเคยกล่าวกับเจ้าแล้วว่าจะมอบบางสิ่งให้ เมื่อบรรลุถึงระดับดวงดาว คงถึงเวลารักษาสัญญาแล้ว”

“คอยเดี๋ยว ข้ายังบาดเจ็บอยู่นะ!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องเตือน

“ข้าจะยังไม่เริ่มในตอนนี้ เราจะมาเริ่มกันพรุ่งนี้ และเมื่อเจ้าบรรลุถึงระดับดวงดาวขั้นสูงสุดแล้ว ข้าจะพาเข้าไปพบกับท่านอาจารย์ เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ตระกูลอู่ก็คงไม่กล้ามาลองดีกับเจ้าแน่นอน” จื่อฉางเหอกล่าว จากนั้นก็หันกลับ และจากเซี่ยงเส้าหยุนไป

สำหรับเซี่ยงเส้าหยุน เขาเริ่มไตร่ตรองขณะบ่นพึมพำ “อู่หมิงเหลียงยังมีพี่ชายถึงสองคนอยู่ที่นี่รึ? ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาอันง่ายที่จะอยู่ที่นี่เสียแล้ว แต่นั่นเป็นสิ่งดีสำหรับเรา ที่จะใช้พวกเขาเป็นก้าวถัดไป!”

ณ คฤหาสตระกูลอู่

อู่หงจื่อร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธขณะอยู่ในห้องโถง “จื่อฉางเหอ! เขากล้าทำลายแผนของเรารึ? หรือเขากำลังดูถูกตระกูลอู่กัน?”

ลูกน้องเพียงไม่กี่คนที่ถูกจื่อฉางเหอสังหาร ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาว รวมถึงพวกที่ตายไปเมื่อเดือนก่อน ตระกูลอู่ต้องสูญเสียมิใช้น้อยในการตามจับเซี่ยงเส้าหยุน อู่หงจื่อโยนความผิดทั้งหมดให้จื่อฉางเหอ

“ท่านพ่อ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะโกรธแค้นเช่นนี้ หากจื่อฉางเหอกำลังคุ้มกันเซี่ยงเส้าหยุนอยู่ เราจำต้องยอมแพ้รึ?” อู่หมิงเหลียงกล่าว บาดแผลส่วนใหญ่ถูกรักษาแล้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน บาดแผลได้ถูกรักษา และความแข็งแกร่งก็เพิ่มมากขึ้น เขาบรรลุสู่ระดับดวงดาวขั้นแรกเช่นกัน

“ลืมมันไปงั้นรึ? เราจะลืมมันไปได้อย่างไร! ลูกคิดว่าจื่อฉางเหอเป็นใคร? เขาถูกไว้วางใจในฐานะศิษย์ของปรมาจารย์แห่งนครขอบนภาเชียวนะ เขาคิดว่าเราเกรงกลัวชายแก่โง่เง่าผู้นั้นจริงรึ? หากเขายังดึงดัน เราก็จะต้องสังหารเขาเช่นกัน!”  อู่หงจื่อกล่าวด้วยแววตาไร้ความปราณี หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขากล่าวเสริม “หากเซี่ยงเส้าหยุนกลับมา ลูกควรกลับเข้าไปในตำหนักยุทธ์เช่นกัน แจ้งแก่พี่ชายทั้งสองของเจ้าให้จับเซี่ยงเส้าหยุน และนำมันกลับมาที่บ้านเสีย!”

“ขอรับ ท่านพ่อ ลูกจะไปทันที” อู่หมิงเหลียงกล่าวและจากไป อู่หมิงเหลียงจากไปในทันที เมื่ออู่หงจื่อมาถึงสวนด้านหลังของคฤหาสตระกูล ซึ่งเป็นที่พำนักของผู้นำตระกูล

อู่หงจื่อเข้าไปในห้อง และด้วยความอับอาย เขากล่าวกับชายชราที่นั่งอยู่บนเสื่อ “ท่านพ่อ ลูกขออภัยในความไร้ประโยชน์ ที่ล้มเหลวในการจับเซี่ยงเส้าหยุนถึงสองครั้ง”

ชายชราดูเหมือนจะมีอายุราวแปดสิบปี แต่ในความเป็นจริง มีอายุกว่าร้อยปี  ชายผู้นี้คืออู่ฝูเซียง เจ้าเมืองอู่นั่นเอง

“พ่อรู้ถึงฝีมือลูกดี ลูกจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอ” อู่ฝูเซียงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ก่อนจะกล่าวเสริม “ติดต่อผู้อาวุโสที่สิบสามแห่งตำหนักยุทธ์ ให้พ่อได้พูดคุยกับเขา มีหลายสิ่งที่เราไม่อาจรอได้”

“ขอรับท่านพ่อ” อู่หงจื่อปฏิบัติตาม

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset