ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 60 : เกิดมาเพื่อเป็นราชา

ความรุนแรงของพลังแห่งการเผยตัวนั้น เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเป็นพลังทางจิต และยังมีโอกาสที่คงอยู่เป็นเวลานาน แม้จะไม่แข็งแกร่งพอก็ตาม ซึ่งผู้ที่คงสถานะนั้น จะต้องมีพลังเผยตัวแห่งราชา

นั่นคล้ายกันกับอดีตของเซี่ยงเส้าหยุน ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐาน เขามีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังคอยติดตาม และสิ่งนี้ทำให้เขาเห็นด้วยกับการเผยตัวของราชา ในปัจจุบัน เซี่ยงเส้าหยุนเข้าสู่สถานะจินตภาพ ฉากในอดีตถูกฉายขึ้นในหัว เตือนเขาถึงยอดฝีมือทั้งหมดที่เคยพบพาน ซึ่งแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับตน แต่ก็ยังเชื่อฟังคำสั่ง

การเผยตัวที่ถูกเรียกว่า ‘การเผยตัวแห่งการกระตุ้น’ ‘การเผยตัวแห่งราชา’ ‘หรือแม้แต่การเผยตัวของผู้อ่อนแอ’ แม้จะดู

ราวกับไม่มีจริง แต่ก็แฝงอยู่ในทุกหนแห่ง สิ่งซึ่งมีต้นกำเนิดจากจิตใจและถูกถ่ายทอดจากผู้หนึ่ง อย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจพลังแห่งการเผยตัวผ่านการเปิดใช้พรสวรรค์จินตภาพของตน

การเผยตัวที่ถูกเรียกว่า ‘การเผยตัวแห่งการกระตุ้น’ ‘การเผยตัวแห่งราชา’ ‘หรือแม้แต่การเผยตัวของผู้อ่อนแอ’ แม้จะดูราวกับไม่มีจริง แต่ก็แฝงอยู่ในทุกหนแห่ง สิ่งซึ่งมีต้นกำเนิดจากจิตใจและถูกถ่ายทอดจากผู้หนึ่ง อย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจพลังแห่งการเผยตัวผ่านการเปิดใช้พรสวรรค์จินตภาพของตน

‘นี่ข้า เซี่ยงเส้าหยุน มีการเผยตัวของผู้อ่อนแอ หรือการเผยตัวของผู้แข็งแกร่งกัน? หรือจะเป็นการเผยตัวแห่งความกล้าหาญ? ไม่สิ ครั้งหนึ่งเราเคยอยู่เหนือผู้อื่นมากมาย เพียงแค่โบกมือ เหล่าบริวารต่างทำตามสิ่งที่เราต้องการด้วยการเผยตัวของเรา คล้ายกับพระเจ้า เราเกิดมาเพื่อเป็นราชา ด้วยอาณัติแห่งสวรรค์เพื่อให้เราเป็นราชา! เรามีการเผยตัวแห่งราชา! ผู้ใดริอาจข่มเรากัน?’ แสงแห่งความเกรี้ยวกราดปรากฏออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งเข้ามาในดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุน ในเวลาเดียวกัน การเผยตัวอันน่าเกรงขามเพิ่มขึ้นในตัว พลังทางจิตดูราวกับทะลุขีดจำกัด บางสิ่งทำให้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

และด้วยการเผยตัวนี้ เซี่ยงเส้าหยุนกลับมายืนด้วยเท้าอีกครั้งอย่างเชื่องช้า และท้ายที่สุดเขาก็กลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง เพิกเฉยต่อแรงกดดันทั้งหมดที่ชายสูงวัยปล่อยออกมา

“ข้าคือราชา เช่นนั้น เจ้าจะทำอย่างไรต่อข้า? ไปเสียให้พ้น!” ดวงตาที่เปล่งประกายน่าประหลาดของเซี่ยงเส้าหยุน จ้องตรงไปในตาของชายสูงวัย เกิดเป็นลำแสงสองลำพุ่งใส่ดวงตาของชายสูงวัย

เมื่อนั้นชายสูงวัยสัมผัสได้ถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของเซี่ยงเส้าหยุน ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน และความกดดันของเซี่ยงเส้าหยุนก็กระจายไปทั่วอย่างเชื่องช้า จนสามารถมองเห็นปราณสีม่วงล่องลอยที่ด้านหลังของเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้เด็กหนุ่มมีความสง่างามอย่างที่สุด

“ทะ ทำไม เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ชายสูงวัยร้องเสียงหลง เขาไม่เคยพบผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวคนใดที่จะสามารถยืนหยัดต่อการเผยตัวของเขาได้ ส่วนใหญ่พวกเขาจะสามารถรอดไปได้ ไม่เหมือนเซี่ยงเส้าหยุนผู้ที่สามารถเอาชนะการเผยตัว และสวนกลับได้เช่นนี้

สิ่งสำคัญมาก เขาสัมผัสได้ถึงการเผยตัวแห่งราชาจากเซี่ยงเส้าหยุน และทำให้เขาต้องคุกเขาลงก่อนจะคำนับต่อเซี่ยงเส้าหยุน สิ่งนี้เป็นแรงกดดันแบบเดียวกันกับการเผชิญหน้าต่อผู้ที่เคยปกครองผู้คนมากมายเป็นเวลานาน แรงกดดันซึ่งทำให้รู้สึกราวกับเป็นชาวนาวิปลาส มาเข้าเฝ้ากษัตริย์

“เข้ามาเลย ท่านอาวุโส! ท่านจะทำอะไรกับข้าอีก? ข้าเกิดมาเพื่อเป็นราชา และข้าถูกกำหนดให้อยู่เหนือผู้อื่น เพื่อรังสรรค์สวรรค์ทั้งเก้า และโลกทั้งสิบด้วยพลังเผยตัวนี้ ผู้ใดที่กล้าขัดขืนจะต้องตาย!” เซี่ยงเส้าหยุนกระกาศ เผยให้เห็นถึงการกดขี่ภายในทั้งหมด และการเผยตัวแห่งราชาได้แสดงออกมาเต็มที่ สิ่งที่ไร้ซึ่งตัวตนหมุนวนรอบตัว ทำให้ผู้ที่เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มต้องรู้สึกอยากคุกเข้าแทบเท้าเขา

“อวดดีนัก! เจ้ากล้าขู่ข้างั้นรึ?” ชายสูงวัยเกรี้ยวกราด

“แล้วถ้าข้าดูถูกท่านเล่า? กาลครั่งหนึ่งนานมาแล้ว คนอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติแม้จะมาเป็นบริวารของข้า เจ้ามีดีอะไรกัน? ข้าเป็นเพียงระดับดวงดาวขั้นสอง แต่ก็สามารถทำลายการเผยตัวของเจ้าได้ เจ้ายังภูมิใจอยู่อีกไหม? หากเวลาที่ข้าบรรลุระดับแปรสภาพมาถึง ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยนิ้วเดียว ก่อนที่เหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์เช่นข้า ยังจะมีสิ่งใดให้ภูมิใจอีกไหม? รู้หรือไม่ว่าสิ่งใดช่างน่าสงสารกว่ากัน? เป็นเพียงชายแก้แท้ ๆ เจ้ายังไม่ได้เป็นผู้มีในระดับราชันด้วยซ้ำ และยังคงติดอยู่ในระดับไร้นามเช่นนี้ เจ้าไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ช่างน่าสมเพชนัก!” เซี่ยงเส้าหยุนก้าวไปข้าวหน้า ขณะตำหนิชายสูงวัย

การเผยตัวแห่งราชานั้นฝังแน่น ทำให้เขาภาคภูมิใจอย่างมาก ราวกับเป็นบุตรแห่งพระเจ้า การเผยตัวของเด็กหนุ่มนั้นโอ่อ่าเกินต้านทาน ชายสูงวัยรู้สึกกดดันจนก้าวถอยหลัง ร่างของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด

“จะ เจ้ารู้เรื่องใดกัน?” ชายสูงวัยตอบกลับด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เขาไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนได้ขุดเอาความลับที่ฝังลึกภายในออกมา ซึ่งทำลายความมั่นใจของเขาอย่างสิ้นเชิง และยังรู้สึกหมดหนทางที่จะรับมือกับความโกรธเช่นกัน

“ราชาถูกลิขิตให้ทะยานบนฟากฟ้าและผืนดิน อยู่เหนือท้องฟ้าทั้งเก้า เพื่อมองข้ามสรรพชีวิต ด้วยดวงใจที่ใหญ่พอจะบรรจุโลกได้ทั้งใบ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับโลกและธรรมชาติ เพื่อให้จิตใจของตนท่องไปในโลกได้อย่างอิสระ และสำรวจท้องฟ้าทั้งเก้า จุดประกายดาวแห่งโชคชะตา เพื่อพิชิตดวงดาว พระเจ้า โลกา และทุกสิ่ง” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มกล่าว คำที่ออกมานั้นช่างน่าตกใจเกินกว่าจะเชื่อ เขาได้สั่นคลอนหัวใจของชายสูงวัยเสียแล้ว

ชายสูงวัยจ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุน ดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าสู่สถานะหยั่งรู้ ด้วยความรู้สึกรู้แจ้ง จึงพึมพำกับตนเอง “เพื่อทะยานไปบนฟากฟ้าและผืนดิน อยู่เหนือท้องฟ้าทั้งเก้า เพื่อมองข้ามสรรพชีวิต ด้วยดวงใจที่ใหญ่พอจะบรรจุโลกทั้งใบ…”

“ราชาจะต้องสวมออร่าแห่งราชัน แล้วเจ้ารอสิ่งใดกันเล่า? จดจ่อกับแก่นพลัง สัมผัสธรรมชาติโลกา และก้าวเข้าสู่ระดับราชาเสีย!” เซี่ยงเส้าหยุนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเสียงดังขึ้น ขณะเดียวกันการเผยตัวของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้น และที่เอื้อนเอ่ยได้แทงเข้าไปในใจของชายสูงวัย

ตู้ม!

อุปสรรคสุดท้ายของชายสูงวัยได้แตกสลายไปด้วยคำของเซี่ยงเส้าหยุน

ทันใดนั้น ชายสูงวัยสัมผัสได้ว่า เขากำลังประสบการณ์นอกกาย เมื่อพลังจิตที่ไร้รูปร่างพุ่งออกมาจากห้องแห่งขีดจำกัด ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบน ดวงดาวเริ่มสั่นอย่างบ้าคลั่ง ดูดซับพลังวิญญาณรอบข้างอย่างไม่หยุดหย่อน พลังเปลี่ยนเป็นรูปของพายุในที่สุด และท้ายที่สุดพายุได้ก่อตัวเชื่อมกับท้องฟ้าทั้งเก้าเบื้องบน ฉีกอวกาศให้แยกออกจากกันเพื่อไปให้ถึงดวงดาวที่หลบซ่อน

นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่า พลังจิตของเขาสามารถส่งไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า จุดประกายดวงดาว และเริ่มดำเนินการบรรลุสู่ระดับราชา ด้านนอกห้องแห่งขีดจำกัด หยางเกาฉวนเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปล ร่างของเขาสั่นเทาและกล่าว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พลังวิญญาณกำลังรวมตัวกันที่นี่ ทั่งมากมาย และบริสุทธิ์ นะ นี่ผู้เฒ่าเผิงบรรลุแล้วหรือ?”

ผู้ดูแลใกล้เคียงหยางเกาฉวนตัวสั่นเทา สีหน้าตกใจเผยออก “ท่านเจ้าตำหนัก ท่านจะกล่าวว่าผู้เฒ่าเผิง ในที่สุดก็บรรลุไปอีกขั้นแล้วงั้นหรือ?”

หยางเกาฉวนไม่ตอบสิ่งใด ตรงกันข้าม เขาพุ่งเข้าไปและกล่าวต่อผู้ดูแล “เข้ามากับข้า เราไม่ควรรบกวนผู้เฒ่าเผิง!”

เวลาเดียวกันนั้น ผู้คนมากมายของตำหนักยุทธ์เริ่มสัมผัสได้ถึงความแปลกนี้ ผู้อาวุโสมากมายและผู้ดูแลเริ่มมุ่งหน้ามาที่ตำหนักยุทธ์ ผู้ที่มาถึงคนแรกคือรองเจ้าตำหนัก ฉิงสิวเหอ เมื่อเขามองเห็นหยางเกาฉวนที่นี่ เขาทำความเคารพต่อเจ้าตำหนักอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวถาม “ท่านเจ้าตำหนัก เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่?”

“ข้าไม่แน่ใจ แต่ในตอนนี้ หอคอยแห่งขีดจำกัดได้ถูกลงกลอนแล้ว ผู้ที่กล้าบุกรุกเข้าไปจักต้องถูกลงโทษ!” หยางเกาฉวนกล่าวเสียงดัง ผู้คนมากมายจากตำหนักยุทธ์ได้ยืนคำสั่งอย่างชัดเจน และหยุดก้าวของผู้อื่นที่กำลังมุ่งหน้ามาที่หอคอยแห่งขีดจำกัด

“ทุ่นท่าน โปรดกลับไปยังตำแหน่ง และรอคอยคำสั่ง” ฉิงสิวเหอดำเนินการตามคำสั่งในทันที ตั้งแต่เจ้าตำหนักและรองเจ้าตำหนักได้ออกคำสั่ง ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทั้งหมดต่างเข้าใจดีว่าเกิดเหตุการณ์สำคัญต่อตำหนักยุทธ์ขึ้นแล้ว

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset