ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าผู้อาวุโสเจิ่นเผิงจะทำสิ่งใด และพวกเขาทั้งหมดมองไปที่ตำแหน่งของชายสูงวัยที่กำลังบินอยู่ ที่ด้านล่าง มีเด็กหนุ่มซึ่งดูราวกับกำลังแอบหนีจากห้องแห่งขีดจำกัด เด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายของผู้อาวุโสเจิ้นเผิง
“บ้าฉิบ! ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดต่อท่าน ท่านก็จะไม่ไว้ชีวิตข้าหรือ?” เด็กหนุ่มก่นด่าตนเอง
เด็กหนุ่มผู้นั้นคือเซี่ยงเส้าหยุนนั่นเอง เขาพยายามออกจากห้องแห่งขีดจำกัดที่หก และวางแผนหลบหลีกระหว่างที่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงกำลังเฉลิมฉลองต่อการบรรลุนี้ และไม่คาวคิดว่าจะโดนจับได้ ในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงได้ลงมาใกล้เคียงกับเขา ปิดเส้นทางหลบหนี ชายสูงวัยเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่องนภาขั้นสอง และด้วยเพิ่งจะบรรลุระดับยุทธ์ขั้นนี้ จึงเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ศะ ศิษย์พี่ ท่านต้องการสิ่งใด? ก็ได้ ก็ได้ ข้าขอยอมแพ้” เซี่ยงเส้าหยุนยกมือขึ้น กล่าวอย่างประหม่า ด้วยเกรงกลัวว่าชายสูงวัยจะสังหารตนด้วยความโกรธ
ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุน ใบหน้าแสดงออกอย่างซับซ้อน เขารู้สึกขัดแย้งต่อตนเอง ว่าจะทำสิ่งใดต่อเด็กหนุ่มตรงหน้าดี ในตอนนั้นเอง หยางเกาฉวน ฉิงสิวเหอ และผู้อาวุโสคนอื่นก็มาถึง
หยางเกาฉวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง โปรดยกโทษให้ด้วย ข้าเป็นผู้ส่งเด็กหนุ่มคนนี้เข้าไปในห้องแห่งขีดจำกัดที่หกเอง เขาเป็นผู้มีห้าดวงดาวสถิตร่าง และมียังมีอนาคตที่งดงามรอคอยเขาอยู่”
หยางเกาฉวนขอร้องให้ลดโทษต่อเซี่ยงเส้าหยุน เนื่องจากเชื่อว่าผู้อาวุโสเจิ้นเผิงกำลังกล่าวโทษเด็กหนุ่มที่เข้าไปรบกวนระหว่างบรรลุขั้นนั่นเอง แม้จะไม่มีผู้ใดทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำของหยางเกาฉวนเกี่ยวกับเซี่ยงเส้าหยุน พวกเขาจึงพอคาดเดากันได้
“ท่านเจ้าตำหนัก เกิดสิ่งใดขึ้นกับเซี่ยงเส้าหยุน? เหตุใดจึงอนุญาตให้เขาเข้าไปในห้องแห่งขีดจำกัดที่หกเล่า ในเมื่อทราบดีว่าผู้อาวุโสเจิ้นเผิงอยู่ด้านใน?” ฉิงสิวเหอกล่าวถามอย่างสงสัย
หยางเกาฉวนตอบกลับ “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้ โปรดจัดการเรื่องที่สำคัญก่อนเถิด”
ในเวลานั้นเอง หลี่เสวียเหมิงได้ตะโกนใส่เซี่ยงเส้าหยุนจากกลุ่มผู้อาวุโส “ช่างสามหาวนัก! เซี่ยงเส้าหยุน รีบคุกเข่าขอขมาต่อความผิดของเจ้าเสีย! ที่ไปรบกวนการบรรลุของผู้อาวุโสเจิ้นเผิง มิเช่นนั้นโทษของเจ้าคือจะต้องตาย!”
คำของหลี่เสวียเหมิงนั้น ถูกกล่าวในเวลาที่เหมาะเจาะ คำเหล่านั้นจุดประกายความโกรธให้แก่ผู้อาวุโสคนอื่น ด้วยสิ่งต้องห้ามที่เข้าไปรบกวนผู้ที่กำลังบรรลุขั้นนั้น มิต้องกล่าวถึงบางสิ่งที่สำคัญพอกันกับการบรรลุสู่ระดับล่องนภาของผู้อาวุโสเจิ้นเผิง
ยอดฝีมือระดับราชาเพียงคนเดียวบ่งบอกถึงความรุ่งโรจน์ของตำหนักยุทธ์ในตอนนี้ หากการบรรลุขั้นนั้นล้มเหลว เซี่ยงเส้าหยุนคงมิอาจทำสิ่งใดได้ นอกจากจะต้องตายซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบครา แม้จะเป็นผู้มีห้าดวงดาวสถิตร่างก็ตาม
“สำหรับความกล้าที่จะก่อกวนการบรรลุขั้นของผู้อาวุโสเจิ้นเผิงนั้น คงมิอาจปล่อยเด็กคนนี้ไว้ได้!” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าว
“ถูกต้อง ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดในการเข้าไปยังห้องแห่งขีดจำกัด ก็มิอาจลบล้างความผิดได้”
“ไอ้เด็กเหลือขอเอ้ย นี่เขาคิดว่าสามารถทำสิ่งใดก็ได้ เพราะมีห้าดวงดาวสถิตงั้นหรือ? ข้าขอเสนอให้ทำให้เขาพิการ และขับไล่ออกจากตำหนักยุทธ์ไปเสีย!”
“ข้าคิดว่าเราควรฆ่าเขาเสีย เพื่อมิให้มีปัญหาในภายภาคหน้า”
…
มีผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับหลี่เสวียเหมิง พวกเขาล้วนสนิทสนมกับหลี่เสวียเหมิง ในขณะที่คนอื่นเริ่มเข้าหาผู้อาวุโสเจิ้นเผิง
ผู้อาวุโสอีกจำนวนหนึ่งมิกล่าวสิ่งใด พวกเขาแสดงออกอย่างซับซ้อน ขณะที่ยังไม่อาจคาดคะเนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงไม่กล่าวตัดสินใด
จื่อฉางเหอทำได้เพียงกล่าว “เย็นก่อนเหล่าอาวุโส ข้าคิดว่าควรให้ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงตัดสินใจ หากเซี่ยงเส้าหยุนทำผิดจริง เขาก็ควรถูกลงโทษ แต่หากเป็นความเข้าใจผิดเล่า ข้าขอร้องท่านอาวุโสเจิ้นเผิง และท่านเจ้าตำหนัก ในการล่วงเกินต่อพวกท่าน”
“จื่อฉางเหอ เจ้าต้องไม่ลืมว่าการก่อกวนต่อการบรรลุขั้นของผู้อาวุโสเจิ้นเผิงนั้น จะต้องตายสถานเดียว แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็มิอาจปกป้องเขาจากสถานการณ์เช่นนี้ได้ ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงได้บรรลุสู่ระดับราชานั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ!”
“นี่เจ้ากำลังใช้ตำแหน่งอย่างไม่เหมาะสม เพื่อล้างแค้นต่อความแค้นส่วนตัว! ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสเจิ้นเผิงมีความคิดส่วนตัวต่อเรื่องนี้ คำพูดสรุปนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับท่าน!” จื่อฉางเหอลุกขึ้นยืน
หลี่เสวียเหมิงกำลังจะเถียงกลับ แต่เสียงของหยางเกาฉวนก็ดังขั้น
“พอได้แล้ว หยุดเถียงกัน โปรดฟังคำของผู้อาวุโสเจิ่นเผิงก่อนเถิด”
ทำให้ผู้อาวุโสทุกคนต่างเงียบสงบ
ในเวลานั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างอ่อนโยน “ศะ ศิษย์พี่ อะ อย่าจ้องมองเข้าเช่นนั้นสิ ขะ ข้าเขินนะ” หลังจากสิ้นคำนั้น คอของเขาลดต่ำลงไปอีก ตัวเขาในตอนนี้ทำให้ผู้คนใกล้เคียงอยากจะรีบพุ่งไปตบตี
เขาก้มหัวลงต่อหน้าเซี่ยงเส้าหยุน “คุณชาย ได้โปรดให้ข้าติดตามท่าน และเป็นผู้อารักขาท่านตั้งแต่นี้ไปด้วยเถิด”
โครม!
คำพูดเหล่านั้นกระแทกใจต่อผู้ได้ฟัง ทำให้พวกเขาต้องงุนงง ด้วยผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชันคือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดเหนือผู้อื่น และยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักยุทธ์ หรืออาจจะมีอำนาจที่สุดในเมืองอู่ก็เป็นได้
แต่ราชาเช่นเขากลับกล่าวสาบานจะจงรักภักดีต่อเด็กหนุ่มระดับดวงดาวผู้นี้หรือ? นี่โลกกลับตาลปัตรแล้วหรือไร พวกเขาต่างสงสัยว่ากำลังต้องมองภาพลวงตา แม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนก็ยังตะลึง
“โปรดตอบรับข้าด้วยเถิด คุณชาย!” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงขอร้อง ขณะอีกฝ่ายไม่ตอบคำใด
ในขณะเดียวกัน หยางเกาฉวนเลียริมฝีปากตนเอง และกล่าว “ ทะ ท่านอาวุโสเจิ้นเผิง ทะ ท่านคิดจะทำสิ่งใดกัน? เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงระดับดวงดาวนะ แม้จะมีห้าดวงดาวสถิตร่าง แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าท่านนัก! หรือหากต้องการเขามากจริง ๆ ท่านอาจให้คำแนะนำในการฝึกยุทธ์แก่เขาได้”
หลี่เสวียเหมิงมิอาจต้านทานได้เช่นกัน จึงกล่าวขึ้น “ท่านอาวุโสเจิ้นเผิง ทะ ท่านถูกเจ้าเด็กนี่หลอกเอาหรือไม่? ให้ข้าฆ่ามันแทนท่านไหม!”
“สามหาว!” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจ้อมมองอย่างเคียดแค้นต่อหลี่เสวียเหมือง คำที่กล่าวออกมานั้นดังก้องราวกับฟ้าผ่า และออร่าแห่งราชาก็ปะทุขึ้น ส่งหลี่เสวียเหมิงบินไปในทันใด และกระอักเลือด สร้างภาพอันน่าตกใจแก่เหล่าผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจ้องมองฝูงชน และกล่าวอย่างจริงจัง “ข้า เจิ้นเผิง แม้จะอายุมากแล้ว ข้ารู้ว่าต้องทำสิ่งใด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะมาเป็นคุณชายของข้า ข้าจะขอยืนหยัดเคียงข้างเพื่อปกป้องให้เขาเติบใหญ่ แม้แต่การวางนิ้วมือลงบนตัวเขา ข้าจะถือว่าสิ่งนั้นเท่ากับทำร้ายข้าเช่นกัน!”