คฤหาสน์ตระกูลอู่
ผู้อาวุโสที่สิบสามแห่งตำหนักยุทธ์ หลี่เสวียเหมิงได้มาเข้าพบปรมาจารย์แห่งตระกูลอู่ อู่ฝูเซี่ยง
“เจ้าเมืองอู่ ข้าตัดสินใจเกี่ยวกับข้อเสนอของท่านแล้ว ข้าขอตอบรับ!” หลี่เสวียเหมิงกล่าวอย่างจริงจัง
“โอ้? เหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนความคิดเล่า?” อู่ฝาเซี่ยงถามด้วยความตกใจ
“ท่านตระหนักถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ไหม?” หลี่เสวียเหมิงถามกลับ
“เจ้าหมายถึงเรื่องที่ท่านอาวุโสเจิ้นเผิงบรรลุระดับราชารึ?” อู่ฝาเซี่ยงกล่าว ขณะจ้องมองใบหน้า
“ใช่” หลี่เสวียเหมิงตอบ
“แล้วจะทำอย่างไรระหว่างสัมพันธไมตรีระหว่างเราเล่า?” อู่ฝาเซี่ยงถาม
“หลังจากฟังข้าเล่าแล้ว ท่านคงจะเข้าใจ” หลี่เสวียเหมิงกล่าว ก่อนจะเล่าทุกสิ่งอย่างให้อู่ฝาเซี่ยงได้ทราบ ถึงเหตุการณ์เมื่อวาน คำของหลี่เสวียเหมิงทำให้อู่ฝาเซี่ยงงุนงง ยอดฝีมือระดับราชาได้ก้มหัวให้เด็กผู้เป็นเพียงระดับดวงดาวหรือ? นี่มันช่างน่าหัวร่อ แต่เขาทราบดีว่าหลี่เสวียเหมิงมิอาจกล่าวเล่น ๆ กับเหตุการณ์เช่นนี้แน่
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใจเจ้าจึงเปลี่ยนใจ เจ้าไม่ต้องการให้เจ้าตำหนักพ่ายแพ้แก่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง ถูกต้องไหม?” อู่ฝูเซี่ยงกล่าว
ก่อนหน้านี้ อู่ฝูเซี่ยงได้ส่งคำเชิญให้หลี่เสวียเหมิงมาร่วมมือกับพวกตน และลักพาตัวเซี่ยงเส้าหยุน แต่ทว่า หลี่เสวียเหวิงนั้นไม่อาจตอบรับได้ทันที เขาทำเพียงแค่ตอบสนองเล็กน้อย ด้วยมีความวิตกกังวลกับเรื่องนี้มาก
แต่ในตอนนี้ หลี่เสวียเหมิงได้ตัดสินใจแล้ว บางทีจากเหตุการณ์เมื่อวานจึงได้เปลี่ยนความคิดของเขา แต่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นให้เขาเคลื่อนไหว
หลี่เสวียเหมิงพยักหน้า “ถูกต้อง แต่เป็นเพียงไม่ทั้งหมด ท่านคงจะทราบดีว่าข้านั้นไม่ถูกกับจื่อฉางเหอ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงติดต่อกับข้าเป็นคนแรก” หลังจากหยุดเพียงครู่จึงกล่าวต่อ “ข้ามีเบาะแสว่าเหตุใดท่านจึงต้องการเจ้าเด็กนี่ อย่าได้ลืมคำสัญญาของท่านเมื่อจบงานเล่า”
“ไม่ต้องเป็นกังวล ชายแก่เช่นข้าจะไม่กลับคำแน่นอน แต่เจ้าเด็กนั่นมีผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเคียงข้าง ข้าคิดว่าคงมิใช่เรื่องง่ายหากแตะต้องเขา” อู่ฝูเซี่ยงกล่าว
“ข้าจึงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองอู่ หากได้ไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเจิ้นเผิง เพื่อให้เขาเสียสมาธิ ข้าจะใช้โอกาสนั้นลักพาตัวเขาแน่นอน” หลี่เสวียเหมิงแนะนำ
อู่ฝูเซียงคิดทบทวนครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ตกลง ข้าจะเข้าไปเยี่ยมเยียนราชาคนใหม่วันนี้ คงจะไม่สุภาพหากตระกูลอู่ไม่ทำเช่นนั้น”
ทั้งสองคุยรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนที่หลี่เสวียเหมิงจะกลับออกไป
…
วันนี้ ตำหนักยุทธ์ดูมีชีวิตชีวากว่าปกติ ผู้คนที่มีฐานะมากมายได้มาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเจิ้นเผิง ในมื่อเมืองอู่นั้น ได้มีผู้ฝึกยุทธ์อันดับราชามาจุติจึงนับเป็นเหตุการณ์สำคัญ
ดูเหมือนผู้อาวุโสเจิ้นเผิงนั้นจะไม่ชอบเหตุการณ์แออัดเช่นนี้ แต่เซี่ยงเส้าหยุนกลับบอกให้เขาจัดการให้ดี มิเช่นนั้น ผู้คนเหล่านั้นคงเข้ามาเยี่ยมเยียนไม่หยุดหย่อน และรบกวนการฝึกยุทธ์ของตนในที่สุด
ชายสูงวัยได้แต่ภาวนาอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อให้มันจบโดยไว ด้วยต้องการยืนคุ้มกันเซี่ยงเส้าหยุน เพราะเขาตัดสินใจติดตามเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว แม้เขาจะพบว่ามันเป็นความคิดที่สุดโต่งไปสักหน่อย แต่ไม่คิดเสียใจแม้แต่น้อยต่อการตัดสินใจเช่นนี้ ด้วยสามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นพิเศษเพียงใด บางทีทางเลือกนี้คงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต
ในตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนได้จดจ่อกับการรักษาอาการบัดเจ็บในที่พัก ด้วยเข้าไปท้าทายห้องแห่งขีดจำกัดถึงสี่ห้องเมื่อวาน และได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักจากห้องที่ห้าและหก เขาต้องการเวลาในการฟื้นฟู หลังจากใช้เวลาทั้งคืนฟื้นฟูแล้ว ร่างกายใกล้จะกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม แต่บาดแผลภายนอกยังคงอยู่ แต่ในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับบาดแผลนั่นแล้ว ด้วยพยายามจับแก่นสำคัญของพลังแห่งการเผยตัว
เมื่อวานนี้ ภายใต้การปราบปรามของผู้อาวุโสเจิ้นเผิง พลังแห่งการเผยตัวของราชาได้พุ่งออกจากเซี่ยงเส้าหยุน ด้วยพลังแห่งการเผยตัวของราชานั้นต่างกันกับการเผยตัวของผู้ที่อยู่ระดับราชา แต่เป็นการเผยตัวที่เกิดจากผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นราชา มันทำให้เขาไร้ซึ่งความหวาดเกรงต่อพลังแห่งการเผยตัวอื่น และไม่มีพลังแห่งการเผยตัวใดจะสามารถสั่นคลอนพลังแห่งการเผยตัวของเด็กหนุ่มได้
แม้จะเข้าใจการเผยตัวแห่งราชาเพียงผิวเผิน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นปรมาจารย์เต็มตัว ในขั้นแรก เขาจะต้องครอบครองหัวใจแห่งราชา ที่จะสามารถปกครองผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นหลักการที่เขากระทำมาอย่างยาวนาน
ขั้นที่สอง เขาจะต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับสถานะนี้ แม้พลังแห่งการเผยตัวจะเป็นเพียงเปลือกที่ว่างเปล่าก็ตาม
“ด้วยการเผยตัวจากจิตใจ หากจิตใจของผู้ใช้มีความแข็งแกร่งพอ จะทำให้การเผยตัวมีพลังมหาศาล ไม่หวั่นไหว และคล้ายกับพลังแห่งสวรรค์!” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิดถึงความรู้สึกในการเผยตัวอย่างไม่หยุดหย่อน เพิ่มความเข้าใจของพลังแห่งความแข็งแกร่ง
หากฝึกให้หนักจะได้สิ่งตอบแทนด้วยความเข้าใจพลังแห่งการเผยตัวที่มากขึ้น
ด้วยพลังแห่งการเผยตัวนั้นไร้รูปร่าง เขาได้บรรลุถึงระดับนี้ และหากความแข็งแกร่งยังเติบโตเช่นนี้ เขาจะสามารถทำให้พลังแห่งการเผยตัวเป็นรูปแบบที่ต้องการ และใช้มันกับผู้อื่นได้
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว มีเพียงระดับแปรสภาพเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการเผยตัว แต่เซี่ยงเส้าหยุนนั้นคือข้อยกเว้น ในขณะที่เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสองเท่านั้น เราควรยอมรับว่าเขามีความสามารถในการฝึกยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
เซี่ยงเส้าหยุนหยิบเอาดอกดวงดาวลวงตา และก้านยาเก่าชนิดอื่นอีกเล็กน้อยออกมา ก่อนจะกล่าวคำเบากับตนเอง “เราหวังว่าจะสามารถขยายทะเลจักรวาลดวงดาวได้”
หลังจากจากผสมสมุนไพรทั้งหมดและกลืนลงท้องไป ดอกไม้ดวงดาวลวงตามีสรรพคุณอย่างมากในการช่วยปลุกดวงดาวของผู้ใช้ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ระดับดวงดาวแล้ว สมุนไพรชิ้นนี้ช่างไร้ประโยชน์
แล้วเหตุใดเซี่ยงเส้าหยุนต้องซื้อมันมา? เพราะมันอาจทำให้ทะเลจักรวาลดวงดาวเติบโตได้ หลังจากบรรลุระดับดวงดาวขั้นสอง ทะเลจักรวาลดวงดาวก็ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ตอนแรกมันมีขนาดเพียงหนึ่งกำปั้น แต่ในตอนนี้มันใหญ่เท่ากับสองกำปั้นแล้ว
หากเซี่ยงเส้าหยุนเก็บเรื่องนี้ไว้ เขาจำเป็นจะต้องก้าวหน้าต่อไป เพื่อขยายทะเลจักรวาลดวงดาวจนสามารถเก็บสิ่งของได้มากเท่าที่ต้องการ แต่เด็กหนุ่มเป็นคนใจร้อน ดังนั้นจึงต้องใช้ยาวิญญาณช่วยให้เติบโต ยาทำให้พลังท่วมท้นไปทั้งร่างกาย ทะเลดวงดาวจักรวาลเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว และดูดซับพลังจากยาทั้งหมด
ดอกดวงดาวลวงตานั้นคู่ควรแก่การเป็นยาวิญญาณ ด้วยพลังที่มีภายในนั้นช่างมีประโยชน์เหนือคนา และยาเก่าที่มีผลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ด้วยพลังบริสุทธ์ที่หลั่งไหล่เข้าสู่ทะเลจักรวาลดวงดาว จะช่วยให้มันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อทะเลดวงดาวจักรวาลเติบโตขึ้น เก้าดวงดาวของเซี่ยงเส้าหยุนเริ่มตอบสนอง สร้างสายธารแห่งแสงภายในร่างกายของเด็กหนุ่ม ผู้ที่ดูน่าหลงใหลและมีมนต์ขลัง แม้แต่ร่างกายก็เปล่งประกาย หากมีผู้ใดเห็นเขาในตอนนี้ พวกเขาคงจะร้องออกด้วยความตกใจ เมื่อพบเด็กที่ดูราวกับสวรรค์ส่งให้มาจุติที่โลก
เซี่ยงเส้าหยุนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ความรู้สึกเดียวที่รับรู้ได้คือความอบอุ่นและเบาสบาย ความรู้สึกนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พลังของตัวยาก็ถูกดูดซับจนหมด
“มันจะจบลงเช่นนี้หรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นพึมพำอย่างผิดหวัง หลังจากลืมตา
ดอกดวงดาวลวงตาจะเป็นยาวิญญาณ ดังนั้นพลังของยาจึงบริสุทธิ์และหนาแน่ ในตอนท้ายนั้น เป็นกรณีของผู้ที่มีระดับยุทธ์เฉกเช่นเซี่ยงเส้าหยุน แม้จะคงอยู่ไม่นานก็ตาม
“มาดูกันว่าจะทำให้พื้นที่ว่างนั้นเติบโตได้เพียงใด” เซี่ยงเส้าหยุนไม่คิดถึงปัญหา และก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่อีกมุมหนึ่งของที่พัก จ้องไปที่กองยาที่สุมกันอย่างมั่ว และใช้ความคิด