ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 70 : ตาแก่ขี้เมา ตั้วจื่อ

อู่ฝูเซี่ยงมิอาจรอคอยที่จะได้รับเม็ดยาแกะสลักฟื้นฟูหยางได้อีกต่อไป ชั่วขณะที่เขาเปิดฝาหม้อออก และมองลงไปในหม้อ ทันใดนั้นเอง น้ำเดือดพุ่งเข้าใส่ชายชราจากในหม้อ อู่ฝูเซี่ยงเป็นถึงยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะมีชีวิตรอดในหม้อต้มนี้ เขาจึงลดการป้องกันลง จึงทำให้ตอนนี้น้ำร้อนเดือดไหลไปทั่วใบหน้าของชายชรา

“อ๊ากกกกกก!”

ด้วยน้ำเดือดลวกใบหน้า เขาจึงร้องออกด้วยความเจ็บปวด  มิมีผู้ใดสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงเช่นนี้ได้เหมือนเซี่ยงเส้าหยุน ขณะเดียวกันนั้น เซี่ยงเส้าหยุนกระโดดออกจากหม้อ เขารวบรวมพลังทั้งหมดไปที่หมัด และต่อยเข้าใส่หน้าอกของอู่ฝูเซี่ยง

หมัดอัสนีบาต!

เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ราวกับฟ้าผ่าลงมา

ตู้ม!

อู่ฝูเซี่ยงมิอาจป้องกันตัวได้ในเวลานี้ ก่อนที่จะถูกโจมตีจนกระเด็นไปไกล แม้ความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนจะเพิ่มขึ้น หมัดของเขาระเบิดพลังใส่ชายชราจนกระอักเลือด

แม้ความห่างชั้นระหว่างระดับดวงดาว และระดับแปรสภาพจะมากโข ด้วยห่างกันกว่าสิบขั้นย่อยระหว่างพวกเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่เซี่ยงเส้าหยุนจะสังหารอู่ฝูเซี่ยงด้วยหนึ่งหมัด

“ไอ้แก่หน้าโง่ ตายเสีย!” เซี่ยงเส้าหยุนมิยอมปล่อยช่วงเวลาที่มี เขาคำราม และรวมรวมพลังทั้งหมด ก่อนจะปล่อยหมัดอัสนีเข้าใส่อู่ฝูเซี่ยง ขณะที่ใช้หมัดอัสนีบาต สายฟ้าได้เลื้อยพันไปรอบหมัดราวกับงู หมัดซึ่งไม่ได้ใช้พลังดวงดาวเพียงอย่างเดียว มันมีพลังมากเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปดเลยทีเดียว

นี่เป็นพลังต่อสู้ที่น่ากลัว ซึ่งเซี่ยงเส้าหยุนได้ปลดปล่อยพลังเหนือกว่าที่ตนเองมีได้ถึงสี่ขั้น  พลังในการต่อสู้ซึ่งผิดธรรมชาตินั้นเกี่ยวข้องกับความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในร่างกายของเด็กหนุ่ม

ตู้ม! ตู้ม!

เซี่ยงเส้าหยุนต่อยไปที่ร่างกายของอู่ฝูเซี่ยงกว่าสิบหมัด ส่งเสียงระเบิดดังกึกก้อง โชคไม่ดีนัก การโจมตีดูเหมือนจะไร้ผล ด้วยเกราะกำบังรอบตัวอู่ฝูเซี่ยง ป้องกันการโจมตีทั้งหมดของเซี่ยงเส้าหยุน

เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกราวกับต่อยเข้าใส่ปราการเหล็กที่มิอาจเจาะทะลุได้ การโจมตีของเขาไร้ผลโดยสิ้นเชิง คงเพราะชายชราเป็นถึงยอดฝีมือระดับแปรสภาพ ซึ่งสามารถสร้างเกราะพลังงานเพื่อปกป้องร่างกายจากการโจมตีธรรมดาได้

“บ้าฉิบ! ข้าจะกินแกทั้งเป็น!” อู้ฝูเซี่ยงคร่ำครวญ ตาของเขาปิดลง และกระแทกฝ่ามือเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน

แม้ว่าอู่ฝูเซี่ยงจะไม่มอง แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงจุดที่เซี่ยงเส้าหยุนอยู่  ทำให้ฝ่ามือโดนหน้าอกของเซี่ยงเส้าหยุนอย่างจัง ฝ่ามืออันทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวนั้นมิอาจต้านทานได้แม้แต่น้อย แม้แต่ระดับแปรสภาพก็อาจตายได้ หากโดนโจมตีซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพ เป็นการโจมตีที่น่ากลัวยิ่ง

“มันจบแล้ว!” อู่ฝูเซี่ยงเผยออร่ากลืนกินเซี่ยงเส้าหยุนโดยสมบูรณ์ เช่นนั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนมิอาจหลบหลีกการโจมตีได้ แต่ชั่วขณะหนึ่ง เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น

“คนเช่นเจ้ามิสมควรแตะต้องคุณชายของข้า!”

คลื่นเสียงโอบล้อมอู่ฝูเซี่ยง ส่งผลให้ชายชราแก้วหูแตก และทำให้เขาลอยไปไกลพร้อมกระอักเลือด คลื่นเสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ยอดฝีมือช่วงสุดท้ายของระดับแปรสภาพบาดเจ็บได้เช่นนี้ ช่างเป็นคลื่นเสียงที่น่าหวาดหวั่นนัก

แม้ผู้ที่ปล่อยคลื่นเสียงมานั้นจะไม่รีรอ เขาไม่ไว้ใจอู่ฝูเซี่ยง แต่เขาจำต้องทำเช่นนี้เพื่อเซี่ยงเส้าหยุน ชายที่เข้ามานั้นมิใช่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง แต่เขาเป็นชายสูงวัยที่ดูสกปรก และมีแขนเพียงข้างเดียว ไม่ว่าผู้ใดที่พบกับเขา ต่างก็คงไม่คิดว่าชายผู้นี้เป็นยอดฝีมือแน่นอน  ดั่งเช่นคำสอนว่า เรามิอาจตัดสินหนังสือได้จากหน้าปก

เมื่อเด็กหนุ่มมองเห็นชายสูงวัย รอยยิ้มที่เกิดจากส่วนลึกของหัวใจ ผลิบานบนใบหน้า เขากล่าว “ตาแก่ขี้เมา ข้าสบายดี ข้ารู้ดีว่าท่านคงไม่ทอดทิ้งข้าแน่นอน!”

ชายแก่ขี้เมามีนามว่าตั้วจื่อ เป็นผู้คุ้มกันของเซี่ยงเส้าหยุน และยังช่วยให้เขาหลบหนีจากสำนักก่อนหน้า หากปราศจากตั้วจื่อ เซี่ยงเส้าหยุนคงถูกสังหารไปนานแล้ว เมื่อมองดูแขนที่เสียไป หัวใจของเซี่ยงเส้าหยุนเจ็บปวด ชายสูงวัยต้องมาเสียแขนเพื่อช่วยเขาไว้

“บ่าวชราผู้นี้จะทอดทิ้งคุณชายไปได้เยี่ยงไร? ข้าจากไปเพราะนั่นเป็นคำขอของคุณชาย แต่ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านต้องการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตนเอง ดังนั้น ข้าจึงตามหาท่านอีกครั้ง” ชายแก่ขี้เมาอธิบาย

ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะเข้าร่วมกับตำหนักยุทธ์ เขาเคยอยู่กับชายแก่ขี้เมาผู้นี้ แต่เขาไม่ต้องการการคุ้มกันจากชายแก่ขี้เมาตลอดเวลา ดังนั้น เขาจึงไล่ชายแก่ขี้เมาให้ไปเสีย และยังแสร้งทำเป็นยอมแพ้กับตัวเอง ด้วยเกรงว่าในวันหนึ่ง ศัตรูของเขาจะพบเขา และทำให้ชายแก่ขี้เมาผู้นี้ต้องตกอยู่ในอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการบรรลุบางสิ่งด้วยตนเอง ด้วยไม่ต้องการพึ่งพาชายสูงวัยทุกสิ่ง เขาคงมิอาจเติบโตได้แน่

เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจ “ตาแก่ สิ่งทีเกิดขึ้นทั้งหมด ข้าผิดเอง”

“คุณชาย โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น มันเป็นความผิดของคนทรยศเหล่านั้น วันหนึ่งจะมาถึงเมื่อเจ้าสำนักกลับมา และพวกมันทั้งหมดจะต้องจ่ายสำหรับสิ่งที่พวกมันกระทำไว้!” ชายแก่ขี้เมากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ยินคำของตั้วจื่อกล่าวถึงเจ้าสำนัก ความอ่อนโยนปกคลุมไปทั่วใบหน้า “ถ้าหากพ่อของข้ามิกลับมาเล่า ข้าต้องการเวลาอีกสิบปี ในสิบปี… แน่นอนว่าข้าจะกลับไปที่นั่น และฆ่าพวกที่ทรยศให้หมด และยึดเอาทุกสิ่งกลับมาเป็นของตระกูลเซี่ยง!”

เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน คุณชาย ด้วยพรสวรรค์ของท่าน มันต้องเป็นไปได้แน่นอน!” ชายแก่ขี้เมากล่าว

ด้วยระยะเวลาเพียงสองเดือน เซี่ยงเส้าหยุนบรรลุจากระดับพื้นฐานขั้นสาม สู่ระดับดวงดาวขั้นสี่ เป็นความเร็วที่น่าหวาดหวั่นสมชื่อ “ตัวประหลาด” ชายแก่ขี้เมามั่นใจว่าคุณชายของตนมีความสามารถเทียบเท่ากับเจ้าสำนัก หรือบางทีอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

“ยังไงก็ตาม นับตั้งแต่ที่เจ้าแอบตามข้ามา เจ้าคือคนที่สังหารพวกที่ไล่ตามก่อนหน้าหรือไม่?” เซี่ยงเส้าหยุนถม

“ขอรับ ข้ามิสามารถนิ่งเฉยได้ เมื่อเห็นท่านตกอยู่ในอันตราย” ชายแก่ขี้เมาตอบกลับ

“อืม หยุดตามข้าเช่นนี้เสีย ข้าสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าทำสิ่งอื่นแทน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“แต่ หากพวกมันพบท่านเล่า?” ชายแก่ขี้เมาถามขณะขมวดคิ้ว

“มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ก่อนที่พวกมันจะมาที่นี่ เจ้าไม่ต้องกังวลในตอนนี้หรอก” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว และเสริม “ข้าต้องการให้เจ้าปกป้องน้องสาวของข้า ทำให้นางปลอดภัย”

“องค์หญิงเล็กถูกคุ้มกันอย่างดีจากสิบสามเหยี่ยว และปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง มิมีผู้ใดกล้าจะลักพาตัวนาง” ชายแก่ขี้เมากล่าวด้วยความเคารพ

“ถึงกระนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนมีอารมณ์ร้าย หากนางตัดสินใจทำสิ่งโง่เขลา น้องสาวของข้าจะต้องตกอยู่ในอันตราย และมันจะสายเกินไปที่จะไปหานางตอนนั้น ตาแก่ขี้เมา เจ้าจะต้องคุ้มกันนางจากในเงามืด นอกจากนี้ จงพยายามค้นหาว่าเหล่าพี่น้องของข้าที่ยังกระจัดกระจายอยู่นั้น มีชีวิตกี่คน ข้าจะได้กลับไปล้างแค้นเป็นการส่วนตัวในอนาคต” เซี่ยงเส้าหยุนออกคำสั่งทีละคำสั่ง

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset