ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 69 : กระดูกสีม่วง

ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70 : ตาแก่ขี้เมา ตั้วจื่อ ฟรี วันที่ 2021/01/14

          อู่ฝูเซี่ยงได้คำนึงถึงทุกสิ่งที่สำคัญในแผนการ แผนขั้นแรกคือให้หลี่เสวียเหมิงลักพา และนำเซี่ยงเส้าหยุนมาไว้ที่อาคารร้าง จากนั้น เขาให้สมุนของตนนำเซี่ยงเส้าหยุนมาที่อุโมงค์ลับแห่งนี้ และเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากสัตว์ เขาจึงกระจัดกระจายสิ่งที่ทำมีกลิ่นรุนแรง เพื่อรบกวนต่อการค้นหาของสัตว์อสูร

เพราะเหตุนี้ จึงทำให้เสี่ยวไป่ซึ่งพาผู้อาวุโสทั้งสองมายังเรือนร้างแห่งนี้ ค้นหาเซี่ยงเส้าหยุนไม่พบนั่นเอง

ครึ่งวันผ่านไป

อู่ฝูเซี่ยงสัมผัสได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะต้องตายแน่นอน เช่นนั้นเอง เขาจึงนำเปิดฝาหม้อออกเล็กน้อย ก่อนจะโยนก้านยาเก่า และรากยาวิญญาณสามรากลงในหม้อ

“ขั้นแรกในการแปรสภาพทุกสิ่งให้เป็นยาเหลว จะต้องค่อยใส่ส่วนผสมอื่นทั้งหมด เมื่อทำเช่นนั้น เม็ดยาสลักร่างฟื้นฟูหยางจึงจำสำเร็จ” อู่ฝูเซี่ยงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อคิดถึงการปรุงยา

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ยินคำของอู่ฝูเซี่ยงจากภายในหม้อต้ม เขากลั้นหายใจ และไม่สร้างเสียงใด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเสียงใด มิเช่นนั้นคงต้องถูกสังหารแน่นอน

‘เม็ดยาสลักร่างฟื้นฟูหยางรึ? ตาแก่นั่นเอาแต่พูดถึงมัน!’ เซี่ยเส้าหยุนก่นด่าในใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าชายชราเป็นใคร แต่เห็นได้ชัดว่าชายชราเห็นเขาเป็นเพียงส่วนผสมในการปรุงยา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง

หลังจากที่ใส่ตัวยามากมายลงไปในหม้อต้ม พวกมันละลายด้วยความร้อนในหม้อ เซี่ยงเส้าหยุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเก็บเอายาวิญญาณที่ยังไม่ละลายไปจนหมด ใบหน้าของเด็กหนุ่มยินดีขณะจับสมุนไพรเหล่านั้น ยาวิญญาณระดับต่ำ เถาสมานกระดูก

เถาสมานกระดูกเป็นยาวิญญาณที่จะเสริมสร้างเส้นประสาท และกระดูกของผู้ใช้ ซึ่งเป็นยาที่ดีเยี่ยมสำหรับเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว เซี่ยงเส้าหยุนกลืนเถาสมานกระดูกโดยพลัน

‘เจ้าต้องการสกัดเม็ดยาสลักร่างฟื้นฟูหยางรึ? ฝันไปเถอะ! คุณชายผู้นี้จะกินยาของเจ้าให้หมด!’ เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าในใจ

หลังจากกลืนเถาสมานกระดูกไป เซี่ยงเส้าหยุนสกัดมันด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ ด้วยเถาสมานกระดูกเป็นตัวยาที่มีพลังมากเหลือ และยังมีผลอย่างมากต่อผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาว พลังงานไหลผ่านเข้าร่างกาย และเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เส้นประสาท และกระดูก

ทันใดนั้นเอง กระดูกสันหลังส่วนล่างเริ่มเปล่งประกายสีม่วง และแสงสีม่วงนั้นกระเพื่อมผ่านร่างกาย กระดูกสันหลังดูดซับเอาสรรพคุณตัวยาจากเถาสมานกระดูกทั้งหมดเข้าไป ไม่เหลือแม้แต่น้อย

หลังจากดูดซับสรรพคุณตัวยาเข้าไปแล้ว แสงสีม่วงส่องสว่างมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มส่องแสงออร่าสีม่วงรอบกาย ออร่าสีม่วงค่อยแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ร่องรอยจากปราณสีม่วงโผล่พ้นออกจากฝาหม้อ และที่มาพร้อมกันนั้นคือกลิ่นหอมตัวยามากมายที่ละลายแล้ง เติมเต็มห้องลับด้วยกลิ่นหอมอันน่าหลงไหล

อู่ฝูเซี่ยงอยู่ในระหว่างทำสมาธิ เมื่อสูดลมหายใจลึก ชายชราเลิกตาขึ้นด้วยความปิติ “เยี่ยมไปเลย ห้าดวงดาวสถิตเป็นส่วนประกอบยาที่ดีเยี่ยม ข้าควรเริ่มดำเนินการสกัดได้แล้ว และปราณสีม่วงเริ่มรั่วไหลเสียแล้ว ดูเหมือนเมื่อเม็ดยาแกะสลักฟื้นฟูหยางจะปรุงเสร็จแล้ว ข้าสามารถบรรลุระดับราชาเสียที”

ด้วยไร้ซึ่งความลังเล อู่ฝูเซี่ยงเริ่มใส่ยาสมุนไพรลงไปในหม้อมากขึ้น ก่อนที่สมุนไพรจะโดนน้ำที่เดือดระอุ เซี่ยงเส้าหยุนได้คว้าพวกมันไว้สามชิ้น สมุนไพรที่เขาคว้ามานั้นเป็นตัวยาวิญญาณที่มีประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงที่สุดในบรรดาสมุนไพรทั้งหมดที่ใส่ลงไป เขายัดมันทั้งหมดไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาวของตน

ด้วยทะเลจักรวาลดวงดาวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การกักเก็บยาวิญญาณไม่กี่ก้านนั้นไม่ได้มีปัญหาแม้แต่น้อย ขณะที่ยาเก่าประเภทอื่นนั้น เขารีบกินพวกมันทั้งหมด

กินให้หมด! เซี่ยงเส้าหยุนเคี้ยวไม่หยุดปาก เขาไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าที่กินเข้าไปเป็นยาเก่า หรือสิ่งอื่น ในขณะที่ความหิวโหยอันรุนแรงจู่โจมเขาราวกับร่างกายขาดพลังหล่อเลี้ยงอย่างมาก

และตอนนั้นเอง นอกเหนือจากยาเก่าแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มดื่มยาเหลวในหม้อ กระดูกสันหลังดูราวกับมีพลังแปลกประหลาดเกิดขึ้นจากการดูดซับสรรพคุณตัวยา ด้วยเหตุนี้ แม้แต่เก้าดวงดาวกลับดูดซับสรรพคุณตัวยาได้เพียงน้อยนิด

เซี่ยงเส้าหยุนไม่ทราบถึงปรากฏการณ์นี้แม้แต่น้อย ความรู้สึกเดียวที่มีคือความกระหายพลังอย่างที่สุด

ทลาย! เซี่ยงเส้าหยุนยังคงดำเนินการสกัดยาวิญญาณทั้งสามก้านในทะเลจักรวาลดวงดาว  พลังงานจากยาที่กินไปเมื่อครู่แผ่ออกจากทะเลจักรวาลดวงดาว และทำให้มันเติบขึ้นอีกครึ่ง ตอนนี้ ทะเลดวงดาวจักรลวาลมีขนาดกว้างราวครึ่งเมตรแล้ว

เก้าดวงดาวส่องสว่างขึ้น ปกคลุมทะเลจักรวาลดวงดาวด้วยความสดใส จุดศูนย์กลางของทุกสิ่งคือกระดูกสันหลังที่เปล่งประกายแสงสีม่วง ปราณสีม่วงกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เชื่อมต่อกับดวงดาวและทะเลจักรวาลดวงดาวอย่างเชื่องช้า

ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้น และได้บรรลุถึงช่วงสุดท้ายของระดับดวงดาวขั้นสอง เขาใช้เวลาไม่นานในการก้าวเข้าสู่ระดับดวงดาวขั้นสาม ด้วยการบรรลุนี้ พลังงานภายในร่างกายหนาแน่นมากขึ้น และปราณสีม่วงพวยพุ่งออกจากตัว จนทำให้หม้อต้มต้องสั่น

ใบหน้าของอู่ฝูเซี่ยงปกคลุมไปด้วยความดีใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “เหอะ เหอะ นี่มันคือช้างที่พบเจอกับปรากฏการณ์จากสวรรค์ ปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกของการสร้างเม็ดยาวิญญาณ ดูเหมือนร่างกายของเจ้าหนูนั่นจะดีกว่าที่คาดไว้ มิเช่นนั้น จึงไม่เกิดสิ่งนี้ ได้เวลาเพิ่มส่วนผสมขั้นสุดท้ายแล้ว”

ดังนั้น เขาจึงโยนส่วนผสมที่เหลือโดยไม่ลังเล ยาวิญญาณสองถึงสามก้าน และแต่ละก้านนั้นเป็นยาวิญญาณที่มีพลังมหาศาล

เซี่ยงเส้าหยุนมิได้ใช้ยาใด นับตั้งแต่ทะเลจักรวาลดาวเติบโตขึ้น เขาสามารถเก็บสิ่งต่าง ๆ ไว้ภายในมากขึ้น ดังนั้น เขาจึงเก็บยาทั้งหมดไว้ ก่อนจะเริ่มสกัดพวกมัน ความหิวโหยสุดขีดทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า

ยาวิญญาณทุกก้านนั้นมีพลังมหาศาล ลำหรับคนทั่วไป การกินยาวิญญาณจะช่วยให้ไม่ต้องกินอาหารได้ถึงครึ่งเดือน แม้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะสกัดยาวิญญาณถึงสามก้าน และยาเก่าบางตัวแล้ว เขาก็ยังหิวโหยอย่างรุนแรงอยู่ดี

แต่ท่ามกลางความหิวโหยนั้น ความแข็งแกร่งซึ่งยังคงเติมโตขึ้น ทะเลจักรวาลดวงดาวก็ขยายเช่นกัน และการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จักก็เกิดขึ้นภายในร่างกาย ทั้งหมดนี้เกิดจากพลังอันแปลกประหลาดภายในกระดูกสันหลัง ด้วยกระดูกสันหลังดูดซับสรรพคุณตัวยามากมาย และเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเชื่องช้า ครึ่งหนึ่งของกระดูกสันหลังแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงหมดจด

กระดูกสีม่วง!

นี่มิใช่กระดูกของคนธรรมดาอย่างแน่นอน แม้จะแปลกประหลาด แต่มันมีเกลียวสายห้าสีม่วงหลายสายพันรอบกระดูก ราวกับมังกรตัวน้อยกำลังเต้นรำรอบ ๆ มัน

เซี่ยงเส้าหยุนพยายามอย่างเต็มที่ในการปราบปรามพลังงานนั้น แต่พลังงานที่มากมายมหาศาลนั้นเพียงพอให้เขาบรรลุขั้นสี่ ขณะที่ทะเลจักรวาลดวงดาวได้ขยายใหญ่ขึ้นจนมีที่ว่างราวหนึ่งเมตร ในที่สุดมันก็มีขนาดที่น่าพอใจ

อาจกล่าวได้ว่าเขาได้เปลี่ยนความหายนะเป็นผลกำไร ในช่วงสองวันนั้น ทำให้เขาก้าวขึ้นไปถึงสองขั้น และทะเลจักรวาลดวงดาวเองก็มีขนาดที่เหมาะสม สำหรับกระดูกสีม่วง เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ด้านนอกหม้อต้ม อู่ฝูเซี่ยงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในหม้อ “เหอะ เหอะ เม็ดยาแกะสลักฟื้นฟูหยางคงจะเสร็จแล้ว!” เขายกฝาขึ้นอย่างร้อนรน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset