ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 73 : เราจะทุ่มเทอย่างเต็มที่!

ของขวัญชิ้นแรกที่เซี่ยงเส้าหยุนมอบให้ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอนั้นเป็นถึงอาวุธราชา และเซี่ยงเส้าหยุนกล่าวว่าพวกมันเป็นเพียงอาวุธทั่วไป สร้างความประหลาดใจแก่ทั้งสองอย่างมาก เพราะสำหรับพวกเขา อาวุธราชาเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง และพวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้รับมันอย่างง่ายดายเพียงนี้ หรือนี่พวกเขาอยู่ในฝันหรือไร

“คุณชาย ท่านไปเอาอาวุธพวกนี้มาจากไหน?” ผู้อาวุโสเจิ่นเผิงถาม ด้วยเมื่อพบเซี่ยงเส้าหยุนครั้งแรกในห้องแห่งขีดจำกัดที่หก เขาเพียงรู้สึกว่าเด็กหนุ่มมีศักยภาพที่โดดเด่น และมีอนาคตที่สดใสรอคอยเบื้องหน้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจเป็นผู้ติดตามของเซี่ยงเส้าหยุน แม้จะไม่เคยคิดถึงภูมิหลัง และที่มาของเซี่ยงเส้าหยุน แต่ตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถาม

ที่ด้านข้าง จื่อฉางเหอเบิกหูกว้าง รอคอยคำตอบ เขามีคำถามในใจมากมาย

“ไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับอาวุธพวกนี้เลย พวกมันเป็นของข้าเอง” เซี่ยงเส้าหยุนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเผยขึ้น ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ตอนนี้พวกท่านไม่จำเป็นต้องทราบว่าข้าเป็นใคร ขอเพียงรู้ไว้แค่ว่า ศัตรูที่ถูกส่งมาตามหาข้านั้นจะสร้างปัญหาให้แก่ตำหนักยุทธ์ไม่รู้จบ เพราะงั้น ผู้อาวุโสเผิง คิดให้ถี่ถ้วยก่อนเถิดว่าจะยังติดตามข้าอยู่หรือไม”

ทั้งผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอต่างสูดลมหายใจลึก ด้วยความตกใจต่อคำที่เด็กหนุ่มกล่าว กลุ่มคนที่สามารถก่อปัญหาให้ตำหนักยุทธ์อย่างไม่รู้จบรึ? ศัตรูของเขาน่าหวาดหวั่นเพียงใดกัน? ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มระแคะระคายต่อภูมิหลังของเด็กหนุ่ม

ทั้งผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอไม่มีสิ่งจะกล่าวใด พวกเขาไม่เคยเผชิญหน้าต่อศัตรูระดับนี้ เช่นนั้น พวกเขาจึงมิอาจทราบได้เลยว่าจะทำสิ่งใดต่อเหตุการณ์นี้ หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ผู้อาวุโสเจิ้นฟื้นคืนสติ เขาคำนับ และกล่าว “เจิ้นเผิงผู้นี้ยินดีจะอยู่เคียงข้างนายน้อยตลอดไป”

ความเสี่ยง และรางวัลเป็นสิ่งที่เคียงคู่กัน บางทีการติดตามเซี่ยงเส้าหยุนอาจพบปัญหามิรู้จบ แต่เขามั่นใจว่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ช่นกัน ดังนั้น หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้

“ดี เพราะท่านตัดสินใจเช่นนี้ ข้า เซี่ยงเส้าหยุน จะไม่ปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรม “เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างสบายใจ ในตอนนี้ เขายังคงหลบหนีจากศัตรู โดยมียอดฝีมือระดับราชาคอยเคียงข้าง เขาจะสามารถให้ความสำคัญต่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แทนที่จะกังวลกับทุกสิ่งเพียงลำพัง

ต่อมา เขามองดูจื่อฉางเหอ และกล่าว “ศิษย์พี่ ไม่ต้องกังวลไป ไม่นานก่อนที่ข้าจะออกไปจากตำหนักยุทธ์ ข้าจะไม่นำปัญหามาสู่ตำหนักนี่แน่นอน”

เซี่ยงเส้าหยุนได้ตัดสินใจแล้ว ในหนึ่งปี ไม่ว่าเขาจะบรรลุระดับแปรสภาพหรือไม่ แต่เขาจะออกจากตำหนักยุทธ์แน่นอน

“ข้าอยู่คนเดียวมาตลอด ไร้ซึ่งครอบครัว ข้าไม่สนใจหรอก แต่ข้าเพียงหวังว่าตำหนักยุทธ์จะไม่ถึงดึงไปสู่ปัญหานั่นนะ” จื่อฉางเหอกล่าวด้วยความขมขื่น เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าศิษย์ที่เขาพาเข้ามาในที่แห่งนี้ จะเป็นระเบิดเวลา หากวันใดมันเกิดระเบิดขึ้น ตำหนักยุทธ์คงถูกทำลายล้างเป็นแน่ และเขาจะต้องเป็นคนบาปหนาหากเกิดเรื่องเช่นนั้น

เซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจความรู้สึกของจื่อฉางเหอเป็นอย่างดี เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด หลังจากนั้น เด็กหนุ่มต้องการเพียงมองหาสถานที่ซึ่งสามารถฝึกฝนได้อย่างสงบสุข แต่ตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกผิดเสียแล้ว

“ในเมื่อเข้ามีศัตรูที่แข็งแกร่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะพบทางที่จะจัดการพวกมัน ถูกไหม? ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถสังหารพวกมันทั้งหมด ก่อนที่พวกมันจะพบตำหนักยุทธ์” จื่อฉางเหอกล่าว

“อืม ข้าหวังว่านะ” เซี่ยงเส้าหยุนผงกศีรษะ

“ตกลง ข้าจะรับอาวุธราชาไป” จื่อฉางเหอมิได้ลังเลนานนัก และรับเอาอาวุธไป นั่นเป็นวิธีบ่งบอกว่าจะคอยเคียงข้างเซี่ยงเส้าหยุนโดยไม่เสีย

“แม้จะมีอาวุธราชา มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พ่ายแพ้ ความจริงแล้ว ความมั่นใจในการถือครองอาวุธราชาดูจะเป็นหายนะเสียมากกว่า ให้ข้าได้สอนวิทยายุทธ์ระดับสูงแก่ท่านเถิด หลังจากนั้น แม้แต่ระดับราชาก็มิได้แข็งแกร่งเกินไป มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นใหม่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

แม้ก่อนหน้านี้ ทั้งผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอจะเคยกล่าวเหยียดหยามหากได้ยินคำที่เด็กหนุ่มกล่าว แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว ความประทับใจที่มีต่อเซี่ยงเส้าหยุน ด้วยเขาคือคุณชายจากสำนักที่กล้าแกร่ง ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่าทุกสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนกระทำจะต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน

ตั้งแต่ยังเยาว์ เซี่ยงเส้าหยุนเคยเป็นนักอ่านตัวยง ตำราที่เขาเคยอ่านล้วนเป็นตำราการฝึกยุทธ์ และตำราวิทยายุทธ์จำนวนมาก จึงกล่าวได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าก็มิปาน เขาสามารถแสดงการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ระดับราชาได้อย่างง่ายดาย

หลังจากถามบางสิ่งต่อผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอ เซี่ยงเส้าหยุนได้ถ่ายทอดการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ที่เหมาะสมให้แก่พวกเขา

หลังจากผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และจื่อฉางเหอรับเอาการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ไป หัวใจของพวกเขาต่างเต้นระรัวด้วยความตกใจ สิ่งทีเด็กหนุ่มมอบให้นั้นเป็นการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ที่ดีที่สุดในบรรดาวิชาระดับสี่ หรือรู้กันในนามของการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ระดับราชา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสองปรารถนามาเป็นเวลานาน

หากทางตำหนักยุทธ์มีสิ่งเหล่านี้แล้วละก็ พวกมันคงเป็นสมบัติพิเศษที่มิได้นำออกมาโดยง่าย สิง่ที่ทางตำหนักมีนั้น เป็นเพียงวิธีการฝึกยุทธ์ และวิทยายุทธ์ระดับสี่ทั่วไปเท่านั้น ไม่เหมือนกับวิชาระดับสูงที่เซี่ยงเส้าหยุนถ่ายทอดให้ชม

“คุณชาย ข้าจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตของท่าน” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงปรากาศอย่างเคร่งขรึม

จื่อฉางเหอกล่าว “เส้าหยุน ข้าไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนเจ้าได้อย่างไร”

“มิต้องเป็นกังวลต่อสิ่งนั้นหรอก มันมิได้มีค่าเพียงนั้น เมื่อพวกท่านแข็งแกร่งขึ้นในภายภาคหน้า ข้ามีสิ่งที่ดีเยี่ยมกว่านั้น รอรับชมได้เลบ” เซี่ยงเส้าหยุนผายมือ และกล่าวเสริม “แต่แน่นอน อย่าให้ท่านเจ้าตำหนัก และผู้อื่นทราบเรื่องนี้ มันจะนำเอาปัญหามาได้”

ทั้งสองพยักหน้าซ้ำ ๆ พวกเขาคุยกันต่อเล็กน้อยก่อนที่จื่อฉางเหอจะจากไป ขณะที่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงนั้น เขายังนั่งลงใกล้กับเซี่ยงเส้าหยุน ด้วยตัดสินใจติดตามเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว เขาจะอุทิศทั้งหัวใจ และวิญญาณเพื่อปกป้องคุณชายของตนนับแต่นี้

ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเพียงทำตามสัญชาตญาณที่จะตัดสินใจเป็นผู้ติดตามเซี่ยงเส้าหยุนเท่านั้น แม้จะยังมีข้อสงสัยอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้ เขาไม่ติดใจในการติดตามเซี่ยงเส้าหยุนแล้ว ในอนาคตเบื้องหน้า การเลือกที่จะติดตามคุณชายผู้นี้ต้องเป็นทางเลือกที่ทำให้เขาภูมิใจอย่างที่สุด

ความสงบสุขกลับคืนมา และเซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจไปเยี่ยมเยียนลู่เสี่ยวฉิง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเขา และนางก็เป็นสหายของเขาเช่นกัน

ลู่เสี่ยวฉิงได้เข้าไปอยู่ในที่พำนักของผู้อาวุโสที่สิบเอ็ด เหอหยิงฮวา เขาต้องไปที่นั่นหากต้องการจะพบนาง ขณะที่เดินเล่นอย่างเพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นกระทันหันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย

“เราหวังว่าการที่มาที่นี่ จะไม่เป็นการทำลายความสงบสุขหรอกนะ” เซี่ยงเส้าหยุนคร่ำครวญต่อตนเอง ด้วยกลัวว่าวันหนึ่งตำหนักยุทธ์จะถูกทำลายเพราะตน

“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้เคียง

“หือ? มีจิตสังหาร!” เซี่ยงเส้าหยุนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเลวร้าย โดยไม่ต้องหันกลับ มีร่างสง่างามที่เขาเคยพบที่เทือกเขาร้อยอสูรปรากฏขึ้นในความคิด เมื่อคิดถึงแม่นางผู้นั้น แทนที่จะยืนอยู่เฉย เขากลับเพิ่มความเร็วขึ้น

“เหตุใดจึงวิ่งหนีด้วยเล่า? หยุดนะ! เจ้าได้ยินข้าไหม?” เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง และเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ

“อืม ข้าได้ยินเสียงของธรรมชาติกำลังเรียกร้อง และเราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้นนะ ลาก่อน” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับแบบสุ่ม และวิ่งหนีไป

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset