ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 82 : ทองคำทมิฬ

เมืองอู่เป็นเมืองระดับกลางภายในอาณาเขตของนครขอบนภา แม้จะเป็นเมืองระดับกลาง แต่ก็มีประชากรคับคั่ง และที่ตลาดก็มีฝูงชนคับคั่งเช่นกัน ทั้งผู้อยู่อาศัย พ่อค้าเร่ ผู้ฝึกยุทธ์ และประเภทอื่นมากมายทำให้ดูเร่งรีบ

“ลูกพี่ ข้าคิดว่าท่านจะไปฝึกยุทธ์เสียอีก เหตุใดจึงพาข้ามาที่นี่?” เซี่ยงหลิวฮุยถาม

“การฝึกยุทธ์เป็นสิ่งมีขั้นมีตอน ไร้ประโยชน์หากใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึก การพักเพียงสักนิดจะช่วยให้เจ้าเติบโตได้อย่างดีเยี่ยม” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“เช่นนั้นหรือ?” เซี่ยหลิวฮุยไม่อาจเข้าใจถึงสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

ในทางกลับกัน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงที่มองดูอยู่ใกล้เคียงกลับตระหนักถึงบางสิ่ง “บางที่เราอาจใช้เวลาอย่างโดดเดี่ยวมากเกินไป ควรใช้อารมณ์สัมผัสกับโลกโลกีย์มากกว่านี้ และด้วยวิธีนั้น เราจะสามารถปรับปรุงสภาพจิตใจได้มากยิ่งขึ้น”

เซี่ยงเส้าหยุนเดินไปโดยรอบอย่างไร้จุดหมาย ขณะออกมาที่นี่เพื่อพักผ่อน แต่พวกเขาไม่ได้เข้ามาที่เมืองมานาน ก่อนที่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจะกล่าวโดยใช้การส่งเสียง “ คุณชาย ข้าคิดว่ามีใครบางคนตามเรามา”

เซี่ยงเส้าหยุนขมวดคิ้ว ‘หรือตระกูลอู่จะไม่ยอมแพ้กัน?’

เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก้าวช้าลงก่อนจะกล่าวคำเบากับผู้อาวุโสเจิ้นเผิง “แค่แสร้งทำเป็นว่าเรายังไม่รู้ตัว มาดูกันว่าพวกมันต้องการสิ่งใด เราจะได้จัดการพวกเขาภายหลัง”

“ขอรับ คุณชาย” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงพยักหน้า

หลังจากเดินเล่นในตลาด จนมาถึงจุกศุนย์กลางกระจายสินค้า เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนได้พบเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่นี่ เขาเบียดเข้าไปในฝูงชน

ที่นี่ สามารถพบแผงลอยจำนวนมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาว และระดับแปรสภาพยังมาซื้อขายที่นี่  มีการค้าขายหลากหลายสิ่ง เช่นยา สมุนไพร แร่ล้ำค่า และสมบัติหายาก

“ว้าว มีสิ่งของหลายอย่างที่นี่!” เซี่ยหลิวฮุยร้องออกด้วยความตื่นเต้น

“ไปกันเถอะ หากเจ้าพบสิ่งที่ต้องการ บอกกับข้า ลูกพี่จะซื้อให้เจ้าเอง!” เซี่ยงเส้าหยุนเสนอด้วยความเอื้อเฟื้อ

“ฮี่ ฮี่ ขอบคุณมากครับ ลูกพี่” เซี่ยหลิวฮยุนกล่าวขณะลูบมือของตนเองด้วยความยินดี

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มท่องไปตามแผงลอย

แม้ว่าเมืองขนาดเล็กแห่งนี้จะมีของดีเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่ดีในการเดินเล่นขณะที่พยายามเข้าใกล้ผู้ที่ติดตามเขา

ด้วยผู้อาวุโสเจิ่นเผิงอยู่ด้วย เขาไม่ได้กังวลกับสิ่งใดที่ตระกูลอู่จะกระทำ ดังนั้น เซี่ยงเส้าหยุนจึงเดินไปตามแผงลอย และเดินเล่นไปโดนรอบด้วยท่าทีสบายอารมณ์

ที่นี่มีสินค้ามากมายตั้งขาย แต่มีเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้นที่เซี่ยงเส้าหยุนต้องการ หลังจากนั้น เขาได้รับการสนับสนุนจากตำหนักยุทธ์ และสามารถรับเอาสิ่งที่ต้องการได้โดยตรง ตลาดนี้จึงเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ตำหนักยุทธ์เสนอ

“หือ? นี่มันดอกโคมนี่! แย่จริงมันมีเพียงครึ่งก้าน ดังนั้นประสิทธิภาพของมันจึงลดลงถึงแปดในสิบ” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำ ขณะหมอบลงที่แผงลอย และมองไปยังเถาวัลย์รูปมังกร

ดอกโคมเป็นถึงยาวิญญาณระดับสูง สามารถสร้างเสริมกำลังกายได้มหาศาล แต่กลับมีเพียงครึ่งก้าน และจากที่เห็นคงมีผู้แทะอีกครึ่งไป ดังนั้นประสิทธิภาพมันจึงลดลงมาก

“สิ่งนี้ราคาเท่าไหร่?” เซี่ยงเส้าหยุนถามพ่อค้าแผงลอย

พ่อค้าแผงลอยตอบอย่างไม่ใยดี “ยี่สิบผลึกวิญญาณขั้นต่ำ”

“แต่ยาวิญญาณระดับต่ำโดยปกตินั้นมีราคาเพียงห้าศิลาวิญญาณ และดอกโคมมีสรรพคุณเทียบเท่ายาวิญญาณระดับต่ำ ข้าไม่คิดว่าจะซื้อในราคายี่สิบผลึกวิญญาณแน่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว ขณะครุ่นคิด เขาไม่ใช่คนโง่ในการใช้จ่าย

เซี่ยงเส้าหยุนกำลังจะจากไป แต่เมื่อสายตาไปต้องกับแผ่นหินสีดำเข้า เมื่อมองเห็นหินนั่น ดวงตาของเด็กหนุ่มเผยความประหลาดใจ

“สิบห้าผลึกวิญญาณ ไม่เอาก็ไปเสีย” พ่อค้าแผงลอยกล่าว

“ข้าสามารถตกลงราคานี้ได้ หากรวมหินก้อนนี้ด้วย” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว ขณะถือแผ่นหินสีดำในมือ

เจ้าของแผงลอยลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ตกลง”

เซี่ยงเส้าหยุนจ่ายอย่างรวดเร็ว และรับเอาทั้งก้านดอกโคม และหินสีดำมา

ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอทองคำทมิฬที่นี่ ฮะฮ่า ข้านี่ช่างโชคดี! เซี่ยงเส้าหยุนแสดงความยินดี

คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าหินสีดำนี่คืออะไร แต่เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้มีความรู้ ซึ่งมองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งนี้เป็นชิ้นส่วนของทองคำทมิฬ

ทองคำทมิฬเป็นวัสดุการกลั่นชั้นยอด และยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบ เพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็เพียงพอจะเพิ่มคุณภาพให้แก่อาวุธราชา มันเป็นวัสดุชั้นเยี่ยมในสายตาของช่างตีเหล็ก ทองคำทมิฬขนาดเท่านี้ความจริงมันมีราคาถึงห้าร้อยผลึกวิญญาณระดับสูง เซี่ยงเส้าหยุนสามารถซื้อมาได้ด้วยราคาเพียงสิบห้าผลึกวิญญาณ มันคุ้มค่าราวกับได้มาโดยเปล่า

เซี่ยงเส้าหยุนไม่มีแผนจะขายทองคำทมิฬนี่ ทว่า เขามีแผนจะใช้มันในการฝึกฝนอาวุธโชคชะตาของตนเอง แม้ทองคำทมิฬจะไม่ใช่วัสดุที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะต้องจัดกรกับมัน ก่อนอื่นต้องใช้มันในการสร้างอาวุธเริ่มต้น และในอนาคตเมื่อได้รับวัสดุที่ดียิ่งขึ้น ก็จะสามารถเสริมสร้างอาวุธชิ้นนี้ให้แข็งแกร่งขึ้นได้

หากกล่าวโดยทั่วไป การฝึกฝนอาวุธแห่งโชคชะตานั้น ผู้ฝึกจะต้องมีระดับยุทธ์ที่สูงมาก และมีทะเลจักรวาลดวงดาว เซี่ยงเส้าหยุนสามารถสร้างทะเลจักรวาลดวงดาวได้ตั้งแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาว เนื่องจากมีคุณสมบัติตามที่สามารถสร้างอาวุธแห่งโชคชะตาได้ เขาจะสามารถเริ่มฝึกยุทธ์ได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น

หลังจากซื้อดอกโคม และทองคำทมิฬมา เซี่ยงเส้าหยุนได้เก็บพวกมันไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาว ด้วยสิ่งนี้ จะเป็นเรื่องยากต่อผู้อื่นที่จะทราบว่าเขามีสิ่งมีค่าเช่นนี้ไว้ในครอบครอง เขาเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย แต่เสี่ยวไป่กลับเริ่มร้องออกอย่างกระวนกระวาย หลังจากส่งเสียงร้อง มันวิ่งไปยังแผงลอยหนึ่งก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะทันได้ตอบสนอง

“เสี่ยวไป่ ยืนรออยู่นี่ก่อน!” เซี่ยงเส้าหยุนออกคำสั่ง แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เสี่ยวไป่เข้าไปยังแผงลอย และคาบสิ่งหนึ่งไว้ในปาก เห็นได้ชัดว่าเจ้าของแผงลอยไม่ใช่คนธรรมดา เขาส่งพลังออกจากร่างกาย และปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ ทำให้เสี่ยวไป่กระเด็นไปไกล

“เจ้าสัตว์นี่มาจากที่ใดกัน? นี่เจ้าพยายามขโมของข้าหรือ?” พ่อค้าแผงลอยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ ด้วยความสามารถในการปล่อยพลังออกจากร่างกายทำให้เขาดูน่าประทับใจ

“เสี่ยวไป่!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกก่อนจะพุ่งไปหาเสี่ยวไป่

โชคดี เสี่ยวไปไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากมันสั่นหัวไปมา ก็ลุกขึ้นยืนและวิ่งไปที่แผงลอยนั่นอีกครั้ง แต่เซี่ยงเส้าหยุนอุ้มไว้ได้ทัน

“หยุดก่อกวนผู้อื่นได้แล้ว บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด” เซี่ยงเส้าหยุนดุ

หลังจากถูกดุ เสี่ยวไป่แสดงสีหน้าไม่พอใต และชี้ไปที่แผงลอยด้วยอุ้งเท้า

“เจ้าหนู เอาสัตว์เลี้ยงของเจ้าไปเสีย หากยังมาก่อกวนข้าอีก ข้าจะไม่ออมมือแล้ว” พ่อค้าแผงลอยข่มขู่

“เช่นนั้นหรือ?” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงปรากฎตัวข้างเซี่ยงเส้าหยุน ในขณะที่จะปราบปรามพ่อค้าแผงลอยผู้นั้นด้วยการเผยตัว เซี่ยงเส้าหยุนผายมือ และกล่าว “เสี่ยวไป่เป็นผู้ทำผิด เราจะไม่โกรธเคืองต่อเรื่องนี้” จากนั้นเขาประสานมือกับพ่อค้า และกล่าวทักทาย “ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงของข้าจะชอบสิ่งที่ท่านขาย โปรดให้ข้าได้เข้าไปดูได้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร?”

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset