ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 93 : วิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆา

การรับรู้ถึงเจ้าของผ่านหยดเลือด

อาวุธชั้นสูงจะมีวิญญาณภายใน และผู้ถือครองต้องการสร้างสัมพันธ์ต่ออาวุธชั้นสูง จะต้องใช้หยดเลือดเพื่อสร้างเสียงสะท้อนของอาวุธ หลังจากนั้นอาวุธจะกลายเป็นดั่งอวัยวะพิเศษของผู้ถือครอง หลังจากหยดเลือดลงบนกระบี่ มันได้ส่องแสงประกายสีม่วง ก่อนจะมีเสียงพยัคฆ์ และมังกรคำรามลอยมาในอากาศ

“โฮก! โฮก!”

พยัคฆ์ และมังกรเปรียบดั่งราชาแห่งสรรพสัตว์ และขณะที่เสียงคำรามดังขึ้น ใบมีดได้ปล่อยออร่าอันโอ่อ่าที่ทำให้หัวใจต้องสั่นสะเทือน สายฟ้าสีม่วงส่งเสียงดังเปรี๊ยะรอบมังกร และพยัคฆ์ และนอกจากออร่าของราชาที่ดูหนาแน่น พวกมันยังเปล่งความรู้สึกกดขี่ออก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิญญาณในอาวุธชิ้นนี้แข็งแกร่งเพียงใด

ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น มังกร และพยัคฆ์ได้ตะครุบตัวเขาไว้ ก่อนที่จะได้ทันตั้งตัว มังกร และพยัคฆ์ก็มาถึงตัวเสียแล้ว การปรากฏตัวที่ทำให้ทุกผู้ที่พบเห็นต้องตกตะลึง คนทั่วไปไม่อาจจะต้านทานออร่าอันน่าประทับใจนี้ได้เลย

แม้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะเกิดมาเพื่อเป็นราชา การเผยตัวของมังกร และพยัคฆ์ยังคงทำให้เขารู้สึกตกตะลึง ด้วยเพราะสัตว์ทั้งสองพร้อมจะฉีกเขาเป็นชิ้นเนื้อทันทีที่ผ่อนการเผยตัวของตนเอง

เมื่อเผชิญหน้าต่อแรงกดดันอันน่ากลัวของกระบี่ การเผยตัวของเซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้อ่อนแอลง ดังนั้น มันจึงกระตุ้นความปรารถนาที่จะพิชิตเด็กหนุ่ม ดาวเก้าดวงได้เริ่มปะทุราวกับภูเขาไฟเก้าลูก การเผยตัวเข้าสู่จุดสูงสุด เมื่อมองตรงไปยังมังกร และพยัคฆ์ เด็กหนุ่มตำหนิ “ก่อนที่จะเป็นราชา แม้แต่ทำให้มังกร และพยัคฆ์ต้องคำนับเสียก่อน! ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า!”

ขณะที่กล่าวนั้น ออร่าของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่สามารถเทียบเคียงได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปด พลังงานสีม่วงพุ่งออกจากกระดูกสีม่วง และสายฟ้าสีม่วงปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย มันพันไปรอบกายราวกับมังกร

ในชั่วขณะ เซี่ยงเส้าหยุนช่างดูคล้ายกับราชาแห่งจักรวาลผู้ที่ทำให้ทุกคนต้องเชื่อฟัง ซึ่งเปนสัญญาณว่าการเผยตัวของราชากำลังเติมโตขึ้นอีกครั้ง หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และไม่เกรงกลัวสิ่งใดกำลังพองโต

ภายใต้แรงกดดันแห่งราชาของเซี่ยงเส้าหยุน มังกร และพยัคฆ์ถูกยั่วยุ พวกมันคำรามขณะพุ่งเข้าใส่

พรสวรรค์จินตภาพ!

ทันใดนั้น เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานพรสวรรค์จินตภาพ และสร้างพื้นที่ที่มีเพียงแค่เขาสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งทำให้มองเห็นมังกร และพยัคฆ์ สัตว์ทั้งสองแท้จริงแล้วก่อขึ้นจากแก่นของปราณเท่านั้น และพวกมันยังอ่อนแอนัก เพียงแค่ถูกแสงสัมผัสก็อาจถูกสังหารได้โดยง่าย

“ยอมแพ้เสีย” เซี่ยงเส้าหยุนจดจ่อกับการเผยตัวบนหน้าผาก และภายในพื้นที่ของพรสวรรค์จินตภาพ การเผยตัวของราชาเป็นราวกับปลาในน้ำ ภายในพื้นที่ว่าง เขาคือผู้ปกครองสูงสุดผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง

การเผยตัวของราชาเริ่มผสม และกลืนกินสัตว์ทั้งสอง พวกมันพยายามดิ้นรน และคำราม พวกมันยังไม่มีพลังมากนัก จึงได้หลุดเข้ามายังพื้นที่ของจินตภาพ และเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีออกจากที่แห่งนี้

ในที่สุดแล้ว มังกร และพยัคฆ์ก็ได้ถูกบังคับให้จำนน และยอมรับสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนจะกระทำต่อพวกมัน การเผยตัวของสัตว์ทั้งสองกำลังพันกันกับการเผยตัวแห่งราชาของเซี่ยงเส้าหยุนอย่างยุ่งเหยิง พวกมันจดจ่ออย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้การเผยตัวของเด็กหนุ่มเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกมีความสุขต่อความรู้สึกนี้ ด้วยมีความรู้สึกสบายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย  การไหลเวียนของพลังแห่งดวงดาวภายในเริ่มรวดเร็วขึ้น และพลังวิญญาณได้พวยพุ่งออกจากร่างไปสู่พื้นที่รอบตัว โดยส่วนใหญ่จะมาบรรจบที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม

ระดับยุทธ์ในปัจจุบันของเซี่ยงเส้าหยุนคือระดับดวงดาวขั้นสี่ และเริ่มเติบโตขึ้นไปอีก หลังจากใช้เวลาไประยะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ด้วยการเผยตัวของสัตว์ทั้งสอง ได้หลอมรวมกับการเผยตัวของเขาอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน วิชากระบี่ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจ เป็นภาพร่างในการจับกระบี่ ร่างซึ่งกำลังฟาดฟันกระบี่เล่มนี้ซ้ำไปซ้ำมา และการฟันกระบี่แต่ละครั้งมีพลังมากพอจะทำลายโลก ช่างเป็นวิชากระบี่ที่น่าหวาดหวั่นนัก

วิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆา

การฟันเพียงหนึ่งครั้งราบกับอัสนีบาตรจากท้องฟ้าแจ่มใส

การฟันหนึ่งครั้งทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนผัน

การฟันหนึ่งครั้งจะสร้างแม่น้ำแห่งซากศพ

การฟันหนึ่งครั้งเพื่อทำลายซากศพทั้งหมด

การฟันหนึ่งครั้งจะทำลายภูเขา และแม่น้ำ

การฟันหนึ่งครั้งจะทำลายสวรรค์ และพื้นดิน

การฟันหนึ่งครั้งจะลบล้างดวงดาวทั้งหมด

การฟันหนึ่งครั้งจะเลื่อนดวงตะวัน และดวงจันทรา

การฟันหนึ่งครั้งจะย้อนคืนจักรวาล

วิชาเก้าราชันผ่าเมฆา และดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดเดียวกันกับตำราราชันพิชิตสวรรค์ แท้จริงแล้ว เขาสังเกตถึงความคล้ายคลึงในออร่าของวิชาทั้งสอง

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนได้ฟื้นคืนจากภวังค์

“หรือกระบี่ราชันผ่าเมฆาจะมีจุดกำเนิดเดียวกันกับตำราฝึกราชันของเรากัน? และยังมีวิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆาอีก ทุกสิ่งมันดูบังเอิญเกินไป” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกด้วยความตกตะลึง

ในครั้งแรกที่ได้เห็นกระบี่ราชันผ่าเมฆา เขาไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับวิชาฝึกฝนราชัน ด้วยคิดว่าชื่อที่ดูคล้ายกันเป็นเพียงความบังเอิญ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ากระบี่ราชันผ่าเมฆาจะมีจุดกำเนิดเดียวกันกับตำราฝึกฝนราชัน

บางทีกระบี่เล่มนี้จะเป็นสิ่งที่ราชันทิ้งไว้เบื้องหลัง และมีบางเหตุผลให้ตกอยู่ในมือของผู้ฝึกยุทธ์ไร้นาม และตอนนี้ก็ได้มาอยู่ในมือของเซี่ยงเส้าหยุน มันเป็นสัญญาณของโชคชะตาที่จะมีราชาคนใหม่เกิดขึ้น

โชคไม่ดีนัก ที่วิชากระบี่เก้าราชาผ่าเมฆายังไม่สมบูรณ์ มีเพียงสี่กระบวนท่าแรกเท่านั้นที่สมบูรณ์ และมีเพียงห้ากระบวนท่าหลังเท่านั้นที่มีนามอยู่

แต่ท่วงท่าทั้งสี่ล้วนมีพลังที่น่ากลัว ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังสูงสุดของสี่กระบวนท่าได้ ด้วยสามารถเริ่มฝึกฝนวิชานี้ได้ต้องบรรลุระดับราชา และสามารถควบคุมพลังดวงดาวได้อย่างอิสระเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้เขาต้องกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง มีวิชายุทธ์มากมายที่มีพลังอันยอดเยี่ยม แต่เขากลับไม่สามารถนำมันมาใช้ได้

“ดูเหมือนเราจำเป็นต้องหาโอกาส และทบทวนสถานที่ที่พบตำราราชันพิชิตสวรรค์ บางทีเราอาจได้รับมรดกอื่นอีกเมื่อเข้าไปในส่วนลึกของสถานที่นั่น” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเอง

เมื่อถือตำราราชันพิชิตสวรรค์ไว้ในมือ เขารู้สึกราวกับเลือดเนื้อได้เชื่อมต่อกับตำรานั่น ขณะเดียวกัน การเผยตัวพุ่งออก การเผยตัวแห่งราชาไร้ซึ่งรูปร่างก่อนหน้า ตอนนี้กลับมีรูปร่างของมังกร และพยัคฆ์โฉบอยู่ด้ายหลัง ทำให้ดูสง่างามหาที่เปรียบมิได้

ออร่าที่หนาแน่นได้พุ่งออก ซึ่งเรียกร้องถึงความเชื่อฟังของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด การเผยตัวแห่งราชาของเซี่ยงเส้าหยุนได้เติมโตขึ้นอย่างมาก ความจริงแล้ว การเผยตัวของเขาแข็งแกร่งขึ้นถึงสิบเท่า และแม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพในตอนนี้ เขาก็สามารถเมินเฉยได้โดยสิ้นเชิง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาก็มิอาจหวังให้เด็กหนุ่มคำนับได้อีกต่อไป

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการเผยตัวได้รับรูปแบบ อาจไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นสี่ทั่วทั้งเก้าหัวเมืองจะมาพร้อมการเผยตัวอันน่าหวาดหวั่นเฉกเช่นเซี่ยงเส้าหยุน

การเผยตัวอันแข็งแกร่ง จะทำให้เจ้าของแข็งแกร่งขึ้น

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเติบโตของเซี่ยงเส้าหยุน เขายุติความสันโดษ และเมื่อก้าวออกจากห้อง ก็ได้พบกับจื่อฉางเหอ และหวังเกาฉวนรออยู่

จื่อฉางเหอมาที่นี่เพื่อมาบอกถึงผู้ฝึกยุทธ์คนใหม่ที่ยอดเยี่ยม

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset