ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 98 : การเติบโตโดยปราศจากความยับยั้ง

ระดับราชา หรือระดับล่องนภานั้น แข็งแกร่งเฉกเช่นนามของมัน ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับนี้จะสามารถล่องไปบนนภาเพื่อมองดูโลกจากเบื้องบน ในตอนนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาไม่รู้ว่าการบินหาแร้งสายฟ้าที่กำลังจะเติบโตนั้น ผู้ฝึกยุทธ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และในชั่วพริบตา เขาก็ได้พุ่งทะลุแนวตั้งรับของเหล่าแร้งสายฟ้าไปแล้ว

ภายในแนวตั้งรับซึ่งคุ้มกันแร้งปีศาจชั้นสูง พวกมันไม่ใช่ราชา แต่เมื่อบินไปบนท้องฟ้า เหล่าแร้งจะแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ เมื่อสังเกตเห็นการโจมตีของศัตรู พวกมันเริ่มปล่อยเสียงร้อง และเริ่มจู่โจมศัตรู

เหล่าแร้งสายฟ้าปล่อยสายฟ้าออกมา และเมื่อพวกมันโจมตีพร้อมกัน ทั่วทั้งท้องฟ้าจึงเต็มไปด้วยพลังงานสายฟ้า การโจมตีซึ่งควบคู่ไปกับสายฟ้าธรรมชาติจากท้องฟ้า ทำให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมซึ่งแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาก็ยากจะรอดชีวิตไปได้

แต่ด้วยการโจมตีนั่นไม่ได้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชารู้สึกกดดันแม้แต่น้อย หอกสีม่วงของเขาเต้นรำไปมาในอากาศ ฟาดไปที่แร้งใกล้ตัวขณะเคลื่อนที่เข้าไปหาแร้งสายฟ้าซึ่งกำลังเติบโต

โชคไม่ดีนัก เหล่าแร้งมากมายได้เข้าไปขวางอย่างไม่เกรงกลัว เขาเคลื่อนที่ช้าลงขณะที่การเติบโตกำลังใกล้เข้ามา และใกล้จะเสร็จสมบูรณ์

“ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง มอบไม้อัสนีบาตมาให้ข้า และพาข้าไปบินไปด้วย! ศิษย์พี่ ทำตามที่เห็นสมควรได้เลย” เซี่ยงเส้าหยุนออกคำสั่งเด็ดขาด

ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย และมอบไม้อัสนีบาตให้แก่เซี่ยงเส้าหยุนทันที ก่อนจะอุ้มเซี่ยงเส้าหยุนบินตรงไปยังที่ซึ่งสายฟ้ารวมตัวกัน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงบินด้วยความเร็วสูงสุด ในช่วงไม่กี่อึดใจพวกเขาก็ได้เข้าใกล้ที่นั่น ขณะที่แร้งสายฟ้ากำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะผ่านเข้าไปในแนวตั้งรับ

“ผู้ใดที่พยายามทำลายแผนการของราชาเยาว์วัยกัน?” เสียงดังขึ้น หลังจากนั้น ได้มีสองร่างพุ่งออกมาจากทิศทางที่ต่างกัน และขวางเส้นทางของผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และเซี่ยงเส้าหยุน

“เรามาที่นี่เพื่อขอยืมพลังสายฟ้าเล็กน้อยเท่านั้น ข้าหวังว่าพวกท่านจะอนุญาตให้ผ่านไป” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงไม่ทราบเกี่ยวกับทั้งสองมาก่อน แต่ด้วยทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าปะทะ

“ไปให้พ้นจากที่นี่เสีย ราชาแห่งสายฟ้าจะสร้างราชาแร้งสายฟ้าเพื่อนำมาเป็นสัตว์พาหนะ หากไม่เชื่อฟัง ก็จงตาย!” ผู้หนึ่งตะโกนออกมา

ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงกำลังจะตอบกลับ แต่เซี่ยงเส้าหยุนกับกล่าวแทรกขึ้น “ตัดเรื่องไร้สาระนั่นไปเสีย หากพวกเขาไม่ยอมไปให้พ้น ก็จัดการซะ”

เซี่ยงเส้าหยุนหมดความอดทนแล้วเนื่องจากความกระหายที่แผ่ออกจากกระดูกสายฟ้า ทำให้เขาเกือบเสียสติ หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนได้ฟังคำสั่งนั่น ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงได้พุ่งฝ่าเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน

ทั้งสองขยับตัวในทันที เผยออร่าราชาออกมาขณะเข้าโจมตีผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และเซี่ยงเส้าหยุน โดยปราศจากความลังเลใด ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงหยิบเอาอาวุธราชาที่เซี่ยงเส้าหยุนมอบให้ และฟันใส่ทั้งสอง

โชคดีสำหรับเขา ทั้งสองมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงหรืออาจอาจแอกว่าเล็กน้อย ดังนั้น ในตอนที่เขาโจมตีด้วยอาวุธราชา ทั้งสองล่าถอยไป หลังจากนั้น ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงได้บินจากไปโดยไม่ให้เสียเวลากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาทั้งสอง

“บ้าฉิบ! หากเจ้าทำให้ราชาสายฟ้าเยาว์วัยโกรธ ตระกูลของเจ้าจะต้องถูกกำจัด!” ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสองร้องออกด้วยปราศจากกลัว พวกเขารวบรวมกำลังทั้งหมด และจู่โจมอีกครั้ง การโจมตีนับไม่ถ้วนทำให้หินกลายเป็นฝุ่นผงพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง และเซี่ยงเส้าหยุน

ทำให้ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงบินเร็วขึ้น บางครั้ง เขาได้ฟันอาวุธเข้าใส่ ด้วยไม่ลืมที่จะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อคุ้มกันเซี่ยงเส้าหยุนจากภยันตราย แต่เนื่องด้วยเขาต้องมุ่งเน้นไปที่การป้องกันเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากการตามล่าของทั้งสองได้อย่างเต็มที่

“ปล่อยข้าลง เจ้าจงจัดการพวกมัน ในขณะที่ข้าไปเพียงคนเดียวเสีย” เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจทันที เขาเห็นได้ชัดว่าในขณะที่ชายสูงวัยพยายามปกป้องเขา ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจะไม่สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ต้องสู้กับทั้งสอง ดังนั้น เขาจะต้องแยกตัวออกไปจากผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเสีย

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเซี่ยงเส้าหยุน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงหยุดลังเล หลังจากหลบการจบตี เขาบินต่ำลง และพาเซี่ยงเส้าหยุนลงไปยังพื้นเบื่องล่าง การทำเช่นนั้นเกือบจะทำให้ถูกโจมตี แต่โชคดี เขายังสามารถหลีกเลี่ยงมันได้อย่างหวุดหวิด อย่างไรก็ตามการโจมตียังคงทิ้งรอยข่วนไว้ที่ไหล่

“เจ้าต้องการจะต่อสู้หรือ? เข้ามาได้เลย!” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงกล่าว เขายังไม่ได้ต่อสู้เต็มกำลังนับตั้งแต่บรรลุระดับราชา แต่ตอนนี้ในเมื่อทั้งสองแข็งแกร่งพอกับเขา ไฟร้อนแรงในการต่อสู้ได้ปะทุขึ้น เขาเองก็อยากรู้มากเช่นกันว่าความกล้าหาญในการต่อสู้ในปัจจุบันนั้นทรงพลังเพียงใด

ด้วยอาวุธราชาในมือ เขาปลดปล่อยวิทยายุทธ์ระดับสูงที่เซี่ยงเส้าหยุนสอน ผลักดันความสามารถในการต่อสู้ให้ไปสู่จุดสูงสุดใหม่ และบังคับให้คู่ต่อสู้ทั้งสองต้องปกป้องตัวด้วยพลังทั้งหมด ทั้งสองไม่อาจแยกกัน เพื่อไปจัดการเซี่ยงเส้าหยุนได้อีกต่อไป

แน่นอนว่า พวกเขายังถือว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวที่อ่อนแอ ดังนั้นทั้งสองจึงสันนิษฐานว่าเซี่ยงเส้าหยุนไม่สามารถจัดการแร้งสายฟ้าได้เพียงลำพัง และจะไม่มีวันเป็นภัยคุกคามต่อแผนการของหัวหน้าทั้งพวกเขา

ด้วยเหตุผลนั้น เซี่ยงเส้าหยุนได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งมีสายฟ้ามารวมตัวโดยไร้สิ่งกีดขวาง ด้วยไม่ต้องการใช้เวลานานนักในที่แห่งนี้ เพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นครั้งต่อไปเมื่อใด หากทำพลาด

เด็กหนุ่มเปิดใช้ตำราราชันพิชิตสวรรค์ขณะพุ่งออกไป ทิ้งภาพไว้มากมายขณะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปด หรือเก้า ไม่นานนัก แร้งสายฟ้าหลายตัวก็บินลงมาที่เขา

แร้งสายฟ้าที่อ่อนแอกว่าซึ่งพยายามสร้างแนวตั้งรับ พวกมันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปปกป้องราชาข้างใน พวกมันใช้กรงเล็บ และจะงอยปากเข้าจู่โจมเซี่ยงเส้าหยุน การโจมตีพร้อมกันทำให้เกิดพลังสายฟ้า และทำให้การโจมตีนั่นรุนแรงขึ้น

เซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานพรสวรรค์แห่งสัญชาตญาณเพื่อสังเกตวิถีที่พวกมันบินให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะแทงหอกอัสนีออกไป

“ตายซะ!” ด้วยหอกในมือ ทำให้การโจมตีของเซี่ยงเส้าหยุนนั้นราวกับเสือตำปบ สายฟ้าจำนวมากถูกยิงไปยังแร้งที่อยู่ภายใน

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนเติบโตขึ้น ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นมาก และการโจมตีก็มีความแม่นยำที่ดีเยี่ยม หลังจากแทงไปสองสามครั้ง การโจมตีได้ทะลุผ่านแร้งทั้งหมด โลหิตกระจายเปรอะไปทั้งใบหน้า ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง

เขาเลียเลือดบนหน้าเล็กน้อย ขณะพึมพำด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “เราจะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้!”

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มวิ่งราวกับสายลม ความเร็วเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น เขาเดินทางไปท่ามกลางต้นไม้ แม้แต่แร้งสายฟ้าก็ไม่อาจล้อมรอบได้ พวกมันอาจเป็นราชาแห่งนภา แต่กับพื้นดิน และท่ามกลางต้นไม้หนาทึบจึงทำให้พวกมันเสียเปรียบ

เซี่ยงเส้าหยุนคอยหลบแร้งขณะที่เข้าใกล้เป้าหมาย เหนือหัวมีแร้งสายฟ้าจำนวนากยังคงต่อสู้กับราชาสายฟ้าวัยเยาว์ ราชาแห่งสายฟ้าก็ค่อนข้างเอาแต่ใจ ขณะที่พุ่งไปหาราชาแร้งเพื่อปราบมัน ด้วยเหตุนี้แรงกดดันของแร้งที่ตามล่าเซี่ยงเส้าหยุนจึงลดลงอย่างมาก

“เราไม่สามารถล่วงล้ำเกินกว่านี้อีก มิเช่นนั้นปีศาจชั้นสูงจะต้องมาเจอเราแน่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบาขณะเริ่มปืนต้นไม้

ตอนนั้นเอง ฟ้าได้ผ่าลงมาจากบนฟ้า เข้าใส่เด็กหนุ่ม

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset