“นางจะผสานเข้ากับเสวียนกังกุย!”
คำพูดของไป๋เซี่ยงเลี่ย เหมือนกับโยนหินก้อนใหญ่ลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ ทำให้เกิดระลอกคลื่น
อะไร!
หลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุยหรือ
ตอนนี้เนี่ยนะ
ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้
ใครๆ ก็รู้ว่าการจะผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์ ต้องมีสภาพร่างกายที่ดี และวิญญาณยุทธ์ต้องยอมผสานด้วย ในขั้นตอนผสาน ก็ห้ามได้รับการรบกวน มิฉะนั้นจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
แต่สาวน้อยชุดดำที่บุ่มบ่ามโผล่ออกมาล่ะ
ตอนนี้ท่าทีที่ไม่ปกติของเจียงหลี ในสายตาของผู้คน เป็นพียงการกระทำที่ไม่รอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ผู้คนตกตะลึง ก็มองดูอยู่อย่างเงียบๆ แม้แต่ไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน
พวกเขาเชื่อว่าไม่ต้องลงมือ ครู่เดียวเสวียนกังกุยก็เหยียบสาวน้อยใจกล้าคนนี้ตายแล้ว
เจียงเฮ่าที่ซ่อนตัวอยู่ เป็นห่วงน้องสาวมาก แต่ทว่าคำพูดของน้องสาวก่อนหน้านี้ กลับวนเวียนอยู่ข้างหูเขาตลอด
ข้าจะใช้โอกาสนี้ ผสานเข้ากับเสวียนกังกุย ถ้าหากว่าข้าทำแบบนี้ ในตอนแรกเริ่ม พวกเขาจะไม่ลงมือแน่นอน ทำเพียงแค่รอให้ข้าถูกเสวียนกังกุยฆ่าตาย ข้าจะได้ช่วงเวลาตรงนี้โดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าหากการผสานของข้ามีแนวโน้มจะสำเร็จ พวกเขาจะทนไม่ไหวลงมือกับข้าอย่าแน่นอน เพื่อขัดขว้างข้าผสานเข้ากับเสวียนกังกุย ถึงตอนนั้นก็ต้องพึ่งท่านพี่แล้ว พยายามช่วยถ่วงเวลาให้ข้าให้ได้นานที่สุด ถ้าหากว่าไม่ไหว ก็ถอย!
นี่คือแผนการของเจียงหลี
…
ในหนองน้ำ แสงสีทองของเนตรญาณที่เจิดจ้า เปลี่ยนเป็นอักษรลึกลับ ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวเสวียนกังกุย
บนหลังของมันมีเงาดำเล็กๆ อยู่
เจียงหลีอยู่ท่ามกลางรอยแตกบนหลังของมัน รอบๆ กระดองราวกับยอดเขาแหลมคมที่ตั้งตรง
โฮกกกกก
เสวียนกังกุยคำรามด้วยความโกรธ โยกไปโยกมาอย่างสุดพลัง ต้องการจะให้เงาดำบนหลังของมันกระเด็นออกไป ต้านทานพลังที่ถูกดูดเข้าไปในเนตรญาณ
“คนเลว! ออกไป! ข้าจะเหยียบเจ้าให้ตาย!” เสียงหญิงสาวที่อ่อนโยนและดูงี่เง่าดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ มันพูดกับเจียงหลีคนเดียว
เจียงหลีเกาะหลังมันไว้แน่น ยิ้มมุมปาก แววตาแวววาวเป็นพิเศษ “เจ้าก็เลิกขัดขืนได้แล้ว ผสานเข้ากับเนตรญาณที่สองของข้าเสียดีๆ ข้าให้สัญญาว่ามากับข้าจะไม่มีทางทำให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีเด็ดขาด”
“ไม่ไป! ไม่ไป! จะนอน! จะนอน!” เสวียนกุงกัยโยกหัวที่ใหญ่มหึมา โยกไปที่ไหนก็มีลมพัดรุนแรง
ผู้คนที่โจมตี ตอนนี้หยุดโจมตีโดยไม่ได้นัดหมาย ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เหมือนดูเรื่องสนุกๆ อยู่ รอให้เจียงหลีตายนั่นเอง
คำตอบของเสวียนกังกุย ทำให้เจียงหลีกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับคำตอบที่อยากได้ แต่กลับรู้สึกว่าเสวียนกังกุยตัวนี้น่ารักจัง!
“เจ้าเต่าเชื่อฟังนะ ไปกับข้า! มิฉะนั้นคนเลวพวกนี้จะทำร้ายเจ้า!” น้ำเสียงของเจียงหลี ราวกับพ่อค้าที่ลักพาตัวหญิงสาวอย่างไรอย่างนั้น
โชคดีที่แม้เสียงของนางไม่ดัง แต่เสวียนกังกุยก็ได้ยิน มิฉะนั้นเกรงว่าคนข้างล่างที่ได้ยินคำเกลี้ยกล่อมของนางจะไม่รอจนถึงตอนที่เสวียนกังกุยฆ่านาง
“ไม่ฟังๆ! พวกเขาไม่มีน้ำยาทำอะไรข้า!” เสวียนกังกุยยังคงไม่ยอม
เวลาไม่คอยใคร เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้าหากเสวียนกังกุยยอมให้ความร่วมมือ จะก็สามารถเพิ่มความเร็วในการผสานได้ แต่ว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางเหลือเวลาไม่มากพอให้หลอกล่อ……อ้อ ไม่สิ เวลาเกลี้ยกล่อม!
ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้แข็งแล้ว! พอเจียงหลีกัดฟัน แววตาก็เปลี่ยนเป็นดุดัน
“เช่นนั้นก็ขอโทษด้วยนะเจ้าเต่า! ยอมเสียเถอะ!” เจียงหลีตะโกนเสียงดัง ฝ่ามือวางอยู่บนหลังของเสวียนกังกุย พลังวิญญาณที่ออกมาจากกลางฝ่ามือ เข้าไปในร่างกายของเสวียนกังกุยไม่หยุด
พลังวิญญาณที่โปร่งใสราวกับลมพายุ หลังจากที่ถูกเจียงหลีดูดมาแล้วแล้วปล่อยใส่ร่างกายของเสวียนกังกุย เนตรญาณที่ปกคลุมเสวียนกังกุยก็ชัดเจนขึ้น ส่องสว่างขึ้นมา
แม้กระทั่งคนข้างล่างก็เห็นตัวอักษรบนเนตรญาณได้อย่างชัดเจน!
รับรู้ได้ถึงความหนาแน่นของพลังวิญญาณ ทันใดนั้นเจียงหลีก็ค้นพบว่าการผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์ในอาณาเขตหลิงอู่ เวลาและสถานที่ช่างเหมาะเจาะจริงๆ
โฮกกก พลังที่ดึงและบังคับ ทำให้เสวียนกังกุยโมโหสุดขีด
มันปลดปล่อยลมปราณที่บ้าคลั่ง เกล็ดเหล่านั้นบนหลังโจมตีเจียงหลี
เจียงหลีแววตาดุดัน มือขวายังคงวางอยู่บนหลังของเสวียนกังกุย แต่ตัวเหมือนกับผีเสื้อที่โบยบินอย่างว่องไว หลบการโจมตี
ในเนตรญาณที่สอง นางรับรู้ได้ถึงการต่อต้านที่ชัดเจนของเสวียนกังกุย
พละกำลังต่อต้านที่รุนแรงนั้น ทำให้เนตรญาณที่สองของนางเกือบจะแตกสลาย เหมือนกับวิญญาณถูกฉีกออกอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดเหมือนตายไปเสียดีกว่า
แต่ทว่า ถึงแม้เป็นเช่นนั้น นางยังคงกัดฟันสู้ต่อ ไม่ยอมปล่อยมือ ปล่อยพลังวิญญาณของตัวเองใส่เสวียนกังกุยอย่างบ้าคลั่ง
อ้ากกก!
เจียงหลีส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
เนตรญาณที่เดิมทีเป็นสีทองส่องสว่าง เริ่มดับลง ร่องรอยก่อนหน้าปรากฏขึ้น
อาหลี! เจียงเฮ่าที่ซ่อนตัวอยู่ ดูเหตุการณ์นี้ด้วยความกังวล แทบอยากพุ่งออกไปพาน้องสาวกลับมา แต่เขารู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้ มิฉะนั้นที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์
“เหอะ ไม่รู้พลังตัวเอง” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเยาะเย้ย
หลานชายคนนั้นของเขาก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “อารอง นางคิดว่านางเป็นใคร”
“มุทะลุเสียจริง! ถ้าหากวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยผสานได้ง่ายขนาดนั้น พวกเราทุกคนก็ทำไปแล้ว จะรอให้ถึงเด็กผู้หญิงอย่างนางได้อย่างไรกัน”
“ความผิดพลาดที่โง่เขลา ตายไปก็ไม่เสียดาย”
“……”
เนตรญาณของเจียงหลีดูท่าใกล้จะแตกสลาย ทุกคนก็คิดว่าการผสานของนางต้องล้มเหลวแน่นอน ถึงเวลานางต้องถูกเสวียนกังกุยจัดการไม่เหลือซาก และด้วยความที่เสวียนกังกุยถูกบังคับให้ผสาน ส่งผลให้พลังชีวิตได้รับความเสียหายมาก ตอนนี้ก็เป็นโอกาสของพวกเขาแล้ว
แม้กระทั่งตอนนี้พวกเขาหวังว่าให้คนโง่เขลาที่มาใหม่ ทำให้เสวียนกังกุยอ่อนแรงลงเหมือนกับเจียงหลี
ความเย็นชา พูดถากถาง หัวเราะเยาะเย้ย ……
อารมณ์เหล่านี้ล้วนแต่ปรากฏอยู่บนหน้าของคนที่เข้าร่วมการแย่งชิงก่อนหน้านี้
แต่ทว่าเจียงหลีกลับไม่สนใจถึงการมีอยู่ของพวกเขา อดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดที่วิญญาณจะแหลกสลาย กัดฟันปล่อยพลังต่อ เสวียนกังกุย! ข้าต้องได้ครอบครองเจ้า!
ตอนนี้ไม่มีใครได้เห็นถึงความแน่วแน่ในสายตาของนาง ยิ่งไม่มีใครรู้ว่าความแน่วแน่ของนางทำให้คนตะลึงได้ขนาดไหน
“ใกล้จะแพ้แล้วสินะ”
“อืม แสงของเนตรญาณใกล้จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว”
“ใกล้ได้เวลาแล้ว พวกเราก็ควรลงมือได้แล้ว”
“ฮาๆๆ ยังมีใครอยากจะลองหลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุยอีกไหม พวกเรารอได้”
“……”
คำพูดเหน็บแนม เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเจียงหลีจะพ่ายแพ้ แม้กระทั่งในตอนที่เจียงเฮ่าก็ทนไม่ไหวอยากที่จะบังคับพาเจียงหลีกลับมา ทันใดนั้นวิญญาณอีกดวงหนึ่งที่อยู่ในตัวนางก็ขยับแล้ว……