ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 149 ลู่เจี้ยผู้น่ากลัว!

ทันใดนั้นพลังที่แข็งแกร่งก็ออกมาจากวิญญาณดวงนั้น

 

 

ทำให้เจียงหลีรู้สึกว่าเป็นมือที่มีพลังรุนแรง ทำลายขีดจำกัดของเวลาและสถานที่ จับเสวียนกังกุยที่ต่อสู้ดิ้นรน แล้วลากมันเข้าสู่เนตรญาณที่สองของนาง

 

 

ต่อต้าน!

 

 

แข็งแกร่ง!

 

 

น่าเกรงขาม!

 

 

พลังแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ออกมากจากวิญญาณอีกดวง ทำให้เจียงหลีตะลึง

 

 

ในตอนที่พลังนี้ปรากฏขึ้น เหมือนว่าเสวียนกังกุยรับรู้ได้ถึงพลังลมปราณที่น่ากลัวอย่างยิ่ง จากที่ต่อสู้ขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นตัวสั่น จากที่ต่อต้านก็เปลี่ยนเป็นยอม

 

 

แต่ว่าพลังแบบนี้เหมือนว่าคนอื่นจะไม่รู้

 

 

ผู้คนที่แต่เดิมรอให้เจียงหลีโดนเสวียนกังกุยฆ่าตาย ภายใต้ความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นร่างที่ใหญ่มหึมาของเสวียนกังกุยค่อยๆ หดเล็กลง เริ่มหลอมรวมเข้ากับเนตรญาณของเจียงหลี

 

 

อะไรกัน!

 

 

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยหยุดลงทันที

 

 

พวกเขาตาเบิกโพลง มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยความหวาดผวา ยิ่งไปกว่านั้นในชั่วพริบตานั้น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องจริง

 

 

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่หลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ได้สำเร็จภายใต้สถานการณ์แบบนี้?

 

 

นี่……นี่มันขัดกับสิ่งที่รับรู้กันมา!

 

 

“นางใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!” ไป๋เซี่ยงเฉิงตะโกนออกไป

 

 

ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความร้อนใจ วิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยนั้นเป็นของเขาแท้ๆ แต่ว่ากลับถูกนางเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแย่งไปต่อหน้าต่อตาเขา ต่อหน้าต่อตาอารองของเขา!

 

 

“อารองรีบขัดขว้างนางเร็ว!” ไป๋เซี่ยงเฉิงพูดกับไป๋เซี่ยงเลี่ยด้วยความร้อนใจ

 

 

สีหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ไม่สู้ดีนัก เขาคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์มันจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่กลับตรงกันข้าม

 

 

“เร็วเข้า ขัดขวางนางเร็ว!”

 

 

“ฆ่านางซะ!”

 

 

“ลงมือ มิฉะนั้นเสวียนกังกุยจะเป็นของนาง”

 

 

“……”

 

 

เสียงที่วิตกกังวลค่อยๆ ดังขึ้น

 

 

แววตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยเคร่งขรึม เต็มไปด้วยความอาฆาต “ฆ่านางแล้วชิงเสวียนกังกุยมา!” ก่อนหน้านี้เขาพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยหลานชายแย่งชิงเสวียนกังกุยมา แต่ตอนนี้ทำไมปล่อยให้นางเด็กผู้หญิงคนหนึ่งฉีกหน้าได้ล่ะ

 

 

“พวกเจ้ามีใครหน้าไหนกล้าขยับตัว”

 

 

ในตอนที่ผู้คนเกิดอาการหงุดหงิด เจียงเฮ่ากระโดดออกมา

 

 

เขามาบังอยู่ตรงหน้าเจียงหลี สายตาที่เฉียบคมและแน่วแน่พุ่งออกมาจากดวงตาใต้หน้ากาก

 

 

ตอนนี้ เจียงหลีไม่สามารถสนใจคนรอบนอกได้ ไม่ว่าพลังนั้นจะมีจุดประสงค์อะไร ช่วยนางหลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุย ตอนนี้เสวียนกังกุยได้เข้ามาในเนตรญาณแล้ว สิ่งที่นางต้องทำก็คือนำเอาการหลอมรวมนั้น ทำให้มันกลายเป็นวิญญาณยุทธ์ตนที่สองของตัวเอง

 

 

ทันใดนั้นเจียงเฮ่าก็ปรากฏตัวออกมา ทำให้คนที่เตรียมโจมตีเจียงหลีเพื่อขัดขว้างการหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์อึ้งไป

 

 

ในตอนที่พวกเขารู้ว่าเจ้าหนุ่มที่กระโดดออกมาแท้จริงแล้วเพิ่งจะมีพลังขั้นหลิงเจี้ยง คนเหล่านั้นที่พลังสูงกว่าเจียงเฮ่าก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา

 

 

“เจ้าหนุ่ม เจ้าก็อยากลิ้มรสความตายเหมือนกันรึ ถอยไป!”

 

 

“จะไปพูดพล่ามกับมันทำไม กล้ามาขว้างพวกเรา ก็ฆ่ามันสีย”

 

 

“พวกเขาเป็นใครพวกเราไม่รู้ ไม่กลัวว่าฆ่าพวกเขาแล้ว จะเดือดร้อนรึ”

 

 

“จะไปสนฐานะของพวกเขาทำไม ในอาณาเขตหลิงอู่ ฆ่าก็คือฆ่า พูดอีกอย่างก็คือถ้าคนของตระกูลพวกเขาอยากจะแก้แค้นจริงๆ โลกข้างนอกออกจะกว้างใหญ่ พวกเขาจะหาพวกเราเจอได้อย่างไรกัน”

 

 

“……”

 

 

ในคำพูดสั้นๆ นั้น พวกเขาได้มองเจียงเฮ่าเป็นหนึ่งในคนที่จะต้องฆ่า

 

 

แต่เจียงเฮ่ามองคนเหล่านี้ที่ปรึกษากันแล้วว่าจะฆ่าพวกเขาสองพี่น้องด้วยสายตาที่เย็นชา สีหน้านิ่ง เดิมทีในโลกนี้ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาสองพี่น้องอ่อนแอ ก็เป็นธรรมดาที่จะถูกรังแก

 

 

ถ้าหากอยากจะปกป้องน้องสาว ไม่อยากให้อาหลีโดนรังแกอีก ข้าต้องแข็งแกร่ง! ต้องแข็งแกร่งกว่านี้! ในใจของเจียงเฮ่าตอนนี้นอกจากอยากแก้แค้น ก็มีเป้าหมายใหม่ขึ้นมาคืออยากแข็งแกร่งขึ้น

 

 

“ฆ่ามันซะ!”

 

 

“เข้าไปพร้อมกันเลย ฆ่าเจ้าหนุ่มนี่ แล้วก็นางเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยเลย”

 

 

เจียงเฮ่าฟังออกว่าเสียงของคนที่พูดปลุกปั่นคนนี้ก็คือเสียงของไป๋เซี่ยงเลี่ยที่คุยกันกับพวกเขาก่อนหน้านี้ มองไปทางที่เขายืนอยู่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น

 

 

แต่ทว่าไป๋เซี่ยงเลี่ยรับรู้ได้ถึงสายตาที่เยือกเย็นของเขา แต่กลับไม่สนใจเลยสักนิด ในสายตามีแต่ความเหยียดหยาม

 

 

ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะพวกเขาสองพี่น้องที่ไม่รู้จักเจียวตัว หัวเราะเยาะจิตใจที่โลภมากของพวกเขา

 

 

ฆ่า!

 

 

ผู้คนมุ่งไปฆ่าเจียงเฮ่า

 

 

เจียงเฮ่าหันหลังไปมองสาวน้อยชุดดำที่โดนแสงสีทองปกคลุมลอยอยู่กลางอากาศ นางขมวดคิ้วและหลับตาอยู่ แขนเสื้อพลิ้วไหวตามลม ผมชี้ขึ้นบนฟ้า

 

 

นี่เป็นเวลาที่สำคัญของการหลอมรวมของอาหลี ห้ามให้ใครรบกวนเด็ดขาด เจียงเฮ่าตัดสินใจ

 

 

เขามองกลับมา ชั่วพริบตาก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนเองทั้งสองตน พลังลมปราณของหลิงเจี้ยงทะยานไปถึงยอดเขา อยากจะต้านการโจมตีของทุกคนด้วยพลังของตัวเองเพียงคนเดียว

 

 

“โง่เขลานัก!”

 

 

“เขาคิดว่าตัวเองมีพลังป้องกันเหมือนเสวียนกังกุยรึอย่างไร”

 

 

คนมากมายมองการกระทำของเจียงเฮ่าเป็นการรนหาที่ตาย พวกเขาโจมตีใส่เจียงเฮ่าอย่างไม่ปราณีเลยสักนิด ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ถูกโจมตีจนกระอักเลือด แผลเล็กๆ ทั่วตัวไปหมด

 

 

แต่ทว่า เขากลับกัดฟัน ไม่ร้องเลยสักนิด เขากลัวว่าถ้าหากว่าเขาส่งเสียงร้อง จะส่งผลกระทบต่อการหลอมรวมของเจียงหลี กลัวว่าตัวเองจะทำให้เจียงหลีเบนความสนใจมา

 

 

“มาสิ! เข้ามาฆ่าข้าสิ!” ชายหนุ่มใต้หน้ากาก เลือดเต็มตัว แต่ตัวกลับตั้งตรงยืนปกป้องคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเหมือนกับเทพเจ้าแห่งการต่อสู้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

คลื่นพลังโจมตีที่ครั้งแรกเพิ่งจะหมดไป คลื่นพลังโจมตีครั้งที่สองกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

 

 

“เร็วเข้า! นางจะหลอมรวมสำเร็จอยู่แล้ว” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเห็นภาพมายาของเสวียนกังกุยค่อยๆ ปรากฏอยู่ในเนตรญาณของเจียงหลีแล้ว ตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ

 

 

ไป๋เซี่ยงเลี่ยเงยหน้าขึ้นมอง ใช้ทักษะพรสวรรค์พุ่งไปหาเจียงหลี

 

 

เขาพลังขั้นหลิงไซว่ ระดับความแข็งแกร่งของทักษะพรสวรรค์แค่คิดดูก็รู้แล้ว ถ้าหากว่าเจียงหลีถูกโจมตี ตายคาที่แน่นอน ออกจากอาณาเขตหลิงอู่และเสวียนกังกุยที่ยังหลอมรวมไม่สำเร็จก็จะหลุดออกมาจากเนตรญาณ

 

 

ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะขัดขว้างเจียงหลีได้ ยังทำลายพลังขั้นพื้นฐานของนางด้วย

 

 

ในแววตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

 

 

แต่ว่าในตอนที่เขาใช้ทักษะพรสวรรค์ เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาตรงหน้าเขาและเจียงหลี

 

 

ฟูววว

 

 

เลือดเป็นสายพุ่งออกมาจากปากของเจียงเฮ่า มีเสียงกระดูกหักจากร่างกายของเขา

 

 

เขารับการโจมตีนี้แทนเจียงหลี

 

 

พลังที่เหลือไปโดนตัวของเจียงหลี ทำให้นางร่วงตกลงมา

 

 

พลังการโจมตีถูกลดทอนความรุนแรงลง ถึงแม้ว่าเจียงหลีถูกโจมตี แต่กลับไม่ได้ทำให้เสวียนกังกุยหลุดออกมาจากเนตรญาณของนาง

 

 

ไป๋เซี่ยงเลี่ยสีหน้าดูไม่จืด อยากจะตามไป ทันใดนั้นร่างของคนๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นยืนอยู่ข้างๆ เจียงเฮ่า มือหนึ่งประคองร่างที่จะล้มมิล้มแหล่ลงกับพื้นเอาไว้

 

 

“เจ้าเป็นใคร” ไป๋เซี่งเลี่ยหรี่ตา เขารับรู้ได้ถึงพลังอำนาจของคนที่มา

 

 

ลู่จ้านพูดด้วยความไร้อารมณ์ว่า “คนที่มาฆ่าเจ้า”

 

 

……

 

 

ไกลออกไป ร่างของเจียงหลีร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับดาวตก

 

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่นางยังคงหลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุยอยู่

 

 

ทันใดนั้น ร่างที่สูงใหญ่ก็มารับนางกลางอากาศ อุ้มนางไว้ในอ้อมกอด

 

 

“หลีเอ๋อร์ เจ้าหลอมรวมอย่างสบายใจได้ คนที่กล้าทำร้ายเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยไปแน่” ใต้เสื้อคลุมสีดำ เสียงที่เยือกเย็นของลู่เจี้ยดังขึ้น

 

 

เขาพาเจียงหลีกลับสู่สนามอีกครั้ง ในตอนที่เขาอุ้มเจียงหลีแล้วปรากฏตัว ลู่จ้านได้เริ่มจัดการแล้ว เขาสู้กับไป๋เซี่ยงเลี่ยอย่างยากที่จะแยกเขาออกจากกันได้

 

 

ทันใดนั้น ลู่เจี้ยก็ปลดปล่อยพลังลมปราณที่น่ากลัวออกมา…

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset