ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 186 สงสารคนงามแห่งตระกูลลู่อย่างจับใจ

ชะตากรรมยากจะหลีกเลี่ยง…

 

 

ชะตากรรมที่ยากจะหลีกเลี่ยงหนึ่งประโยค เต็มไปด้วยความขมขื่นและความหมดหวังมากเพียงใด

 

 

ลู่อ๋องตำแหน่งสูงส่งปกป้องพรมแดนมานับยี่สิบปีไม่เคยทำผิดอันใด แต่ในวันนี้ยังไม่ทันได้สอบสวน ก็จะตัดสินแล้วหรือ

 

 

ในเวลาอันสั้น ความหวาดกลัวที่ยากจะคาดเดาผุดขึ้นในใจของผู้คนไม่น้อย

 

 

“ฟูจวิน ท่านและข้าไม่ได้พบกันนานแค่ไหนแล้วเจ้าคะ” นายพระชายาลู่มองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่ซิ่งเฉา กระซิบถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

คำพูดประโยคนี้ ทำให้สายตาของลู่ซิ่งเฉาเกิดความรู้สึกผิด “ฮูหยิน ข้าไปปกป้องชายแดนมายี่สิบปี จักรพรรดิอนุญาตข้ากลับมาครั้งล่าสุดคือเมื่อหกปีที่แล้ว”

 

 

“นั่นสิ หกปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่วันนี้เราจะได้พบกัน ท่านยังจะทิ้งข้าไว้ข้างหลังอีกหรือ” น้ำเสียงของนายพระชายาลู่ เต็มไปด้วยการบ่น

 

 

ความหมายในคำพูดของนาง ทำไมลู่ซิ่งเฉาจะไม่รู้ล่ะ เขาอยากจะหยุดการกระทำของภรรยา สำหรับความอ่อนโยนดุจน้ำ แต่ดวงตาแฝงไปด้วยความกล้านั้น สายตาของเขาที่ต่อต้านสุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นประนีประนอม

 

 

“ฟูจวิน…” นายพระชายาลู่เผยรอยยิ้มที่มีชัยออกมาโน้มตัวไปข้างหน้าพิงไปที่อ้อมแขนของสามี “ความตายไม่น่ากลัว ข้าเพียงกลัวการมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและถูกความคิดถึงกลืนกิน ขอเพียงได้อยู่กับท่าน ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือหลุมฝังศพข้าก็เต็มใจ”

 

 

ภายในใจของลู่ซิ่งเฉาเจ็บปวดราวกับถูกมีดทิ่มแทง

 

 

ชายชาตรีเสียเลือดได้แต่ไม่ยอมเสียน้ำตา แต่ว่าสุดท้ายแค่เสียใจ ในขณะนี้คำพูดของภรรยาทำให้เขาไม่อาจที่จะทนต่อไปได้และน้ำตาไหลพรากออกมา

 

 

ใต้แท่นประหารก็มีผู้คนไม่น้อยที่ถูกคำพูดประโยคนี้ของนายพระชายาลู่กินใจอย่างลึกซึ้ง จนลืมความผิดเรื่องการทรยศไปหมด

 

 

“หรงหรง เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าการตกลงแต่งงานกับข้านั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด” ลู่ซิ่งเฉาเอ่ยเรียกนามรองของพระชายาลู่ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด

 

 

พระชายาลู่กลับส่งเสียงหัวเราะออกมานางเงยหน้าขึ้นยื่นมือไปลูบจมูกของเขา “คนปัญญาอ่อน เรื่องที่หรงหรงตัดสินใจทำในชีวิตนี้แล้วไม่เสียใจภายหลัง ก็คือแต่งงานเป็นภรรยาของท่าน เพียงแต่เกลียดฟ้าดินที่อิจฉาในความรักอันลึกซึ้งที่เรามีให้กันจึงทำให้เราต้องแยกจากกัน แต่หรงหรงจะไม่ทำให้ฟ้าดินสมหวัง ชีวิตนี้หรงหรงจะมีชีวิตอยู่ร่วมกับฟูจวิน แม้ตาย หรงหรงก็จะตายร่วมกับฟูจวิน”

 

 

ภายในใจลู่ซิ่งเฉาโศกเศร้า ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา สิ่งเดียวที่มองเห็นคือรอยยิ้มบนใบหน้าของภรรยาที่รัก ดูเหมือนในช่วงภวังค์ พวกเขาได้ย้อนกลับไปในช่วงที่ยังวัยเยาว์ นางยังคงไร้เดียงสาและดื้อรั้นเหมือนเมื่อยังสาว

 

 

ข้าจะแต่งงานกับท่าน ในชีวิตนี้หากฟูจวินไม่แต่ง ถ้าท่านไม่มาสู่ขอ ข้าจะประกาศแก่ชาวโลกว่าท่านมาเอาเปรียบข้าแล้วยังคิดหนี ดูคุณชายตระกูลลู่อย่างท่านจะละอายหรือไม่

 

 

“ฮ่าๆๆ” ลู่ซิ่งเฉาเงยหน้าหัวเราะทำให้น้ำตาไหลย้อนกลับเข้าดวงตา “ในชีวิตนี้ ถ้าได้ภรรยาเช่นนี้ ฟูจวินอย่างข้ายังต้องการอะไรอีก หรงหรง ข้าผิดไปแล้ว ข้าและเจ้า สามีภรรยาร่างเดียวกัน ควรจะมีชีวิตและตายไปด้วยกัน”

 

 

“รู้ว่าผิดไปแล้วก็ดี ครั้งนี้ข้าอภัยให้ท่าน” ในใจของพระชายาลู่ยิ้มอย่างสดใสและสบายใจ

 

 

ฉากนี้ ไม่รู้ว่าสั่นสะเทือนหัวใจของผู้คนมากขนาดไหน ความรู้สึกลึกซึ้งของการมีชีวิตและตายร่วมกัน ดังก้องอยู่ในหัวใจของทุกคนที่ได้เห็น

 

 

ตระกูลลู่…ตระกูลลู่ที่มีคุณธรรมน้ำมิตรเอ๋ย ไม่แปลกใจเลยที่ราชวงศ์ของฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมที่สุดจะหวาดกลัว! ในใจหรงจิ่งเองก็รู้สึกเหมือนคลื่นที่ไหลเชี่ยวซัดเข้าหาฝั่ง อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

 

ครอบครัวของเขาที่ยังคงอยู่…

 

 

นึกถึงครอบครัวญาติสหาย หรงจิ่งก็ค่อยๆ ส่ายหัวและฝืนยิ้มออกมา

 

 

“ได้เวลาแล้ววววว!”

 

 

ผู้พิพากษาตัดสินใจยากลำบาก สุดท้ายเมื่อถึงเวลาประหาร จึงตะโกนออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

แต่ว่า เพชฌฆาตลังเลมิอาจที่จะไปทำลายฉากนี้

 

 

“ฟูจวิน แม้ว่าท่านจะตายแล้ว แต่ว่าหรงหรงมิอาจทนให้ฟูจวินอับอายได้ ท่านและข้ามาร่วมดื่มสุรากันสักจอกดีหรือไม่” พระชายาลู่รับจอกสุราที่บ่าวรับใช้ยื่นมาให้ ใบหนึ่งวางไว้ข้างริมฝีปาก อีกใบหนึ่งยื่นไปไว้ที่ปากของลู่ซิ่งเฉา

 

 

ในสุรานั้นมีสิ่งใด ต่อให้โง่เขลาเบาปัญญาแค่ไหนก็สามารถคาดเดาได้

 

 

“ดี หรงหรงมีอารมณ์สุนทรีเช่นนี้ ผู้เป็นสามีก็จะร่วมด้วย” ลู่ซิ่งเฉายิ้มและพยักหน้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สนใจแค่ภรรยาของตนที่อยู่ตรงหน้า

 

 

ทั้งสองจ้องมองและยิ้มและร่วมดื่มสุราผสมยาพิษเข้าไป

 

 

เพล้ง จอกสุราเปล่าสองใบหล่นลงพื้น

 

 

แตก

 

 

กระจาย

 

 

บนแท่นประหาร

 

 

ผู้พิพากษาเห็นแล้วสายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เรื่องราวทั้งหมดมันเหนือการควบคุมไปแล้ว แม้ว่าความต้องการที่จะให้ลู่ซิ่งเฉาตายไม่เปลี่ยนแปลง แต่ว่าเขายังคงคิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่พระราชโองการที่ฝ่าบาททรงกำหนดแต่เป็นการเริ่มต้นที่ไม่มีใครล่วงรู้

 

 

เพชฌฆาตก็ตกตะลึง

 

 

คนผิดกลับดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย แล้วคนที่ต้องทำการประหารอย่างเขาจะมีประโยชน์อันใด

 

 

“ฟูจวิน จากนี้ไปเราก็จะไม่ต้องแยกจากอีกกันแล้ว” พระชายาลู่โน้มตัวลงบนอ้อมแขนของลู่ซิ่งเฉา มีเลือดสีดำไหลออกจากมุมปาก

 

 

ลู่ซิ่งเฉายิ้มออกมา เลือดสีดำก็ไหลออกจากริมฝีปากของเขา “ใช่แล้ว ไม่ต้องแยกจากกันอีกแล้ว”

 

 

“พวกข้าบ่าวใช้ชรา ขอแสดงความนับถือท่านอ๋องและพระชายา!”

 

 

บรรดาบ่าวสิบคนที่ตามพระชายาลู่ผู้เป็นมา หลังจากที่มองไปยังเจ้านายชายหญิงทั้งสองที่ยิ้มให้กันแล้ว ก็ค่อยๆ คุกเข่าลงและก้มคำนับทั้งสามครั้ง

 

 

จากนั้น พวกเขาดึงมีดสั้นที่พกไว้ออกโดยไม่ได้นัดหมาย ในขณะที่ผู้พิพากษาตกใจกลัวคิดว่าจะมาลอบสังหารตนเองนั้น พวกเขาแทงมีดสั้นที่เตรียมไว้ไปยังคอของตนเอง

 

 

ตึงตึงตึง!

 

 

บ่าวที่ซื่อสัตย์ ตายตามใต้แท่นประหาร

 

 

ศพทั้งสิบสอง สร้างความตกใจให้กับทุกคน

 

 

โครมมม!

 

 

ท่ามกลางอากาศที่สดใสมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ทันใดนั้นเมฆดำมืดปกคลุมดวงอาทิตย์และมีฝนตกหนัก

 

 

ลู่เจี้ยและเจียงหลีที่มาหาหนานอู๋เฮิ่นที่สถาบันไป๋หยวน ตกใจกับเสียงฝนตกฟ้าผ่า ตั้งใจจะหาหนานอู๋เฮิ่นต่อแต่กลับได้ยินเสียงจากคนที่เดินผ่านที่พูดถึงเรื่องของจวนลู่อ๋อง

 

 

“ลู่อ๋องเป็นวีรบุรุษ เหตุใดจึงมีเรื่องทรยศได้ล่ะ พระชายาลู่เองก็เป็นวีรสตรีแต่กลับตายพร้อมสามี”

 

 

“นั่นสิ! ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่พระชายาลู่และลู่อ๋องอยู่บนแท่นประหาร ผู้พิพากษาไม่กล้าแม้แต่จะออกเสียงด้วยซ้ำ”

 

 

ครืนนนน!

 

 

เสียงฟ้าร้อง ดังขึ้นกว่าเดิมคนที่พูดอยู่หายไปกับสายฝน

 

 

ลู่เสวียนที่ตกใจ หลังจากที่ได้สติก็ฝ่าฝนมุ่งไปยังนอกสถาบันไป๋หยวน เจียงหลีที่เพิ่งจะได้สติจากอาการตกใจ หลังจากที่เห็นลู่เสวียนหายไปในสายฝนก็วิ่งตามไปอย่างไม่คาดคิด “ลู่เสวียนนนน!”

 

 

 

 

ณ เมืองซูหนาน เขตซูหนาน

 

 

ในจวนลู่ที่เงียบผิดปกติ ลู่เจี้ยที่กำลังยืนจับพู่กันเขียนบทความ

 

 

ทันใดนั้น พู่กันที่อยู่บนมือของเขาก็หักออกเป็น

 

 

สอง

 

 

ท่อน

 

 

เนี่ยนลี่ที่เขาเก็บไว้ในตัวมารดาหายไปแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า…

 

 

อึกก! ลู่เจี้ยที่ยืนสงบอยู่นาน จู่ๆ ก็พ่นเลือดสกปรกออกมาทั่วกระดาษ

 

 

“นายน้อย!” ลู่หวาที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเมื่อเห็นเช่นนี้ จึงรีบประคองตัวร่างที่โอนเอียงใกล้ลมลงของลู่เจี้ย

 

 

เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก มองไปยังกระดาษและหมึกที่ถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดง พูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ข้าจะไปตามตัวหมอโอสถมาเดี๋ยวนี้!”

 

 

แต่ว่า มือของลู่เจี้ยยังคงจับไปที่ข้อมืออย่างแน่น กันไม่ให้เขาจากไป ลู่เจี้ยค่อยๆ เงยหน้าที่ขาวซีดขึ้น นัยน์ตาคมเหมือนเมฆเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ริมฝีปากของเขากลายเป็นสีแดงสดเย้ายวนจากเลือด

 

 

“ออกคำสั่งเผาจวนลู่!” เสียงของลู่เจี้ยอ่อนแรงมาก แต่ทุกคำกรีดลึกราวมีดคม

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset