ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 226 ชิงเกอ เจ้าช่วยเขาแทนข้าที

ชิงเกอ หัวใจของข้าอยู่ที่นี่แล้ว

 

 

เมื่อเจียงหลีพูดกับมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ หัวใจของคนหลังดูเหมือนถูกโจมตีอย่างหนักและปรากฏใบหน้าอันสง่างามที่หาเปรียบไม่ได้ของร่างเดิมขึ้นในใจของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

 

ใช่เขาหรือไม่ ผู้ชายอันเป็นที่รักของเจียงหลี ความไม่แน่ใจก่อนหน้านี้และความมั่นใจในตอนนี้ทำให้มู่ชิงเกอทอดถอนหายใจในใจอย่างไร้ขอบเขต

 

 

เจียงหลีเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผย และสำหรับความรักแล้วก็สง่าผ่าเผยมาโดยตลอด เมื่อรับมาแล้ว ก็วางลงได้ด้วยเช่นกัน แต่บัดนี้กลับเผยสีหน้าแบบนั้นออกมา ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านางคลั่งรักชายผู้นี้มากเสียจริงๆ

 

 

ขณะที่มู่ชิงเกอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไรออกมาดี

 

 

เจียงหลีมิได้ต้องการให้มู่ชิงเกอพูดอะไรทั้งนั้น และค่อยๆ เล่าเรื่องระหว่างนางกับลู่เจี้ยให้ฟังทั้งหมดตามหัวข้อการสนทนาที่เปิดไว้

 

 

“…ข้าปฏิบัติต่อเขาในฐานะยาบรรเทาปวดเท่านั้น และชื่นชมใบหน้าอันงดงามของเขา สิ่งเดียวที่ข้ารอคอยคือฝึกฝนในระดับที่สูงสุดและออกจากโลกแห่งนี้ กลับไปสู่โลกแห่งยุคกลางเพื่อตามหาเจ้า อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ข้าไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ได้ครอบครองสี่ห้องหัวใจของข้าไปแล้ว ข้าไม่อยากจากเขาไป” เจียงหลีพึมพำ

 

 

ทันใดนั้น นางก็หันไปมองที่มู่ชิงเกอและพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าหาข้าเจอก่อนหน้านี้สักสองปี ข้าคงไปพร้อมกับเจ้าอย่างรวดเร็วแล้ว”

 

 

มู่ชิงเกอดึงใบหน้าเล็กๆ นั้นไว้ แต่กลับขมวดคิ้ว

 

 

เจียงหลี ไม่ควรรักอย่างกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ายเช่นนี้

 

 

“เหตุใดเจ้าถึงทำหน้าบึ้งตึงเล่า” เจียงหลีทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ คิ้วของนางเผยให้เห็นถึงความน่าหลงใหลค่อนข้างคล้ายนางในภพก่อนหน้านี้

 

 

เมื่อลองนับดู นางเกิดใหม่ ณ ที่แห่งนี้ได้ประมาณสองปีแล้ว

 

 

บัดนี้นางอายุเกือบสิบห้าปี และรูปลักษณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ซึ่งมีส่วนที่คล้ายคลึงกับใบหน้าของภพก่อน

 

 

“ทำไมเจ้าถึงทำให้ตัวเองต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ด้วยเล่า” เมื่อถูกเจียงหลีซักถาม มู่ชิงเกอจึงถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

เจียงหลีส่ายหัว “ข้ามิได้รู้สึกทุกข์ทรมานแต่อย่างใด!” นางถอนหายใจ ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะตัวเอง “ชิงเกอ ตอนนั้นข้าเป็นราชินีอยู่ที่หลิงชวน ทำให้ชายหนุ่มรูปงามหลงใหลได้มากมาย รูปร่างหน้าตา ภูมิหลังและสถานะล้วนมีครบหมด แม้แต่รัชทายาทแห่งอาณาจักรเซิ้งหยวน ชื่ออะไรนะ…”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดมึนเมาของนาง มู่ชิงเกอก็เดินตามนางไปและพูดว่า “หวงฝู่ฮ่วน”

 

 

“ใช่! หวงฝู่ฮ่วน! เขามองไปที่จักรพรรดินีด้วยสายตาชื่นชม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทว่า ข้าจักรพรรดินีสามารถเพิกเฉยต่อคนเหล่านี้ได้ แต่เมื่อมาถึงที่นี่กลับหลงรักคนบ้านั่นอย่างหัวปักหัวปำ!” เจียงหลีกัดฟันและจิบสุราอีกครั้ง

 

 

มู่ชิงเกอฟังจนทั้งโกรธและขำนางนัก อดไม่ได้ที่จะเหยียบเท้านางจนนางเจ็บ “แต่ทว่า ชายบ้านั่นแค่ต้องการเป็นอาหลานกับเจ้า ไม่อยากเป็นสามีของเจ้า”

 

 

“นี่! มันเจ็บปวดยิ่งนัก” ดวงตาของเจียงหลีเบิกกว้างและยกมือทิ่มไปที่หัวใจสองที จากนั้นกลับยักไหล่ขึ้นอย่างเฉยเมย “แต่ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ข้าปล่อยให้เขาเล่นไปก่อน รักเขา ตามใจเขา ดูสิว่าเขาจะทำอะไรได้ ไหนๆ ตอนนี้ร่างของข้าก็อายุยังน้อย ทำอะไรไม่ได้มาก รอให้ถึงวันนั้น วันที่ข้าสุกงอมก่อน ข้าจะจับหลานชายทำสามี! ฮ่าๆๆๆๆ…!

 

 

มู่ชิงเกอถึงกับผงะ คนที่กล้าหาญและมองว่าจริยธรรมเป็นเรื่องไร้สาระ แท้จริงแล้วคือเจียงหลีนี่เอง! ในการจัดการกับความรู้สึก นางกล้าหาญและตรงไปตรงมาเหมือนเช่นเคย กล้าที่จะรักและกล้าที่จะเกลียด

 

 

“แล้วเขาชอบเจ้าหรือไม่” มู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

 

คำถามนี้ทำให้เจียงหลียิ้ม

 

 

นางนิ่งเงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดอย่างหนักแน่น “ข้าจะทำให้เขาชอบข้าและชอบข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

 

 

ใบหน้าของมู่ชิงเกอหม่นหมองลง

 

 

คำตอบนี้ไม่ใช่คำพูดที่นางต้องการได้ยิน

 

 

เจียงหลีจะไม่กลับไปพร้อมนางก็ย่อมได้ และนางรู้ว่าเจียงหลีมีทางเดินของตัวเอง วันหนึ่งพวกนางจะได้พบกันอีกในโลกหลักแห่งนั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม นางจะไม่ยอมให้เจียงหลีอยู่กับผู้ชายที่มิได้รักนางเด็ดขาด

 

 

เส้นทางที่ดีที่สุดของการรู้แจ้ง มีอยู่ทุกแห่งหน!

 

 

“แล้วจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ล่ะ และเสี่ยวโต้วติงของเจ้าด้วย เป็นอย่างไรกันบ้าง” เจียงหลีเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและเอ่ยถามทันที

 

 

มู่ชิงเกอหายใจเข้าลึกๆ และระงับความโกรธในใจ “ซือมู่ใกล้จะทะลุทะลวงเข้ามาได้แล้ว พ่อลูกทั้งสองกำลังรอข้าอยู่บนเรือใหญ่”

 

 

“โอ้ น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ยินเสี่ยวโต้วติงเรียกข้าว่าท่านน้า” เจียงหลีรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

 

 

“เมื่อพวกเราออกไปจากที่นี่ และซือมู่ทะลุทะลวงได้สำเร็จ ข้าจะให้ซือมั่วพาเขามาหาเจ้า” มู่ชิงเกอหัวเราะกล่าว

 

 

“เออ จริงด้วย ร่างหลักของเจ้าอยู่บนเรือใหญ่ล่ะสิ” เจียงหลีถามอย่างกะทันหัน

 

 

มู่ชิงเกอพยักหน้า ร่างหลักของนางอยู่บนเรือใหญ่ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากซือมั่ว จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

 

 

หลังจากที่เจียงหลีได้รับคำตอบ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นหนักแน่นทันที

 

 

การเปลี่ยนสีหน้าอย่างกะทันหันของนาง ทำให้มู่ชิงเกอสับสน

 

 

“ชิงเกอ ข้ามีเรื่องจะขอร้องให้เจ้าช่วย” เจียงหลีมองไปที่นางอย่างจริงจัง มู่ชิงเกอยักคิ้ว “เจ้าพูดมาสิ”

 

 

เจียงหลีกัดริมฝีปาก “ข้าต้องการให้ร่างหลักของเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา” ทักษะวิชาอายุวัฒนะของมู่ชิงเกอ ทำให้นางเห็นถึงความหวัง

 

 

ดวงตาที่ชัดเจนของมู่ชิงเกอประกายแวววาวและถามเพียงว่า “เขาคู่ควรหรือ”

 

 

เขาคู่ควรหรือไม่

 

 

เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ และหัวเราะอย่างช้าๆ ดวงตาของนางมีความมัวเมาปนอยู่เล็กน้อย แต่มู่ชิงเกอรู้ดีว่าความเคลิบเคลิ้มนั้น มิใช่เพราะสุราไหนั้นอย่างแน่นอน

 

 

“จริงๆ แล้ว เขามีใจให้ข้า แต่เขามีเรื่องต้องกังวล จึงไม่กล้าพูดและไม่กล้ารัก เขาคิดว่าตนเก็บซ่อนมันไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่แท้จริงแล้ว ข้ามองออกมานานแล้ว ชิงเกอ เจ้ารู้จักข้าดี หากข้าสัมผัสไม่ได้ถึงความจริงใจของเขา ข้าจะให้ตัวเองจมดิ่งเช่นนี้หรือ คนในโลกแห่งนี้ต่างบอกว่าเขามีชีวิตอยู่ได้เพียงยี่สิบแปดปี แต่ข้าไม่เชื่อหรอก ก่อนที่เขาจะอายุครบยี่สิบแปด ข้าได้พบเจอกับเจ้า ข้ายิ่งแน่ใจว่านี่คือจุดเปลี่ยนของเขา” เจียงหลียิ้มและมองไปที่มู่ชิงเกอ ดวงตาอันสดใสเป็นประกายด้วยความมั่นใจ “เจ้าเชื่อหรือไม่ หากเขาไม่ต้องตาย เขาคงอยากทำลายความสัมพันธ์แบบอาหลานนี้ให้ได้เร็วกว่าข้าเสียอีก”

 

 

“เหตุใดเขาถึงอยากทำเช่นนั้น เจ้ารู้หรือไม่” มู่ชิงเกอย้อนถาม

 

 

เจียงหลียักคิ้วและพยักหน้า “ข้าไม่ได้โง่นะ เขาอยากปูทางให้กับข้า อยากให้ข้าถือหมากให้เพียงพอก่อนที่เขาจะตาย เขาเชื่อใจและฝากฝังตระกูลลู่ไว้กับข้า ข้าจะไม่ทำให้เขาผิดหวังเด็ดขาด”

 

 

มู่ชิงเกอยิ้ม “เจ้าช่างมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งนัก”

 

 

เจียงหลียักคิ้วอย่างมีชัย และยกกาเหล้าขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อมู่ชิงเกอ คนหลังก็ยกกาเหล้าขึ้นเช่นกันและจิบไปหนึ่งอึก แล้วเงยหน้ามองไปที่เจียงหลี “ด้านการปรุงยาวิเศษและทำอาวุธ ทั้งร่างแยกและร่างหลักต่างทำได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่ถูกจำกัด เมื่อออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะลองดู”

 

 

คำมั่นสัญญาจากมู่ชิงเกอ ทำให้เจียงหลีถึงกับตื่นเต้น “การขาดเนตรญาณตั้งแต่กำเนิดสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่”

 

 

 

 

ณ เมืองอู๋อิ๋น เรือนพักผ่อนอันเงียบสงบถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว

 

 

บัดนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ทุกอย่างดูเย็นเยือกไปหมด

 

 

ทว่า เรือนพักผ่อนกลับร้อนระอุ และหิมะก็ละลาย

 

 

“นายน้อยขอรับ ถึงเวลาดื่มยาแล้ว” เงาถือถ้วยยาและยืนอยู่ตรงหน้าลู่เจี้ย

 

 

ลู่เจี้ยใช้ผ้าเช็ดปากผ้าไหมปิดปากไอ เสียงไอนั่นทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ ราวกับว่าไอจนปอดจะถูกสำรอกออกมาก็ไม่ปาน

 

 

เงารีบวางถ้วยและคุกเข่าต่อหน้าลู่เจี้ย แล้วรับผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมไว้ในมือ เลือดสีแดงที่เปื้อนอยู่นั้น ทำให้ดวงตาของชายผู้นั้นเจ็บปวด

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก” ลู่เจี้ยพูดเบาๆ และโยนผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมือเงาเข้าไปในเตาไฟที่กำลังลุกไหม้

Related

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing
หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset