ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love] – ตอนที่ 3

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 3

Author: 여님  (ยอนิม)

 

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้คิมใจเต้นระรัว แต่ก็พยายามตีหน้านิ่งเอาไว้ พยายามคิดว่าเสียงคนเราเหมือนกันได้

“คุณว่าอะไรนะครับ” คิมถามกลับ คมถอยห่างให้กมลขยับมายืนต่อหน้าคิม

“ชั้นขอเข้าไปในห้องได้มั้ยคิม” กมลถามอีก สายตาคมของกมลที่จ้องมองมาทำให้คิมรู้สึกร้อนๆหนาวๆ

“เห็นทีจะไม่ได้ล่ะครับ เพราะผมไม่รู้จักพวกคุณ ขอโทษนะครับ ผมไม่มีอะไรจะคุยแล้ว” คิมพูดตัดบท พร้อมกับคิดในใจว่าเขาควรอยู่ห่างผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ดูอันตรายเกินไปในสายตาของคิม ผู้ชายที่แค่มองก็ทำให้คิมใจเต้นระรัว คิมทำท่าจะปิดประตู กมลมองหน้าคมทันที ลูกน้องก็ได้ดังใจ คมคว้าหมับไปที่ขอบประตูห้อง

“งั้นผมขอเสียมารยาทนะครับ คุณคิม” คมบอกกลับก่อนจะดันประตูอย่างแรง พร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องของคิม ตามด้วยกมล ลูกน้องของกมลคนหนึ่งคอยเคลียกับคนดูแลคอนโด คิมถอยกรูดอย่างตกใจ ไม่คิดว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้จะกล้าบุกรุกเข้ามาในห้องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต กมลเมื่อเดินเข้ามาในห้องของคิมแล้วก็กวาดสายตามองไปรอบๆ

“ห้องสะอาดเรียบร้อยดีนี่ อยู่คนเดียวเหรอ” กมลพูดถามออกมาเสียงเรียบ ทำให้คิมขมวดคิ้วมุ่น

“พวกคุณเป็นใคร! ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะเรียกตำรวจ” คิมพูดขู่ขึ้นมาไว้ก่อน กมลยกยิ้มมุมปากนิดๆ

“อย่าทำท่าเหมือนพวกชั้นเป็นผู้ร้ายขนาดนั้นสิ” กมลถาม พร้อมกับก้าวเท้าเข้าหาคิมช้าๆ คิมก็ถอยหลังทีละนิด ลูกน้องของกมล ยืนอยู่ที่ประตูห้อง ไม่ได้ขยับไปไหน เพราะรู้ดีว่าเวลานี้เจ้านายตนเองต้องการคุยกับคิมแค่สองคนเท่านั้น

“ก็พวกคุณเล่นบุกเข้าห้องของผมมาแบบนี้ จะให้ผมมองว่าอะไร!” คิมโวยขึ้นมาทันที พยายามไม่แสดงความตื่นกลัวออกมาให้กมลเห็น

“ไม่เอาน่าคิม เรามาคุยกันดีๆก็ได้นี่” กมลพูดบอกด้วยท่าทีนิ่งๆ

“คุณรู้จักผมได้ไง” คิมถามกลับด้วยความอยากรู้ แต่ก็พยายามหาทางหนีทีไล่ของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่า ยังหาไม่เจอแต่คิมก็หันไปมองประตูห้องนอนของตนเองเอาไว้ ตั้งใจจะหนีเข้าไปพร้อมกับล็อคประตู แล้วค่อยโทรตามตำรวจ

“อ๊ะ!” คิมร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อถอยหนีกมลไปด้านหลังแล้วสะดุดโซฟาหงายล้มลงไปนั่งโดยไม่ทันตั้งตัว กมลถือโอกาสก้าวเท้ายาวเข้าหาพร้อมกับยกมือมือทั้งสองข้างของตนเองท้าวไปที่พนักโซฟาขนาบคิมเอาไว้ เป็นการล็อคไม่ให้ร่างบางขยับหนีไปไหน คิมผงะด้วยความตกใจและหวาดหวั่น กมลมองร่างกายของคิมอย่างสำรวจและโลมเลีย แต่คิมกลับไม่รู้สึกว่าการมองของกมลจะหยาบคายแต่อย่างไร กลับทำให้คิมร้อนวูบวาบเสียมากกว่า

“นายไม่รู้จักชั้นหรอกนะคิม เพราะนายยังไม่เคยถามชื่อของชั้น แต่ว่า…” กมลพูดทิ้งช่วง เขารู้สึกสนุกและพอใจกับอาการของคนตรงหน้ามาก อาการที่ขู่ฝ่อออกมาทั้งๆที่ใจกำลังหวั่นกลัว ทำให้คิมดูน่ารักในสายตาของกมลเป็นอย่างมาก ริมปากที่เชิดขึ้น แต่ก็แอบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองโดยไม่รู้ตัวของคิม ทำให้ดูยั่วยวนเช่นกัน

“แต่ว่าอะไร! แล้วช่วยถอยห่างไปจากผมด้วย” คิมพูดว่าออกมาเสียงเข้ม พร้อมกับจะขยับหนี แต่กมลก็ไม่ยอมปล่อยให้คิมหนีไปไหน ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าของคิมแต่เลื่อนไปกระซิบข้างหูคิมเบาๆ

//อะไรกัน คืนนั้นนายยังเรียกร้องให้ชั้นกอดอยู่เลย ทำไมวันนี้กลับผลักไสชั้นล่ะ// กมลพูดบอกออกมา ทำให้คิมตัวแข็งทื่อ มองหน้ากมลที่ผละออกไปแต่ก็ไม่ห่างจากใบหน้าหวานของคิมสักเท่าไรนัก

(คืนนั้น คืนนั้น เป็นเค้าคนนี้งั้นเหรอ) คิมคิดในใจอย่างสับสน ดวงตาฉายแววตกใจและประหม่าขึ้นมาทันที

“คะ คืนนั้นอะไรกัน ผมไม่รู้เรื่อง ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้” คิมผลักอกของร่างแกร่งตรงหน้า แต่ดูเหมือนกมลจะไม่สะเทือนเลยสักนิด

“หืม นายกำลังจะบอกว่า นายลืมคนที่สร้างรอยพวกนี้งั้นเหรอ” กมลถามพร้อมกับยกยิ้มไปด้วย เมื่อใช้มือลูบไปที่ลำคอระหงของคิมตรงรอยกัดและรอยแดงที่กมลทำเอาไว้ซึ่งตอนนี้จางลงบ้างนิดหน่อย

เฮือก!

คิมผวานิดๆ เมื่อมือแกร่งของกมลสัมผัสโดนลำคอของตนเอง อยู่ๆเลือดก็สูบฉีดขึ้นบนใบหน้า คิมไม่กล้าสบตากมลขึ้นมาทันที

พรึ่บ!

ร่างบางก้มรอดช่วงแขนของกมลแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนหวังจะปิดประตูล็อคแล้วเรียกตำรวจดังใจคิด

พลั่ก!

“โอ๊ย” คิมร้องออกมาเมื่อกมลที่ประสาทสัมผัสไวก้าวตามคิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดันประตูห้องนอนอย่างแรง ส่งผลให้คิมที่ไม่ระวังตัวล้มนั่งลงไปที่พื้นห้อง กมลปิดประตูล็อคทันที ทำให้ในห้องนอนมีเพียงกมลกับคิมสองคนทั้งเท่านั้น คิมมองกมลด้วยสายตาหวาดหวั่น  พลางนึกด่าตัวเองในใจที่เปิดโอกาสให้กมลเข้ามาอยู่กับตนเองสองต่อสอง

“ออกไปเดี๋ยวนี้! อย่าเข้ามานะ” คิมร้องห้ามเอาไว้ก่อน พร้อมกับขยับลุกขึ้น กมลมีท่าทีสบายๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับคำขู่ไล่ของร่างบางตรงหน้านัก

“เรามาคุยดีๆกันดีกว่านะคิม นายก็รู้ว่าชั้นไม่คิดจะทำร้ายนาย…. ถ้านายไม่ร้องขอ”ประโยคสุดท้ายกมลพูดพร้อมกับมองหน้าคิม แล้วยิ้มมุมปากทำให้ใบหน้าของคิมเห่อร้อนขึ้นมาทันที ยิ่งได้พูดคุย คิมก็ยิ่งมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าคนตรงหน้าคือคนที่กอดตนเองคืนนั้น

“คะ คุณเป็นใคร” คิมตัดสินใจถามขึ้น กมลยกยิ้มเมื่อเห็นว่าคิมยอมพูดคุยด้วยดีๆแล้ว

“สวัสดีอีกครั้ง ชั้นชื่อกมล” กมลแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“ละ แล้วคุณต้องการอะไรจากผมอีก” คิมถามออกมาอย่างลืมตัว

“ถามออกมาแบบนี้ แปลว่าจำชั้นได้แล้วสินะ” กมลถามขึ้น ทำให้คิมกัดปากตนเองทันที

“เออ ผมจำคุณได้แล้ว! บอกมาได้รึยังว่าคุณต้องการอะไรจากผมอีก” คิมตอบรับออกมาอย่างจำยอม กมลหัวเราะขำในลำคอเบาๆ

“เก็บเสื้อผ้าซะ แล้วไปกับชั้น” กมลบอกออกมาตรงๆ คิมขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

“คุณจะบ้ารึไง! ทำไมผมต้องไปกับคุณด้วย” คิมโวยขึ้น

“ก็นายเป็นเมียชั้นแล้ว ชั้นก็จะมารับเมียชั้นไปอยู่ด้วยกัน มันผิดตรงไหน” กมลบอกกลับด้วยท่าทีปกติ คิมอ้าปากค้าง อึ้งไปนิดเมื่อได้ยินที่กมลพูด

“คะ..คุณจะบ้าไปแล้วรึไง ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ ผมว่าคุณกลับไปเถอะ” คิมพูดไล่อีกครั้ง พร้อมกับมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาพูดแบบนี้กับตนเอง

“อะไรกัน นายเองก็จำได้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าคืนนั้นเราสองคนทำอะไรกันบ้าง” กมลถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดอะไร ที่คิมเอาแต่ไล่กมลอยู่แบบนี้ เขากลับรู้สึกสนุกและขำเสียมากกว่า

“ละ แล้วไง คุณจะใส่ใจทำไมกับแค่คืนเดียว” คิมถามกลับด้วยความอยากรู้  คิมยอมรับว่ากมลเป็นคนที่หน้าตาหล่อคม รูปร่างผิวพรรณดี มีความเป็นผู้ใหญ่และผู้นำในตัวเป็นอย่างมาก แค่สายตาของกมลที่มองมาก็แทบจะทำให้คิมละลายไปกับสายตาคู่นั้น

“เพราะมันเป็นคืนเดียวที่ทำให้ชั้นติดใจและถึงใจ” กมลตอบกลับเสียงจริงจัง ทำเอาคิมพูดอะไรไม่ออกเพราะใบหน้ากำลังแดงก่ำ

“ผมไม่ใช่เด็กขายนะ คุณไปหาคนอื่นเถอะ” คิมพูดบอกเผื่ออีกฝ่ายจะเข้าใจตนเองผิด

“ชั้นไม่เคยคิดว่านายเป็นเด็กขาย เพราะคงไม่มีเด็กขายคนไหนมาขอร้องให้ชั้นกอดเพื่อแลกกับการที่อยากลืมกอดของใครสักคนไป” กมลพูดมาถึงตรงนี้ทำให้คิมชะงักกึก ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองตัดสินใจทำลงไปเพราะความเมา

“ชั้นไม่ได้ต้องการอยากจะตอกย้ำนายนะคิม” กมลบอกกลับ ทำให้คิมชะงักเมื่อรู้ว่ากมลเดินเข้ามาประชิดตนเองพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบแก้มใสเบาๆ

“เก็บเสื้อผ้าซะ แล้วไปกับชั้น” กมลบอกออกมาเสียงเรียบอีกครั้ง

พรึ่บ!

คิมปัดมือของกมลออกจากแก้มของตนเอง

“ไม่!! ผมจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น ออกไปจากห้องของผมได้แล้ว เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีอะไรผูกมัดกัน” คิมบังคับเสียงตนเองพูดออกมาไม่ให้สั่น กมลขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมนายเป็นคนพูดไม่เข้าใจแบบนี้ล่ะหะ” กมลถามเสียงแข็งขึ้น

“คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ! ผมไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” คิมพูดว่าออกมา

“แต่ชั้นจะรับผิดชอบ นายเองก็น่าจะรู้ตัวนะ ว่านายกับชั้นเราเข้ากันได้ดีแค่ไหน ไปอยู่กับชั้นดีๆ อย่าให้ชั้นต้องใช้ความรุนแรงเลยน่า คิม” กมลบอกออกมาอีก

“นี่คุณขู่ผมเหรอ” คิมถามกลับเสียงแข็งเช่นเดียวกัน

“ชั้นขู่นายตอนไหน” กมลตอบกลับด้วยท่ายียวนทำให้คิมยืนกำหมัดแน่น แต่ไม่กล้าทำอะไรคนตรงหน้า เพราะรู้ดีว่าสู้คนตรงหน้าไม่ไหว ไหนจะลูกน้องของกมลที่ยืนรออยู่ข้างนอกอีกตะหาก คิมนึกสงสัยว่ากมลทำงานอะไรกันแน่ถึงได้มีคนติดตามเป็นกลุ่มซะขนาดนี้

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคนทั้งคู่เสียก่อน กมลขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

“มีอะไร” กมลถามคมเสียงเข้ม คมก้มหัวให้กมลนิดๆ

“ขอโทษที่ขัดจังหวะครับนาย คือ ลูกน้องของเราที่ดูแลสินค้าโกดัง Bโทรมาบอกว่า ไฟไหม้โกดังสินค้าของเราครับ ตอนนี้กำลังดับไฟและหาต้นเพลิงครับ” คมรายงานสถานการณ์ด่วนให้กมลรับรู้ ร่างแกร่งหน้าบึ้งตึงทันที ก่อนจะหันมาหาคิมที่ยืนงงอยู่ในห้อง

“คิม วันนี้ชั้นต้องกลับไปทำธุระก่อน แต่ถ้าเสร็จธุระ ชั้นจะมารับนาย เก็บของเตรียมตัวเอาไว้ซะ และไม่ต้องคิดหนีไปไหนเด็ดขาด” กมลพูดบอกและไม่รอให้คิมตอบรับ กมลก็เดินออกไปจากห้องของคิมทันที โดยมีลูกน้องเดินตามออกไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน คิมรีบวิ่งออกไปปิดประตูห้องแล้วล็อค หัวใจของร่างบางเต้นระส่ำเมื่อเห็นสายตาจริงจังของกมลเมื่อสักครู่ สายตาที่กำลังโกรธเรื่องงานกับสายตาที่ดื้อดึงต้องการให้คิมไปอยู่ด้วย ทำให้คิมอดที่จะรู้สึกสั่นไหวในใจไม่ได้

//นี่เราเป็นบ้าอะไร แค่สายตาของเค้าก็ทำให้เราตื่นเต้นขนาดนี้แล้วเหรอ// คิมนึกด่าตัวเองในใจก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงประตูพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าใสอย่างเหนื่อยใจและสับสน คิมกำลังนั่งคิดว่า ตนเองควรจะทำยังไงต่อไปดี อยู่ๆกมลก็เข้ามาพูดบอกเชิงบังคับให้คิมไปอยู่ด้วยกัน ทั้งๆที่ทั้งสองคนไม่ได้รู้จักกันดีขนาดนั้น แค่ความสัมพันธ์แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง

//เฮ้อ นี่เราไปขอให้มาเฟียกอดเหรอเนี่ย// คิมพูดขึ้นเมื่อพอจะเดาได้แล้วว่ากมลน่าจะทำงานเกี่ยวกับอะไร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“คอยให้คนติดตามคิมเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตาไปไหนเด็ดขาด” กมลพูดสั่งกับคม ขณะนั่งรถไปยังโกดังเก็บสินค้าของตนเอง

“ครับ” คมตอบรับ กมลถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะนึกว่าจะได้พาตัวร่างบางกลับไปด้วยกันวันนี้ซะอีก กมลนั่งรถมาถึงโกดังสินค้า ซึ่งตอนนี้ได้ควบคุมเพลิงไว้หมดแล้ว ลูกน้องของกมลรีบเดินเข้ามาหาเจ้านายตนเองทันที

“เกิดอะไรขึ้น อธิบายมา” กมลถามเสียงเข้ม ลูกน้องที่เป็นหัวหน้าดูแลสินค้ารีบก้มหัวขอโทษกมลทันที

“ผมขอโทษครับนาย ที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ช่วงที่เปลี่ยนกะดูแล มีคนลอบเข้ามาวางเพลิงครับ แต่เราสามารถจับคนวางเพลิงไว้ได้ 1 คน แต่อีก 2 คนหนีรอดไปได้ครับ ตอนนี้ผมพาตัวคนที่เราจับได้ไปขังเอาไว้ที่สำนักงานครับ” ลูกน้องของกมลรายงาน

“มีอะไรเสียหายบ้าง” กมลถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชาออกมา ซึ่งแตกต่างกับตอนมองคิมก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

“สินค้าเสียหายไป 10 กว่าลังครับ แต่ยังดีที่เราแยกตัวกระสุนออกมาเลยไม่เกิดการระเบิด” ลูกน้องของกมลพูดบอกออกมาอีก กมลนิ่งเงียบไปนิด ไม่คิดว่าจะมีใครโง่เข้ามาวางเพลิงกลางวันแสกๆแบบนี้

“ติดต่อคุยกับตำรวจรึยัง ว่าไม่ให้เข้ามายุ่งเรื่องนี้” กมลถามออกมาอีก

“เรียบร้อยแล้วครับ” ลูกน้องตอบรับ

“ดี ชั้นจะเข้าไปคุยกับคนที่พวกแกจับได้สักหน่อย” กมลบอกออกมาก่อนที่ลูกน้องจะรีบเดินนำพากมลเข้าไปในส่วนของสำนักงานทันที

หลังจากที่เข้าไปสอบสวนและขู่คนที่จับมาได้เรียบร้อยแล้ว และรู้ตัวคนบงการจ้างให้มาเผาแล้ว กมลก็ต้องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อเรียกประชุมลูกน้องตนเองที่ดูแลโกดังสินค้าแต่ละพื้นที่มาพูดคุย

“มะรืนนี้ ชั้นจะไปเกาหลีจัดการเด็กอ่อนหัดสักหน่อย พวกแกที่อยู่ดูทางนี้ จัดเฝ้าเวรยามให้ดี อย่าให้มีปัญหา” กมลพูดบอกออกมาเสียงเรียบในห้องประชุมขนาดย่อม

“นายครับ ให้ผมไปจัดการเองดีกว่ามั้ยครับ” คมเสนอขึ้น เพราะรู้แล้วว่าคนที่สั่งจ้างมาวางเพลิงเป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในเกาหลีใต้ ซึ่งมาเรียนที่ไทยแล้วถูกคนของกมลไล่ออกจากผับหลายคืนก่อน เนื่องจากไปกร่างในผับของกมล ทำให้อีกฝ่ายที่รู้ว่าเจ้าของผับเป็นใคร เลยอาศัยบารมีของพ่อตัวเอง มาแก้แค้นกมลเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับกมลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนอย่างเขาไม่มีวันให้ใครมาลูบคมเล่นแบบนี้

“ไม่เป็นไร ชั้นตั้งใจจะไปคุยเรื่องงานกับฮยอนซิกมันอยู่แล้ว” กมลบอกกลับ ก่อนจะสั่งงานและรับฟังรายงานจากลูกน้องแต่ละพื้นที่ของตนเอง ก่อนจะเลิกประชุมให้ทุกคนกลับไปทำงาน

“นายจะไปไหนต่อดีครับ” คมถามขึ้น กมลมองนาฬิกาข้อมือตนเอง

“ตอนแรกก็ตั้งใจจะกลับไปหาคิมล่ะนะ แต่ชั้นขอจัดการงานที่ค้างเอาไว้ก่อนล่ะกัน เพราะมะรืนนี้ต้องบินไปเกาหลีอีก อ่อ ช่วงที่แกต้องไปเกาหลีกับชั้น สั่งให้คนคอยติดตามคิมด้วยล่ะ อย่าให้หนีไปไหน ชั้นกลับมาไทยเมื่อไร ชั้นจะไปพาคิมมาอยู่ที่บ้านด้วยตัวชั้นเอง” กมลบอกกลับ เขาไม่อยากให้ลูกน้องไปเอาตัวคิมมา เพราะเขาไม่ต้องการให้คิมรู้สึกไม่ดี เขาต้องการพาคิมเข้าบ้านด้วยตัวเอง

“นายจะพาคุณคิมเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่เหรอครับ” คมถามออกมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยมีใครคนไหนได้เข้าไปอยู่ร่วมชายคาบ้านของเจ้านายตนเองเลยสักคน มีเพียงลูกน้องที่อาศัยอยู่บ้านเล็ก โดยรอบบริเวณบ้านใหญ่เท่านั้น

“ใช่ ทำไม” กมลถามกลับ

“นายจริงจังใช่มั้ยครับ” คมถามอีก กมลเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองลูกน้องคนสนิทของตนเองที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“แกก็รู้นะคม ว่าคนอย่างชั้น ถ้าไม่มั่นใจ ไม่จรังจัง ชั้นจะไม่ตัดสินใจแบบนี้” กมลบอกกลับ คมได้แต่ก้มหัวตอบรับ กมลหยิบแฟ้มประวัตของคิม ที่ให้คนไปสืบมาขึ้นมาดู รูปภาพของคิมตอนถูกแอบถ่ายทำให้กมลอดไม่ได้ที่จะลูบลงไปที่รูปภาพนั้น ก่อนจะเปิดอ่านรายละเอียดของคิมอีกครั้ง

“เดี๋ยวนะ โรงเรียนมัธยมที่คิมเรียนเป็นโรงเรียนเดียวกับที่ไอ้เดย์มันเรียน ตอนที่เข้ามาทำงานกับชั้นใหม่ๆนี่” กมลพูดบอกเมื่ออ่านชื่อโรงเรียนมัธยมที่คิมเคยเรียน

“ครับ เรียนห้องเดียวกัน กลุ่มเดียวกันด้วยครับ” คมตอบกลับเพรารู้รายละเอียดแล้ว

“อืม ไม่คิดว่าจะรู้จักกับคนใกล้ตัวเรานะ” กมลพูดพร้อมกับยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะนั่งไล่อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดติดใจอะไร ก่อนจะนั่งคุยงานและเคลียงานกับลูกน้องของตนเองต่อ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากที่เคลียงานแล้ว คมก็พากมลกลับมายังบ้านใหญ่ในช่วงหัวค่ำ กมลยังไม่คิดจะไปหาคิมในวันนี้ เพราะอยากให้คิมได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ

“น้ำค่ะคุณกมล” เสียงแม่บ้านของกมลดังขึ้นพร้อมกับยกน้ำมาให้กมลที่ห้องรับแขก ซึ่งกมลนั่งพักก่อนจะเตรียมขึ้นห้องนอนของตนเอง

“อ่าว ป้านี ป้ายังไม่กลับไปพักผ่อนอีกเหรอ” กมลถามขึ้นเพราะปกติแล้ว หลัง 1 ทุ่ม กมลจะให้แม่บ้านทุกคนกลับออกจากบ้านใหญ่เพื่อไปพักผ่อน อาจจะยกเว้นบางกรณีเท่านั้น

“ป้ารอคุยกับคุณกมลน่ะค่ะ” ป้านีบอกกลับ กมลขมวดคิ้วนิดๆ

“มีอะไร” กมลถามกลับไปอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของป้าแม่บ้านที่อยู่กับตนเองมานานมาก และไม่เคยคิดจะหนีหายไปไหน ยังคงอยู่ดูแลกมลมาโดยตลอด ซึ่งกมลก็นับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพียงแค่กมลไม่เคยมานั่งคุยเล่นด้วยเท่านั้นเอง

“คือ ป้าอยากจะขออนุญาตคุณกมล เอาหลานชายเข้ามาอยู่ด้วยคนได้มั้ยคะ นังบัวมันทิ้งลูกหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ เมื่อตอนสายๆ เจ้าใบบุญมายืนร้องไห้อยู่หน้ารั้วบ้าน ดีที่ป้าออกไปเจอซะก่อน ป้าพาเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณกมลก่อน ต้องขอโทษด้วยนะคะ” แม่บ้านสูงวัยพูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ

“บัวมันทิ้งลูกหนีไปไหน” กมลถามเสียงเครียดเพราะเขาเองก็รู้จักครอบครัวของแม่บ้านตนเองดี ลูกสาวของป้านี ตอนแรกก็อยู่ช่วยงานในบ้านของกมล แต่ก็ไปติดพันชายหนุ่มแถวๆนี้จนตั้งท้อง ป้านีเลยจัดการผูกข้อไม้ข้อมือแล้วให้ไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันข้างนอก เพราะไม่อยากให้เข้ามารบกวนกมล สามีของบัวเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว ตอนแรกกมลจะให้เรียกกลับมาอยู่กับป้านี แต่บัวไม่ยอมกลับเพราะกลัวว่าจะไม่มีอิสระ และตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่คิดว่าจะกล้าทิ้งลูกชายของตนเองไป

“ป้าก็ไม่รู้หรอกค่ะ ถามเจ้าใบบุญ รู้มาแค่ว่า นังบัวมันมีแฟนใหม่เป็นฝรั่ง บอกว่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกแต่หายไป 3 วัน ก็ไม่กลับมา เจ้าของบ้านเช่าก็มาทวงค่าห้อง ใบบุญมันก็ยังเด็กไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง เลยนั่งรถมาหาป้านี่แหละค่ะ” ป้านีบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ กมลรู้ว่าป้านีคงเสียใจกับสิ่งที่ลูกสาวทำกับหลานชายตัวเองไม่น้อย

“แล้วหลานป้าอยู่ไหนล่ะ” กมลถามอีก

“ป้าให้รออยู่ที่บ้านพักน่ะค่ะ ไม่กล้าให้มันเดินออกมาเพ่นพ่านกลัวคุณกมลจะไม่พอใจ” ป้านีบอกออกมาอย่างเกรงใจ

“งั้นผมขอคุยกับหลานชายของป้านีหน่อยสิ” กมลบอกกลับ ป้านีรีบไปตามหลานชายตนเองทันที

“นายจะรับหลานป้านีไว้เหรอครับ” คมถามขึ้น

“อืม ก็ว่าจะรับ ชั้นเลี้ยงคนมาเยอะแยะ จะเลี้ยงเด็กอีกคนคงไม่เป็นไร” กมลบอกกลับ สักพัก ป้านีก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าใสแต่มีรอยคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้า

“ยกมือไหว้คุณเค้าสิใบบุญ” ป้านีพูดบอกหลานชาย

“สะ…สวัสดีฮะ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้กมลแล้วก็คมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ใบบุญรู้สึกกลัวคมไม่น้อย เพราะคมมองมาด้วยสายตานิ่งๆ แถมยังมีหนวดเคราเต็มใบหน้า

“ชื่ออะไร” กมลถามขึ้น

“บะ..ใบบุญฮะ” เด็กหนุ่มตอบกลับ

“อายุเท่าไร” กมลถามอีก

“15 ฮะ” ใบบุญตอบเสียงแผ่วๆ พร้อมกับเกาะป้าตนเองที่ยืนอยู่แน่น

“ได้เรียนรึเปล่า” กมลถามเสียงเรียบ

“ระ..เรียนฮะ…แต่ไม่ได้ไปโรงเรียนมา 2 อาทิตย์แล้ว” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับดวงตาที่หม่นลง

“ทำไม” กมลยังคงถามสั้นๆ

“แม่ไม่มีเงินให้ไปเรียนฮะ” เด็กหนุ่มตอบออกมาอีก กมลเลิกคิ้วนิดๆ

“ป้าก็ไม่รู้ว่ามันเอาเงินไปทำอะไรค่ะคุณ ทั้งๆที่ป้าก็โอนเงินให้มันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเหมือนกัน” ป้านีบอกกลับ กมลถอนหายใจออกมาเบาๆ

“แล้วข้าวของของหลานป้าล่ะ” กมลถามเสียงเครียด เขาไม่ชอบใจเลยเมื่อรับรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าถูกแม่ทอดทิ้ง เพราะมันทำให้เขานึกถึงตัวเอง กมลเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกแม่แท้ๆเอาไปทิ้งที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า กมลจึงโตขึ้นมาท่ามกลางเด็กกำพร้าอีกหลายคน จนเรียนจบมอ 6 กมลก็ออกมาจากที่นั่น ดิ้นรนเลี้ยงชีพตัวเองเดินเข้าเส้นทางมืดจนมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวเอง แล้วกมลก็กลับไปช่วยเหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เคยเลี้ยงตนเองมาอยู่เป็นประจำ

“ไม่ได้เอามาเลยสักอย่างค่ะ ใบบุญมันกลัวว่าเจ้าของห้องเช่าจะหาว่ามันหนีไม่ยอมจ่ายค่าเช่าห้อง” ป้านีบอกอีก กมลนั่งนิ่งไปสักพัก

“คม” กมลเรียกลูกน้องคนสนิท

“ครับ” คมตอบรับ

“พรุ่งนี้แกไปจัดการเรื่องค่าเช่าห้องแล้วขนของใบบุญที่ห้องเช่า ย้ายมาอยู่กับป้านีที่บ้านพัก แล้วพาไปย้ายออกจากโรงเรียนเดิม ไปเข้าที่โรงเรียนNNN” กมลพูดสั่งออกมาเสียงจริงจัง

“คุณค่ะ แค่ให้ใบบุญย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กับป้าก็พอแล้วล่ะคะ ส่วนเรื่องโรงเรียนเดี๋ยวป้าจัดการเอง” ป้านีบอกออกมาอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรป้า ผมจะส่งให้เรียนเอง ไม่ต้องห่วง” กมลบอกกลับ ทำให้ป้านีน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ

“ค่ะ ป้าต้องขอบคุณคุณกมลมากนะคะ” ป้านียกมือไหว้กมล ซึ่งกมลก็รีบยกมือรับไหว้ทันที

“ใบบุญ ขอบคุณคุณเค้าสิลูก” ป้านีพูดบอกกับหลานชาย ใบบุญรีบยกมือไหว้กมลอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณฮะ” ใบบูญบอกเสียงสั่น

“ไม่เป็นไร เข้ามาอยู่ที่นี่อย่าสร้างเรื่องอะไรล่ะ รู้มั้ย ไม่งั้นจะให้คมจัดการ” กมลแกล้งขู่ ใบบุญหันไปมองหน้าคมก็สะดุ้งนิดๆ พร้อมกับหลบหลังยายตนเอง

“ฮะ..ใบบุญจะไม่สร้างเรื่องฮะ” เด็กหนุ่มร่างเล็กบอกกลับเสียงสั่น กมลยิ้มนิดๆ เขาคิดว่าตนเองมองเด็กตรงหน้าไม่ผิด ใบบุญดูท่าจะเป็นเด็กดีไม่น้อย ถึงทำให้กมลยอมรับให้เข้ามาอยู่ในความปกครองของตนเอง

“ป้าพาหลานไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าผมจะให้คมพาไปจัดการเรื่องห้องเช่า” กมลบอกออกมาอีก ป้านีกับใบบุญยกมือไหว้กมลอีกครั้ง ก่อนจะพากันเดินออกไปยังบ้านพัก

“คม ฝากนายจัดการเรื่องนี้ ด้วยล่ะกัน ชั้นไปพักผ่อนก่อนล่ะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน” กมลพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตนเองด้วยความเพลียไม่น้อย กมลเข้ามาในห้อง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาใครบางคน

(“สวัสดีครับ”) เสียงหวานหูรับสาย ทำให้กมลยิ้มออกมานิดๆ

“เตรียมตัวเก็บของรึยัง” กมลถามกลับไป

(“คุณกมล!”) เสียงหวานเมื่อสักครู่กลายเป็นเสียงห้วนทันที

“หึหึ ดีใจนะที่นายจำได้ว่าเป็นชั้น” กมลบอกกลับไป

(“คุณเอาเบอร์ผมมาจากไหน”) คิมถามกลับมาเสียงแข็ง

“ขนาดที่อยู่นายชั้นยังหาได้ นับประสาอะไรกับแค่เบอร์โทรล่ะ คิม” กมลพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ

2  Be   Con

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love]

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love]

มาแล้วคร่า สำหรับคู่ใหม่ในนิยาย Yaoi ของ ยอนิม ถ้าใครเคยอ่าน รักโคตรๆ โหดอย่างมึง มาก่อนแล้ว คงรู้ดีว่า “กมล” กับ “คิม” คือใคร ยังไงยอนิมก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องนะคะ อาจจะไม่สนุกนัก อาจจะซ้ำซาก ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset