ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 10 คุณรู้ไหมคุณจากไปนานแค่ไหนแล้ว

พื้นที่ภายในรถค่อนข้างปิดมิดชิด ต่อให้เฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้เปิดลำโพง เฉินเป่ยชวนก็ได้ยินทุกคำพูดของลู่ฉี ไม่มีการตกหล่นอยู่ดี ซึ่งแต่ละคำพูดนั้นแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยไม่จบไม่สิ้น ทำให้สีหน้าของเขาอึมครึมในทันที

เฉินเป่ยชวนเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่ง ความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นสร้างความตกใจให้

เฉียวชูเฉี่ยนเป็นอย่างมาก

เธอหันข้างไปก็เห็นเฉินเป่ยชวนจุดไฟบุหรี่ด้วยมือเดียว สีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่คงที่

“ฉี เดี๋ยวถึงบ้านค่อยคุยกันอีกทีนะคะ” เฉียวชูเฉี่ยนวางโทรศัพท์โดยเร็วแล้วหาที่จับยึดเอาไว้ให้แน่น

เธอกลัวตอนเฉินเป่ยชวนขับรถเป็นที่สุด

ภายในรถยังคงความเงียบสงัด ชนิดที่หากมีเข็มตกซักเล่มก็ยังได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ ก็มีเสียงอันแสนเยือกเย็นของชายหนุ่มดังขึ้นมา

“เฉียวชูเฉี่ยน คุณรู้ไหมคุณจากไปนานแค่ไหนแล้ว?”

เฉียวชูเฉี่ยนเงียบ

ซักพักใหญ่ๆ เธอจึงตอบกลับไปว่า “เจ็ดปีค่ะ”

“คือ 2,555 วันกับอีก 4 ชั่วโมงต่างหาก!”

เฉินเป่ยชวนแก้คำพูดของเธอ เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวง จากนั้นก็กระจายไปทั่วคันรถ และเข้าจมูกของเฉียวชูเฉี่ยน ทำให้เธอสำลักควันออกมา

“แค่กๆ”

เฉินเป่ยชวนมองเธอด้วยสายตาที่เหยียมหยาม จากนั้นก็ส่งเสียงที่แสนเย็นชาออกมาว่า “หรือพอเห็นว่าลู่ฉีอยู่ในซั่นเป่ยอย่างมั่นคงแล้ว ถึงยอมกลับมา?”

“ฉันจะจากไปนานแค่ไหนหรือกลับมาแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับประธานเฉินนี่คะ”

เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบวิธีการพูดที่เจ็บแสบและเย็นชาเช่นนี้ของเขาเลย พูดจาแต่ละทีมักจะติดคำพูดเชิงยั่วยุมาด้วย

“ไม่ เกี่ยว กับ ผมหรือ?” เฉินเป่ยชวนทวนคำพูด

เขาราวกับได้ยินคำพูดที่ตลกขบขันบางอย่าง จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะแต่เย็นเฉียบ และมือที่กุมพวงมาลัยอยู่ก็ปรากฎเส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นมา

เขาเหยียบเบรกอย่างแรง เฉินเป่ยชวนไม่ทันตั้งตัว ลำตัวจึงพุ่งออกไปด้านหน้า

ขณะที่เธอเกือบจะพุ่งไปชนกระจกรถ ได้มีมือใหญ่มารองเอว แล้วดันเธอกลับเข้าไป

หลังของเฉียวชูเฉี่ยนชนถูกเบาะรถอย่างจัง เธอเจ็บจนต้องส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นก็มีเสียงของเฉินเป่ยชวนดังมาจากท้องฟ้าที่ห่างไกล เป็นน้ำเสียงที่ทั้งดุดันและชวนเจ็บปวดยิ่งนัก

“เฉียวชูเฉี่ยน คุณรู้ไหมตอนที่ผมได้เห็นหน้าคุณอีกครั้ง ผมอยากจะบีบคุณให้ตายมากขนาดไหน!”

เพราะเธอ วันคืนที่ผ่านไปอย่างนับไม่ถ้วน ที่ใจเขาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด!

“……หรือค่ะ?”

เฉียวชูเฉี่ยนหยุดดิ้นรน แล้วลดสายตาลงในทันที

“แต่เมื่อจากคุณไป ฉันรู้สึกมีความสุขมากค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจ เฉินเป่ยชวนก็รู้สึกทั้งพ่ายแพ้และโกรธเคือง ความเย็นชาตามร่างกายราวกับไหลบ่าออกมา

ฉับพลันนั้นเขาก็ยื่นมือมาจับตัวเธอและก้มศีรษะลง

“เฉินเป่ยชวน……คุณปล่อย……”

เธอผลักเขาด้วยสองมือเพื่อหยุดการตอบโต้ของเขา

แต่เฉินเป่ยชวนกดเธออย่างแรง ไม่ยินยอมให้เธอขัดขืนแม้เพียงครึ่งเสี้ยว

อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงคืนวันแต่งงานเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมา จากนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดยั้งแต่ไร้เสียง น้ำตาไหลไปโดนหน้าของเฉินเป่ยชวน

“เฉินเป่ยชวน คุณยังคิด……”

เขาหยุดการเคลื่อนไหว และจ้องมองเธอด้วยสีหน้าอึมครึมในทุกถ้อยทุกคำ “ผม……คุณ?”

“ไม่ใช่หรือคะ?” เธอมองเข้าไปในนัยน์ตาเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า “คุณเคยคำนึงถึงความต้องการของฉันเสียเมื่อไหร่กันคะ?”

รวมถึงครั้งนั้นที่ทำให้เธอต้องท้องจิ่งเหยียน

“เหอะ……” หลังจากที่ได้ยิน เฉินเป่ยชวนก็ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา

ถ้าหากเธอไม่พูดออกมา เขาคงไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกบีบบังคับในทุกๆ ครั้ง?

เฉินเป่ยชวนในครานี้ปราศจากความร้อนที่แผดเผาคนอีกแล้ว แต่ราวกับทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแต่เพียงความเปราะบางและเยือกเย็น

“ลงจากรถ!”

จู่ๆ เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นราวกับเกล็ดน้ำแข็งที่บางเบา

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset