หลังจากหมอออกไปแล้ว เฉินเป่ยชวนจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย
เจ้าตัวน้อยกุมมือข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือของเฉียวชูเฉี่ยนไว้แน่นเพื่อคอยปกป้องเธออย่างเต็มที่ เมื่อเห็นเฉินเป่ยชวนเดินเข้ามาก็หันไปแยกเขี้ยวใส่ “ผมจะบอกให้หม่ามี๊คืนเงินค่ารักษาให้คุณตอนหม่ามี๊ตื่น อย่าคิดว่าผมจะขอบคุณคุณซะให้ยาก!”
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่อยู่ๆ ก็ขับรถมา หม่ามี๊คงไม่เป็นลมไปอย่างนี้!
เฉินเป่ยชวน “…”
เจ้าหนูน้อยคนนี้วางตัวเป็นศัตรูกับเขาเต็มที่
เฉินเป่ยชวนเดินเข้าไปใกล้ๆ และเห็นว่าสีหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนที่นอนอยู่บนเตียงดีขึ้นกว่าเดิมมาก ใบหน้าเรียวสีขาวอมชมพูที่มีขนาดพอๆ กับฝ่ามือของเขาและคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยของเธอทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แน่นอนว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนี้ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับเธอเขากลับอดเป็นห่วงไม่ได้
“คุณลุงนิสัยไม่ดี อย่ามาแตะต้องหม่ามี๊ผมนะ!”
เมื่อเห็นเฉินเป่ยชวนโน้มตัวลงมา เฉียวจิ่งเหยียนจึงรีบวิ่งเข้าไปผลักชายหนุ่มเพราะคิดว่าเขาจะทำอะไรหม่ามี๊ของตน
“ผมโทรไปหาคุณอาลู่ฉีแล้ว ถ้าคุณกล้าทำอะไรหม่ามี๊ละก็ ผมจะให้คุณอาลู่ฉีจัดการคุณ!”
เฉินเป่ยชวนก้มหน้ามองเมื่อได้ยินเจ้าตัวน้อยพูดอย่างโกรธจัด
เฉียวจิ่งเหยียนมีผมดกสั้น ใบหน้าเล็กๆ นั้นจ้ำม่ำทว่าดูอ่อนโยนและน่ารักน่าหยิก คิ้วเล็กๆ ของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ
ยิ่งมอง เฉินเป่ยชวนก็ยิ่งคิดว่าเจ้าตัวน้อยหน้าตาคล้ายเขามาก คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนเห็นรอยย่นคั้นกลางระหว่างคิ้วสามเส้น ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พ่อของเธอเป็นใครหรือ?”
“ฮึ! ยังไงก็ไม่ใช่คุณแน่นอน!”
เจ้าหนูเฉียวเบ้ปากทำหน้ามุ่ย ความจริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อของเขาเป็นใคร จึงพูดไปเรื่อยว่า “ผม… ผมมั่นใจว่าผมต้องเป็นลูกของหม่ามี๊กับคุณอาลู่ฉีแน่ๆ!”
เฉินเป่ยชวนหรี่ตามองและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “แล้วทำไมเธอถึงเรียกเขาว่าอาล่ะ?”
“ผม ผม…”
เจ้าตัวน้อยตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม สุดท้ายจึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธแล้วใช้มือเล็กๆ อูมๆ ออกแรงผลักที่ขาของเขา
“คุณน่ารำคาญจังเลย รีบออกไปเลยนะ หม่ามี๊ของผมไม่อยากเจอคุณ”
ไม่ว่าจะทำอย่างไร ขายาวๆ ทั้งสองข้างของเฉินเป่ยชวนก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่ว่าเจ้าตัวน้อยจะพยายามผลักแค่ไหนมันก็ไม่ขยับเลยจนนิดเดียว เจ้าตัวน้อยเลยยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“ถ้าคุณไม่ออกไป ผมจะร้องเรียกหมอ แล้วบอกว่าคุณขับรถชนหม่ามี๊!”
ท้ายที่สุดเฉินเป่ยชวนก็ยอมให้เจ้าตัวน้อย เขาก้าวออกมาและอาศัยช่วงที่เจ้าตัวน้อยไม่ทันระวัง ดึงผมของเขาจนหลุดติดมือมาก่อนจะใส่ลงในกระเป๋ากางเกง แล้วก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
กว่าเฉียวจิ่งเหยียนจะร้อง ‘โอ๊ย’ ด้วยความเจ็บแล้วเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มก็เดินไปไกลแล้ว เจ้าตัวน้อยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ครั้งหน้าอย่าให้ผมเจอคุณอีกนะ ไม่งั้นผมจะต่อยคุณแน่!”
หลังออกจากโรงพยาบาล เฉินเป่ยชวนรีบขับรถกลับไปบริษัททันที
ลินดายังอยู่ที่บริษัทเพื่อจัดการเอกสารต่างๆ เมื่อเห็นเฉินเป่ยชวนกลับมาอีกครั้งจึงคิดว่าเขาคงมีเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน แต่กลับเป็นว่าเฉินเป่ยชวนเพียงแค่ยื่นถุงใสใบเล็กส่งให้เธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความถมึงทึง
“ส่งไปให้เย่อันทันที บอกเขาว่าฉันต้องการรู้ผลอย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์หน้า!”
น้ำเสียงของชายหนุ่มแข็งกร้าวจนเกือบทำให้ลินดาตกใจ
เธอรีบตอบรับ ยื่นมือไปรับถุงใสที่มีเส้นผมอยู่สองเส้นแล้วออกไปอย่างรีบร้อน
เฉินเป่ยชวนหันกลับไปมองแสงอาทิตย์ยามเย็นภายนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นก็กำมือที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงแน่นขึ้น ความรู้สึกอึดอัดที่สะกดกลั้นเอาไว้เหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เฉียวชูเฉี่ยน อย่าให้ฉันรู้เชียวนะว่าเธอทำอะไรลงไป!
……
เฉียวชูเฉี่ยนลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อน้ำเกลือขวดที่สองใกล้จะหมด
ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิท ไฟในห้องผู้ป่วยถูกเปิดไว้และกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื่อฉุนจนแตะจมูก
“ตื่นแล้วเหรอฮะหม่ามี๊?”
เฉียวจิ่งเหยียนที่กำลังเท้าคางอย่างง่วงหงาวหาวนอนรีบปีนขึ้นไปเตียงคนไข้เมื่อเห็นเฉียวชูเฉี่ยนตื่นขึ้นมา เขาใช้มืออังที่หน้าผากของเธอ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “หม่ามี๊ยังรู้สึกไม่สบายอยู่มั้ย?”
เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มพลางส่ายหน้า คว้ามือเล็กๆ ของเขามาจูบ “ไม่แล้ว หม่ามี๊ดีขึ้นแล้ว”
“เฉียวชูเฉี่ยน เธอโตขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี!”
เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนมองไปที่ต้นเสียงก็เห็นเหยียนสือเซี่ยผลักประตูเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง เธออยู่ในชุดทำงานพร้อมหิ้วของกินไว้ในมือ
“แม่ทูนหัว!” เฉียวจิ่งเหยียนเรียกเธอเสียงหวานและรีบวิ่งไปรับอาหารในมือของเหยียนสือเซี่ยมาถือไว้
เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องอย่างดีใจ “ยอดไปเลย แม่ทูนหัวมีเนื้อมาให้กินจริงๆ ด้วย!”