ช่วงนี้เหยียนสือเซี่ยกินอาหารที่มีแคลลอรี่สูงไม่ได้เพราะกำลังลดความอ้วน เธอปล่อยให้สองแม่ลูกนั่งกินอาหารบนเตียง ส่วนตัวเองลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งปอกแอปเปิ้ลกิน
“เป็นไง บริษัทใหม่กดดันมากจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ฮะคุณแม่ทูนหัว”
เฉียวจิ่งเหยียนยัดไก่หนึ่งชิ้นเข้าปากและพูดทั้งๆ ที่อาหารยังเต็มปากว่า “ผมกับหม่ามี๊กำลังไปเอารถที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน แล้วมีคุณอานิสัยไม่ดีคนหนึ่งขับรถตรงเข้ามา ทำให้หม่าม๊าตกใจจนเป็นลม”
เหยียนสือเซี่ย “…”
ใบหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนแดงขึ้นเล็กน้อย พูดอย่างเก้อๆ ว่า “แค่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ กินยาแล้วค่อยดีขึ้นนิดนึง อาจเป็นเพราะอากาศที่ลานจอดรถไม่ค่อยถ่ายเทด้วยก็เลยเป็นลม”
“ฮึ คุณอานิสัยไม่ดีคนนั้นทำให้หม่ามี๊ตกใจ!”
เจ้าตัวน้อยพูดอย่างขุ่นเคือง เคี้ยวอาหารเต็มปากจนแก้มป่อง
“เขาฉวยโอกาสตอนหม่ามี๊หลับจะลวนลามหม่ามี๊ด้วย น่าเกลียดมาก! ถ้าเจอกันครั้งหน้าผมจะไม่ปล่อยเขาไว้เด็ดขาด!”
เหยียนสือเซี่ยเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา ถามไปว่า “จริงเหรอ แล้วอาคนนั้นเขาหล่อหรือเปล่า”
“…หล่อกว่าคุณอาลู่ฉีนิดนึง แต่นิสัยแย่มากๆ ฮะ”
เจ้าตัวน้อยพูดจบจึงนึกได้ว่ามีบางอย่างทะแม่งๆ จึงมองไปที่เหยียนสือเซี่ยอย่างตำหนิ “คุณแม่ทูนหัวโฟกัสผิดจุดหรือเปล่าฮะ”
“ก็ถ้าคุณอาคนนั้นหล่อ หม่ามี๊ของหนูก็โชคดีไป!”
เหยียนสือเซี่ยหัวเราะขำๆ เงยหน้าและเอื้อมมือไปขยี้ผมของเจ้าตัวน้อย “ยิ่งถ้ารวยด้วย แล้วได้มาเป็นพ่อใหม่ของจิ่งเหยียนของพวกเราก็คงดีมากๆ เลยเนอะ! ว่าไหม?”
“ผมไม่อยากได้!” เจ้าตัวน้อยพูดอย่างโกรธจัดแล้วจับมือของเหยียนสือเซี่ยออก
แม้ว่าคุณอาคนนั้นจะหล่อแค่ไหนแต่ก็เป็นคนนิสัยไม่ดี ยังไงเขาก็ยังชอบอาลู่ฉีมากกว่าอยู่ดี ฮึ!
หลังจากรับประทานอาหารกับเจ้าตัวน้อยแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนจึงไปทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าพยาบาลที่ช่องเก็บเงินบอกกับเธอว่า “สามีของคุณเพิ่งชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดไป เขาจ่ายค่าพักรักษาตัวล่วงหน้าสำหรับสามวันไว้แล้วด้วย เดี๋ยวฉันจะคืนส่วนต่างให้คุณนะคะ”
สามี?
เฉียวชูเฉี่ยนงุนงงและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “คือ… ฉันไม่มีสามีค่ะ น่าจะมีอะไรผิดพลาดนะคะ”
“แต่เขาจ่ายเงินให้คุณแล้วจริงๆ นะคะ บนใบเสร็จก็เขียนเป็นชื่อคุณทั้งหมด” นางพยาบาลงงไปเหมือนกัน พูดจบก็ส่งใบเสร็จและเงินส่วนต่างคืนให้เธอผ่านช่องจ่ายเงิน “บางทีอาจจะเป็นเพื่อนของคุณ ยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ”
เหยียนสือเซี่ยจูงเจ้าตัวน้อยเดินมาหาแล้วเลิกคิ้ว “ว่าไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร” เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มน้อยๆ รับเงินและใบเสร็จมาใส่ลงในกระเป๋าก่อนจะเดินไปหาเธอ “ไปกันเถอะ”
เมื่อมาถึงบ้าน เจ้าตัวน้อยก็หอมแก้มเหยียนสือเซี่ยไปฟอดใหญ่และกระโดดลงจากรถอย่างกระฉับกระเฉง
“เฉี่ยนเฉียน” เหยียนสือเซี่ยเรียกเฉียวชูเฉี่ยนตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาลู่ฉีดีกับเธอมาก เธอควรเห็นใจเขาบ้างนะ ผู้ชายแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ เธอ… ลองเก็บไปคิดดูนะ”
คำพูดของเธอทำให้เฉียวชูเฉี่ยนนิ่งงันไปชั่วขณะ เธอเม้มริมฝีปากก่อนจะบอกว่า “โอเค ฉันเข้าใจละ เธอกลับดีๆ นะ”
เจ้าตัวน้อยไม่อยากให้เฉียวชูเฉี่ยนต้องคอยดูแล จึงจัดการอาบน้ำสระผมด้วยตัวเองอย่างรู้งาน
เฉียวชูเฉี่ยนเข้าไปอุ่นนมในครัวมาแก้วหนึ่งแล้วถือเข้าไปในห้องนอน ขณะนั้นโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็สั่นขึ้นมาสองครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูจึงเห็นบนหน้าจอแจ้งเตือนว่ามีข้อความจากลู่ฉี
ลู่ฉี : ถึงเมียนมาร์แล้ว เลือกจี้หยกเพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่มาให้เจ้าตัวน้อยด้วย
อีกข้อความหนึ่งคือ ‘คิดถึงคุณ’
เฉียวชูเฉี่ยนมองข้อความนั้นอย่างเลื่อนลอยอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียง ไม่รู้จริงๆ ว่าควรตอบกลับไปอย่างไร
เมื่อกลับมา เธอพยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองและพยายามจะลองเปิดใจยอมรับลู่ฉี
ทว่าการที่เฉินเป่ยชวนล่วงเกินเธออีกครั้งหลังจากผ่านมาเจ็ดปี ทำให้ภูมิคุ้มกันที่เฉียวชูเฉี่ยนสร้างเอาไว้ในใจค่อยๆ พังทลายลง
แม้จะแยกห่างกันเป็นเวลานาน แต่นามของผู้ชายที่ชื่อเฉินเป่ยชวนยังคนถูกซ่อนเอาไว้ลึกๆ ภายในใจของเธออย่างยากที่จะลืม
……
ลินดาบอกว่าเฉินเป่ยชวนจะไปเข้าร่วมการประชุมที่นิวซีแลนด์ในอีกสามวันข้างหน้า ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกยินดีที่ไม่ต้องเจอเขาในช่วงที่ตนเองอารมณ์ไม่ดี หากมีเรื่องอะไรก็แค่ต้องส่งอีเมลหาเท่านั้น
เฉียวชูเฉี่ยนเรียนรู้ที่จะจัดการทุกอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาแค่สามวัน การเรียนรู้ที่รวดเร็วนี้ทำให้ลินดาประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันได้จะรายงานท่านผู้อำนวยการ เพราะพรุ่งนี้ก็จะไม่อยู่แล้ว”
“เบื้องต้นไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนบอกพลางขมวดคิ้วมุ่นขณะพลิกแฟ้มเอกสารในมือ “แต่ว่าลินดา… บริษัทของเราได้ร่วมงานกับบริษัทหมิงลี่จิวเวลรี่หรือเปล่าคะ?”
ลินดาพยักหน้าและตอบว่า “ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่บางครั้งนางแบบในสังกัดก็เรื่องมากไปหน่อย หมิงลี่จิวเวลรี่ไม่ได้ทำกำไรอีกแล้ว พวกเขาเลยไม่ได้ร่วมงานกับเรามาเกือบปีแล้วละ”
เฉี่ยวชูเฉี่ยนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อได้ยินเช่นนี้