ตอนที่เดินขึ้นไปชั้นบนเธอมองไปรอบๆ จุดจอดรถแต่ไม่เห็นรถของลู่ฉีจึงไม่คิดว่าเขาจะรออยู่ที่ชั้นล่างจริงๆ
“เข้าใจละ ขอบคุณนะลินดา”
ไม่ว่าสถานะของเธอจะเป็นอย่างไรแต่ท่าทีของลินดาที่มีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไป
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ลินดาพูดด้วยรอยยิ้มและหมุนตัวออกไปจากห้องทำงาน
ตอนนี้เธอควรรีบลงไปชั้นล่างเพื่อพบลู่ฉี แต่เมื่อมองไปที่ห้องทำงานข้างๆ ก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
ฉึบ!
บานเกล็ดในห้องทำงานข้างๆ ปิดลงอย่างกะทันหันจนบดบังการมองเห็นของเธอ
เฉียวชูเฉี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอลุกจากเก้าอี้แล้วเดินลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ว่ามีใครบางคนยืนมองอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในห้องข้างๆ เขามองไปที่ด้านล่างด้วยสายตาดุร้าย ความโกรธที่ฉายอยู่ในแววตาไม่อาจปิดบังความไม่พอใจที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ได้
ลู่ฉีที่รออยู่ข้างล่างไม่ได้ขับรถมา เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนทั้งคืนจนนัยน์ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอน จากที่เคยเป็นคนที่เคยมีพลังใจเหลือล้นในตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ดูจนตรอก
“ฉี คุณต้องการพบฉันเหรอ”
เฉียวชูเฉี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าลู่ฉี เธอไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ เพราะเรื่องที่เธอปฏิเสธเขาไปเมื่อวันก่อนและเรื่องในอดีตของเธอกับเฉินเป่ยชวน
“ทำไมล่ะ… ทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่าคนที่คุณเคยแต่งงานด้วยคือเฉินเป่ยชวน”
น้ำเสียงของลู่ฉีเผยให้เห็นความร้อนรนหลังจากได้รับความเจ็บปวด เขาเอื้อมมือไปคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วเค้นถามถึงเหตุผล แม้ว่าก่อนหน้านี้ลึกๆ ในใจจะพอคาดเดาได้บ้างแต่เขาก็ยังมีความหวังว่าว่าตนเองอาจจะยังมีโอกาส คิดว่าบางทีเขาอาจจะคิดไปเอง เฉี่ยนเฉียนและเฉินเป่ยชวนไม่รู้จักกันและเฉินเป่ยชวนก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
แต่การแถลงข่าวเมื่อวานนี้กลับทำลายความหวังของเขาไปจนหมดสิ้น เมื่อ 8 ปีก่อนคนที่เฉี่ยนเฉียนแต่งงานด้วยคือเขา!
“เฉี่ยนเฉียน บอกผมทีว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงต้องแต่งงานกับเฉินเป่ยชวนด้วย”
เขาและเฉี่ยนเฉียนสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเขาคิดจะสารภาพความในใจกับเธอเมื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัย แต่ในตอนนั้นเขาคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปจึงรออย่างไม่รีบร้อนและวางแผนจะขอแต่งงานหลังจากที่เธอเรียนจบ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขารวบรวมความกล้าเข้าไปพบพ่อแม่ของเธอที่ตระกูลเฉียว พวกเขาจะบอกว่าเฉี่ยนเฉียนแต่งงานไปแล้ว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแต่งงานไปตั้งแต่เมื่อไหร่และแต่งงานกับใคร
เขาโศกเศร้าอยู่เป็นนานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นกับตระกูลเฉียว การตายของผู้ใหญ่ในตระกูลของเธอทำให้เขาตื่นจากความเจ็บปวด แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นไม่นานเฉี่ยนเฉียนจะหายตัวไปจากซั่นเป่ย
ตอนที่เขาพบเธออีกครั้งเธอหย่าขาดจากเขาแล้วและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในต่างแดนกับลูกของเธอ
มีหลายครั้งที่เขาอยากถามถึงพ่อของเด็ก อยากรู้ว่าผู้ชายที่ได้แต่งงานกับเธอแต่กลับไม่เห็นคุณค่าของเธอคนนั้นมันเป็นใคร แต่เขาก็ไม่เคยถาม ในแง่หนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการสะกิดรอยแผลของเธอและในทางกลับกันมันก็เป็นเพราะความมั่นใจของเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
แม้ว่าเธอจะเคยแต่งงานมาแล้ว แม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นไหวกับใครคนนั้น แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะทำให้เธอลืมอดีตที่เลวร้ายและลืมคนที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้เธอได้
แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอแต่งงานด้วยจะเป็นเฉินเป่ยชวน
ผู้ชายที่ทำลายความมั่นใจของเขาจนย่อยยับ
เฉียวชูเฉี่ยนไม่อยากจะตอบคำถามนี้ แต่แรงบีบที่กดลงมาบนไหล่ของเธอบังคับให้เธอต้องตอบ
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด “เพราะรัก เพราะว่าฉันรักเฉินเป่ยชวน ฉันจึงแต่งงานกับเขา”
เธอตกหลุมรักเฉินเป่ยชวนตั้งแต่แรกเห็นที่งานเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน ด้วยเหตุนี้เธอจึงแอบสนใจเขามาตลอด และหยิบยกเรื่องการแต่งงานกับตระกูลเฉินมาเสนอกับพ่อของตนในเวลาต่อมาเพราะเธอต้องการแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรัก
เพราะความคิดโง่ๆ ที่คิดว่าถ้าเธอรักเขาเขาก็จะรักเธอตอบ ถึงแม้ว่ามันจะดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ผลสุดท้ายก็มักจะมีความสุขเสมอ
แต่โลกแห่งความเป็นจริงได้บดขยี้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเพ้อฝันของเธอจนแหลกสลาย
คนที่เฉินเป่ยชวนไม่รัก ต่อให้เธอจะรักเขาจนตายยังไงเขาก็ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่สะเทือนใจลู่ฉีอย่างรุนแรง เมื่อเขาได้ยินคำว่ารักที่เปล่งออกมาจากปากของเธอ สุดท้ายเธอก็ยอมรับว่าเธอรักเฉินเป่ยชวน!
“ฉีฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ต้องการจะปิดบังอดีตของตัวเอง ฉันแค่คิดว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง และทำให้คนบางคนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีความสำคัญ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
ลู่ฉีรู้ว่าเธอยังมีบางอย่างที่อยากพูด เขารู้ว่าประโยคนั้นมันจะทำให้เขาเจ็บปวด แต่เขาก็ยังถาม
“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเวลาไม่ได้เยียวยาทุกสิ่ง คนบางคนเปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตขึ้นในใจ นอกเสียจากว่าจะตาย ต่อให้มีแค่ความอบอุ่นและความชุ่มชื้นเพียงเล็กน้อย มันก็ยังคงแตกหน่อและเติบโตต่อไปได้”
เช่นเดียวกับเฉินเป่ยชวนที่ผ่านมาแล้วเจ็ดปีแต่เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้ แม้ว่าจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อได้พบกันอีกครั้งหัวใจของเธอก็กลับสูญเสียการควบคุมได้อย่างง่ายดาย
มือใหญ่ของลู่ฉีที่บีบไหล่ของเธอไว้หล่นลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างกายราวกับหมดสิ้นแล้วซึ่งพละกำลัง เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากดูเหมือนจะสั่นสะท้าน
“เฉี่ยนเฉียนคุณโหดร้ายกับผมมาก”
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใจแข็งพอที่จะทำร้ายจิตใจคุณ”
มีเสียงอันปวดร้าวดังมาจากริมฝีปากที่สั่นระริกของเขา และรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างไม่เห็นค่าของตัวเองก็ฉายขึ้นมาในแววตาคู่นั้น เธอพูดถึงขนาดนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก เขาไม่ต้องการเห็นเธอเจ็บปวด และไม่มีทางขุดรากถอนโคนไอ้เมล็ดพันธุ์บ้านั่นออกไปจากหัวเธอใจของเธอได้ จึงทำได้แต่เพียงเฝ้ามองหัวใจของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดพันธุ์นั้นอีกครั้ง
ไม่มีแม้แต่พื้นที่เล็กๆ เหลือไว้สำหรับเขา
“ฉันขอโทษ”
นอกจากคำว่าขอโทษแล้วเฉียวชูเฉี่ยนก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก เธอถูกลิขิตไว้แล้วให้ต้องทำร้ายลู่ฉี และได้แต่หวังว่าหลังจากวันนี้เขาจะเข้าใจว่าเธอไม่มีวันมอบความสุขอย่างที่เขาต้องการให้ได้
ลู่ฉีเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมและดูเหมือนจะมีน้ำตาคลอแต่ทว่าไม่ถึงกับเอ่อล้นจนหยดลงมา “ไม่จำเป็นต้องขอโทษผม เป็นผมที่ไปรักคุณเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
เป็นเขาเองที่ตกหลุมรักเด็กสาวที่ชื่อเฉียวชูเฉี่ยนมาเนิ่นนาน
เป็นเขาเองที่รู้ว่าเธอแต่งงานมีลูกแล้วแต่ก็ยังลืมเธอไม่ได้
เป็นเขาเองที่ยืนหยัดเฝ้ารออย่างเงียบๆ ตลอดมาเพื่อรอวันที่ดอกไม้ผลิบาน
เฉี่ยนเฉียนไม่เคยตอบรับความรู้สึกของเขาและไม่เคยให้คำมั่นสัญญาใดๆ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง
เฉียวชูเฉี่ยนอยากให้ลู่ฉีต่อว่าเธอมากกว่าจะอยากได้ยินคำพูดเช่นนั้น เพราะนั่นยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจและรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“ลู่ฉี ต่อจากนี้ขอให้เราเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเถอะนะ”
เธอไม่อาจทำร้ายลู่ฉีและไม่อาจเป็นเพื่อนที่เห็นแก่ตัวได้อีกต่อไป บางทีถ้าเธอตัดขาดจากเขาอย่างสิ้นเชิงเขาอาจจะได้ค้นพบความสุขของตัวเอง
“เฉี่ยนเฉียน คุณเองก็มีคนที่รัก คุณลองบอกผมสิ เวลาที่คุณอยู่ต่อหน้าเฉินเป่ยชวน คุณจะทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้าได้อย่างไร”
มุมปากของลู่ฉีกระตุกยิ้มอย่างขมขื่น การรักใครสักคนแม้ว่าจะพยายามสะกดจิตตัวเองทุกวันก็ยังบังคับตัวเองไม่ให้รักไม่ได้ แล้วแบบนี้จะให้มองเธอเป็นคนแปลกหน้าได้อย่างไร
เมื่อโดนย้อนถามแบบนี้สีหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนก็เจื่อนลง เธอกัดริมฝีปากแน่น เธอปฏิบัติต่อเฉินเป่ยชวนอย่างคนแปลกหน้าไม่ได้จริงๆ
“คุณวางใจเถอะนะ ถ้าคุณไม่ต้องการเห็นหน้าผม ผมก็จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก” นี่คือวิธีแสดงความรักในแบบของเขา
เฉียวชูเฉี่ยนชะงักงันอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี ทำได้เพียงปล่อยให้ร่างสูงของลู่ฉีเดินจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอก้มหน้าลงมองไปที่เงาของตนและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น