ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 47 เสน่ห์ดึงดูดที่ร้ายกาจ

เหยียนสือเซี่ยมองหล่อนที่ทำตาโตพูดเรื่องไร้สาระอยู่เงียบๆ โดยไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้ สิ่งที่หล่อนพูดก็อย่างเช่นเสียเวลาชีวิตในช่วงวัยรุ่นไปหลายปีอะไรทำนองนั้น ซึ่งหล่อนคำนวณไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองต้องได้รับผลตอบแทนแค่ไหนถึงจะยอมตกลง เรื่องที่เกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนัก

ทว่านี่เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของหล่อนเท่านั้น แต่จากมุมมองของทนายความ ใครก็ตามที่จ่ายค่าทนายให้คนคนนั้นก็คือเจ้านาย

“เรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะคุณหวัง อย่าปล่อยให้ทนายฝั่งจำเลยรอนาน”

คนทั้งคู่เดินตามกันเข้าไปในศาล โดยมีถังอี้นั่งไขว้ห้างอยู่ตรงที่นั่งฝั่งจำเลย ใบหน้าที่ดูเท่แต่ร้ายกาจนั้นดูหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่หน้าตาดีน้อยกว่านี้มาทำแบบนี้คงต้องถูกมองอย่างรังเกียจแน่ๆ แต่พอเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด ดูมีเสน่ห์ดึงดูดที่ร้ายกาจอย่างน่าประหลาด

เหยียนสือเซี่ยเม้มริมฝีปาก ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงบางคนจะยอมสละเวลาสองสามปีเพื่อเล่นเกมตัณหากับเขา เงินก็ได้ แถมเขายังหล่อกว่าผู้ชายทั่วๆ อีกไปด้วย เป็นการลงทุนที่ไม่เสียหาย แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของจำเลย

“ในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มสักทีเถอะ เวลาของฉันมีค่า”

ถังอี้จิ้มนาฬิกา Rolex ที่ข้อมือ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากตักเตือนผู้หญิงข้างกายที่ต้องการหาผลประโยชน์จากเขาในอนาคต เขาคงไม่ยอมเสียเวลามาพบผู้หญิงประเภทนี้ที่ศาล

เหยียนสือเซี่ยจ้องมองนิ้วมือของเขาที่ทั้งเรียวยาวและขาวหมดจดยิ่งกว่าผู้ชายทั่วอยู่ครู่หนึ่ง มือนี้สินะที่คอยชักไยการอยู่ร่วมกันของคู่ชายหญิง

“เรียนศาลที่เคารพและผู้ร่วมพิจารณาคดีทุกท่าน ดิฉันเหยียนสือเซี่ย ทนายความของคุณหวัง ลูกความของดิฉันและคุณถังผู้เป็นจำเลยได้คบหากันเป็นเวลาสามปีสี่เดือน ในช่วงเวลานี้ลูกความของดิฉันได้ปฏิบัติตัวอย่างที่ควรทำในฐานะของคนรักทุกอย่าง และคุณถังได้มอบทรัพย์สินให้แก่ลูกความของดิฉัน ได้แก่ คฤหาสน์มูลค่าแปดสิบล้านและรถยนต์ BMW X7 รวมถึงเครื่องประดับและกระเป๋าอีกจำนวนหนึ่ง ประเมินแล้วในเบื้องต้น เครื่องประดับและกระเป๋าเหล่านี้มีมูลค่าประมาณหนึ่งล้านหยวน”

“จำเลยมอบของเหล่านี้ให้กับลูกความของดิฉันในช่วงเวลาที่คบกัน และลูกความของดิฉันมีกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ยุติลง จำเลยจึงขอให้ลูกความของดิฉันคืนทรัพย์สินเหล่านี้ให้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่ว่าด้วยการมอบสิ่งของให้ด้วยความเสน่หา ดิฉันจึงขอร้องเรียนต่อศาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของลูกความของดิฉันค่ะ”

เหยียนสือเซี่ยดันแว่นกรอบดำที่จมูกของเธอ เธอเคยเห็นผู้ชายรวยๆ ที่คบผู้หญิงเล่นๆ มามาก แต่ไม่เคยเห็นใครดูแย่ขนาดนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าเมื่อเลิกกันแล้วจะยังต้องการเอาของที่เคยมอบให้กลับคืนไปอีก

“เรียนท่านผู้พิพากษา ผมเองก็ไม่ใช่คนไม่รู้กฎหมาย คุณทนายอีกฝ่ายกล่าวหาว่าผมเป็นคนมอบสิ่งเหล่านี้ให้คุณหวัง ถ้าอย่างงั้นก็ควรยื่นหลักฐานประกอบสักหน่อยไหม”

ไม่ใช่ทนายความของถังอี้ที่เอ่ยขึ้นมา แต่เป็นตัวเขาเอง ใบหน้าที่ชั่วร้ายนั้นปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันราวกับว่าได้เห็นฉากที่ฝ่ายของเหยียนสือเซี่ยแพ้คดีแล้วอย่างไรอย่างนั้น

เหยียนสือเซี่ยเป็นทนายความที่มีประสบการณ์ในศาลมานานหลายปี ดังนั้นจึงคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะถามต้องหาหลักฐานกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์และรถที่มีปัญหา ริมฝีปากที่ทาลิปสติกนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ พลางหยิบปากกาบันทึกเสียงที่เตรียมไว้ออกมา

“นี่คือบทสนทนาที่บันทึกโดยลูกความของดิฉัน ซึ่งจำเลยได้ให้คำสัญญาด้วยตัวเองว่าจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกความของดิฉันทั้งหมด”

พูดจบเธอก็กดปุ่มเล่นเสียง เสียงของถังอี้ดังออกมาพร้อมกับเสียงอู้อี้บางอย่างซึ่งผู้บรรลุนิติภาวะทุกคนพอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ใบหน้าที่มีหน้ามีตาในแวดวงซึ่งหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองของถังอี้กลายเป็นสีแดงอย่างห้ามไม่ได้ ทนายความสมัยนี้ทำได้ทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ชนะคดี ถึงกับเอาเสียงตอนที่พวกเขากำลังร่วมรักกันมาเผยแพร่

เขาจ้องมองทนายฝั่งจำเลยที่อยู่ข้างกายและหันไปมองอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา อย่าว่าแต่คฤหาสน์หนึ่งหลังกับรถยนต์หนึ่งคันเลย มากกว่านี้เขาก็ให้ได้ทันทีถ้าหากเขาอยากจะให้ แต่เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ในหัวคอยแต่จะคิดคำนวณหาผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างหวังหย่าตั๋ว

หล่อนอยู่กับเขามาสามปี ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนทำให้เขาไม่พอใจ สิ่งของเหล่านี้เขาให้แล้วก็คือให้เลยไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เรื่องวุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงเขาก็ไม่มีทางมอบบ้านและรถให้เธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะอยู่ในแวดวงนี้ต่อไปได้อย่างไร ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวคงคิดว่าเขาเป็นไอ้โง่ไร้สมองกันหมด

“เรียนท่านผู้พิพากษา ตามประมวลกฎหมายการมอบสิ่งของ หากผู้มอบมอบสิ่งของที่อยู่ภายใต้การครอบครองของตนก็ควรให้การรับรอง แต่หากสิ่งของเหล่านั้นไม่ได้เป็นชื่อของตนเอง และเกิดการละเมิดผลประโยชน์ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นขอยกเลิกได้ ในส่วนของคฤหาสน์และรถยนต์ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ล้วนอยู่ภายใต้การครอบครองของบริษัท จึงเป็นสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่ใช่ของนายถังเพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้นผู้ถือหุ้นรายอื่นมีสิทธิ์ในการยกเลิกการมอบนี้”

ทนายความที่ได้รับมอบหมายให้ว่าความงัดไม้เด็ดของเขาออกมา เหยียนสือเซี่ยขมวดคิ้ว ความจริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ในฐานะทนายความเธอรู้ดีว่าหากยึดตามหลักกฎหมายจริงๆ หลักฐานในมือของคุณหวังไม่ได้มีน้ำหนักขนาดนั้น ในเมื่อขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้วก็ได้แต่หวังว่าคู่กรณีซึ่งเป็นผู้ชายจะต้องการรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง

แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาพบกับเพลย์บอยขี้งก

การฟ้องคดีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

ผู้พิพากษาบนบัลลังก์หันไปมองเหยียนสือเซี่ย “ทนายความฝั่งโจทก์ คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม”

“แน่นอนค่ะ ศาลที่เคารพ ดิฉันมีคำถามสองสามข้อที่อยากถามคุณถัง”

เมื่อผู้พิพากษาพยักหน้าเธอจึงหันไปมองถังอี้ “คุณถัง ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงย่อมมีความผูกพันเกิดขึ้น ตลอดสามปีที่ผ่านมาคุณหวังเชื่อมั่นมาตลอดว่าคุณถังคือคนที่ได้รับการยอมรับ ในเมื่อครั้งหนึ่งเคยมีความสุขร่วมกัน เมื่อเลิกกันแล้วทำไมถึงต้องมีเรื่องมีราวกันขนาดนี้”

หลังจากที่เหยียนสือเซี่ยพูดจบทุกคนที่เข้าร่วมการพิจารณาคดีต่างก็ก้มหน้าก้มตาหารือกัน

“ทนายท่านนี้พูดถูก ถึงอย่างไรถังอี้ก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในซั่นเป่ย ตระกูลถังร่ำรวยและมีอำนาจมากขนาดนั้น กับเงินจำนวนเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ช่างไม่ใจกว้างเอาเสียเลย”

“ถูกต้อง ถึงอย่างไรหลับนอนกับเธอมาตั้งสามปีกว่า”

ถังอี้ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมด คิ้วที่คมเป็นเส้นตรงทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ พอผู้หญิงคนนี้สู้กันตามกฎหมายไม่ได้ก็ใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาแทน

“คุณทนาย คุณกำลังบอกว่าตัวเองกระจอกนะ หรือไม่คุณก็กำลังพยายามบอกว่าเงินของถังอี้คนนี้หามาได้อย่างง่ายดายเหมือนปลิวลงมาจากฟ้า จะโยนทิ้งโยนขว้างยังไงก็ได้ตามใจชอบ”

ถึงแม้ว่าเขาจะโยนทิ้งโยนขวางได้จริงๆ แต่เขาจะไม่มีวันโยนใส่ผู้หญิงคนนั้น

เหยียนสือเซี่ยเริ่มโกรธขึ้นมาบ้าง เธอกระจอกงั้นหรือ? ถึงอย่างไรเธอก็เป็นทนายอันดับต้นๆ ในเรื่องการทำคดีหย่าร้างของเมืองซั่นเป่ย “นอกจากคุณถังจะออกแรงหาเงินอย่างหนัก ยังออกกำลังกายอย่างหนักอีกด้วยสินะ”

“ทนายความฝ่ายโจทก์ ระมัดระวังท่าทีของคุณด้วย”

ผู้พิพากษาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขัดจังหวะการสนทนาระหว่างทั้งสองคนทันที

นัยน์ตาเรียวของถังอี้เชิดขึ้น ดูท่าว่าทนายสาวคนนี้จะไม่ต้องการอยู่ในซั่นเป่ยอีกต่อไป

ผู้พิพากษาประกาศเลื่อนการพิจารณาคดีเป็นเวลาสิบห้านาที หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีผลคำตัดสินก็ออกมา ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของเหยียนสือเซี่ย หวังหย่าตั๋วแพ้คดี

“คุณเป็นทนายได้ยังไง ฉันเสียเงินจ้างให้คุณมาฟ้องร้องเพื่อให้ชนะ ไม่ใช่มาแพ้แบบนี้”

เมื่อสูญเสียคฤหาสน์หลังงามและรถหรูไป สีหน้าของหวังหย่าตั๋วก็เปลี่ยนไปทันที เธอพยายามเอาใจคุณชายถังอย่างยากลำบากมาตั้งสามปี สุดท้ายกลับเหลือเพียงกระเป๋าและเครื่องประดับจำนวนหนึ่งเท่านั้น

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset