เขาเรียกศิษย์คนสนิทนามจิ้งหูให้เข้ามา จิ้งหูอยู่กับเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะวรยุทธ์เป็นอันดับหนึ่งในสำนัก รู้ใจเขาเป็นอย่างมากและรู้ทุกเรื่องของเขาโดยที่หลี่จิ้งไม่เคยปิดบังเขาแม้แต่เรื่องเดียว
“อาจารย์”
จิ้งหูเข้ามาในห้องเห็นว่ามืดนัก มือจึงเอื้อมไปจุดตะเกียงอย่างคุ้นเคย หันไปเห็นศิษย์น้องของตนอยู่บนเตียงของอาจารย์ก็หาได้แปลกใจ
ศีรษะของนางพิงไหล่เขาอีกทั้งสองมือยังคล้องแขนแนบชิด ใบหน้ากระหยิ่มเจ้าเล่ห์ในขณะที่อาจารย์มีสีหน้าเขียวคลึ้ม คล้ายว่าหากปล่อยนางอยู่ต่ออีกสักหน่อยคงได้จับนางหักคอเป็นแน่ จิ้งหูเห็นเช่นนั้นก็แทบจะหลุดขำออกมา
ภาพนี้เป็นภาพที่เขาคุ้นตานัก ตั้งแต่นางยังเด็กก็มักปีนขึ้นเตียงอาจารย์เช่นนี้ อาจารย์ยังไม่มีภรรยาจิ้งหูยังคิดว่าบางทีอาจารย์อาจต้องแต่งศิษย์น้องโดยถูกบังคับในสักวัน แต่เรื่องนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้และเขาก็หาใช่เป็นคนปากมาก ทั้งหมดจึงยังเป็นความลับต่อไป
“ให้คนครัวเปิดเตา ทำอะไรให้นางกินสักอย่าง”
เป่ยฟางหรงไม่พอใจแล้ว
“อาจารย์ข้าหิวเพียงนี้ไม่ได้กินอะไรมาสองวันเต็ม ท่านให้ทำอย่างเดียวจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ”
จิ้งหูสุดท้ายไม่อาจกลั้นได้หัวเราะออกมาอย่างขบขันครั้นถูกสายตาตำหนิจากอาจารย์ก็รีบยกมือปิดปากทันใด
“เจ้าจะละโมบเกินไปแล้ว”
ถึงจะตำหนิออกไปแบบนั้นแต่เมื่อเห็นดวงตาใสแจ๋วที่จ้องเขม็งอย่างขอความเห็นใจ อีกทั้งเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของนางเต็มตาก็รู้สึกสงสารอยู่มาก หลี่จิ้งกระแอม
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ศิษย์น้องของเจ้าเพราะถูกพิษรุนแรง ต้องการบำรุงร่างกาย ให้พ่อครัวทำของบำรุงให้นางสักหลายอย่างหน่อย อ้อในห้องเก็บโอสถฝ่าบาทเพิ่งถวายโสมร้อยปีมาบอกให้เขานำไปทำอะไรก็ได้ให้นางกิน”
จิ้งหูรู้ว่าความจริงอาจารย์ห่วงศิษย์น้องเพียงใด ถึงจะตำหนินางและเคร่งครัดกับนางไปมาก แต่ทุกครั้งที่นางเจ็บตัวล้วนเป็นอาจารย์ที่ออกหน้า
ครานี้ยอมทำผิดกฎสำนักสั่งให้เปิดครัวยามวิกาล กฎทุกข้อในสำนักซินเซวียนผู้ใดก็รู้ว่าห้ามฝ่าฝืน หากผู้ใดเผลอทำผิดนอกจากต้องคุกเข่าสำนึกผิดแล้วยังต้องโทษโบยร้อยไม้
อาจารย์ยอมแหกกฎเพียงนี้ย่อมต้องรู้สึกอึดอัดคับใจอยู่มาก ตรงกันข้ามกับศิษย์น้องของเขาที่ได้ฟังในสิ่งที่ตนเองร้องขอแล้วแทบจะลอยไปยังห้องครัวโดยไม่ขอบคุณอาจารย์เลยแม้แต่คำเดียว
“ไปกันศิษย์พี่ข้าหิวมากแล้ว”
พ่อครัวถูกปลุกขึ้นมากลางดึก เพราะสำนักซินเซวียนในเวลาดึกเงียบสงัด เพียงผู้ใดทำเสียงดังเล็กน้อยก็สามารถปลุกคนขึ้นมาได้เป็นจำนวนมาก
เสียงตะหลิวที่เคาะกระทะ เสียงสับไก่ เสียงทุบกระเทียม ล้วนเป็นเสียงที่ดังสนั่น เท่านั้นยังไม่พอกลิ่นอาหารโอชะยังลอยคละคลุ้งไปทั่วหุบเขาสร้างความทรมานให้กับคนเป็นจำนวนมาก
หลายคนถึงขนาดแอบออกมาดูเห็นเป่ยฟางหรงกับจิ้งหูนั่งอยู่ในโรงครัวก็พลันเข้าใจ คงหลีกหนีไม่พ้นศิษย์น้องที่เข้าไปออดอ้อนอาจารย์เป็นแน่
ใช่พวกเขาล้วนอิจฉา
ที่นี่มีศิษย์บุรุษและสตรีมากมายแต่ที่เข้าใกล้อาจารย์ได้โดยไม่ถูกไฟเผานอกจากศิษย์อันดับหนึ่งจิ้งหูกับเป่ยฟางหรงแล้วไม่มีผู้ใดอีก
พวกเขาอยากเป็นคนโปรดของอาจารย์บ้าง แต่ทำเช่นไรได้เมื่อฝีมือยังห่างชั้นสองคนนั้นอยู่มาก