จิ้งหูนั่งเป็นเพื่อนเป่ยฟางหรง ในขณะที่นางตั้งอกตั้งใจดูพ่อครัวทำอาหารหลายอย่าง เต้าหู้ผัดน้ำแดง ไก่ตุ๋นโสม หมูสามชั้นหนึ่งขิง ผัดรากบัวผักรวม ยังมีโจ๊กถั่วหอมน่ากิน นางน้ำลายสอรอกระทั่งทุกสิ่งเรียบร้อยอาหารชามโตทั้งหมดจึงถูกยกขึ้นตั้งโต๊ะ
เป่ยฟางหรงมองอาหารตาโตน้ำลายยืดแทบจะหยดลงบนโต๊ะ จิ้งหูดูนางไปอมยิ้มไปเมื่อนางเริ่มลงมือราวกับพายุพัดสายฟ้าฟาด ไม่คิดจะชวนศิษย์พี่สักคำ
นางรู้ดีถึงจะเอ่ยปากชวนเป็นมารยาทจิ้งหูผู้เคารพกฎเป็นอันดับสองรองจากอาจารย์ย่อมไม่แตะต้องอาหารพวกนี้อยู่แล้ว เพียงพริบตานางก็กวาดอาหารบนโต๊ะลงกระเพาะจนเกลี้ยง
จิ้งหูอยู่กับนางมานานย่อมเคยชินกับการกินของนางแล้วแต่ทุกครั้งก็อดแปลกใจไม่ได้ สตรีผู้หนึ่งเหตุใดจึงมีที่ว่างในท้องมากมายเพียงนี้
กระทั่งนางกินจนพุงป่อง นางยังร้องขอของหวานต่อ
“ท่านเซียนหรงหรง วัตถุดิบทำของหวานไม่มีขอรับ คนส่งของจะมาส่งพรุ่งนี้เช้าเอาอย่างนี้ดีหรือไม่มีผลไม้เหลืออยู่บ้างท่านกินรองท้องไปก่อน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ท่านใหม่”
จิ้งหูหัวเราะ
“หรงหรงนี่มันไม่เรียกว่ารองท้องแล้ว อาหารที่เจ้ากินมื้อนี้ข้าคิดว่าทั้งหมดเป็นอาหารที่บุรุษห้าคนกินอิ่มได้เลย”
“ศิษย์พี่จะรู้อะไร ข้าหิวเพียงนี้ยังคิดว่าน้อยไปเสียอีก คราหน้าท่านลองอดข้าวสักสองวันจะได้เข้าใจความรู้สึกของข้า”
ศิษย์น้องค้อนเขาปะหลับปะเหลือกกระทั่งหันไปมองพ่อครัวด้วยสายตาอ่อนหวาน พ่อครัวผู้นี้เป็นคนสำคัญของนางรองจากอาจารย์และศิษย์พี่เลยทีเดียว
เขามีนามว่าอาหนง เป็นบุรุษที่นางคิดว่าตนเองเหมือนรู้จักกับเขามาแต่ชาติปางก่อนคุ้นเคยยิ่งนัก
“เช่นนั้นข้ากินผลไม้รองท้องไปก่อนได้เจ้าค่ะ”
จิ้งหูพยายามเข้าใจ เขานั่งมองนางกินผลไม้อย่างอร่อย ในใจคิดว่าชาติก่อนนางคงเป็นหมูจอมตะกละอาจตายเพราะอดอาหารจึงได้เกิดมาเป็นถังข้าวยัดเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม
โชคดีที่บ้านเดิมนางร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน อีกทั้งสำนักซินเซวียนก็ร่ำรวยมากจึงสามารถเลี้ยงดูถังข้าวน้อยตัวนี้ได้โดยไม่ลำบาก
หากเป็นที่อื่นนางคงโดนจับไปปล่อยหรือถูกขายเป็นแน่ด้วยคนที่บ้านคงเลี้ยงดูไม่ไหว ที่น่าแปลกประหลาดคือกินไปมากเท่าใดตัวของนางกลับผอมบางแทบจะปลิวลม
“เจ้ากินไปก่อนข้าเก็บจานไปล้างให้”
“ขอบคุณศิษย์พี่”
หากในยามปกติสำนักซินเซวียนล้วนมีบ่าวรับใช้คอยเก็บกวาด แต่ในยามดึกทุกคนย่อมเข้านอนจิ้งหูเกรงใจไม่อยากปลุกผู้ใดมาลำบาก เขาจึงดูแลนางเองที่จริงก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่นางเข้ามาเป็นศิษย์ของอาจารย์แล้ว
ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งถือดีเพราะมีฐานะสูงส่งถึงอาจารย์จะให้ปกปิดฐานะที่แท้จริง มีเพียงเขาที่เป็นพี่เลี้ยงเท่านั้นใกล้ชิดคนเดียว ถึงจะถูกอาจารย์ห้ามเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ ถ้ามีโอกาสเป่ยฟางหรงล้วนไม่เคยรีรอที่จะเบ่งบารมีใส่ผู้อื่นจนหลายคนไม่ชอบหน้า
นอกจากเขาแล้วในสำนักแห่งนี้ลับหลังล้วนก่นด่าและนินทานางเป็นประจำ หากอาคมนางไม่เก่งกล้าคงถูกผู้อื่นรังแกไปนานแล้ว ยังนับว่านางสามารถเอาตัวรอดได้เขาจึงไม่ต้องห่วงนางไปมากกว่าเรื่องอาหารการกิน
จิ้งหูล้างจานเสร็จก็กลับมาพบว่านางกินผลไม้จานใหญ่จนหมดแล้ว และตอนนี้ก็นอนพิงหลังกับเก้าอี้หลับสนิทน้ำลายยืดหยดย้อย จิ้งหูถึงกับพูดไม่ออกเขาส่ายหน้าแล้วเอ่ยถามนางเบา ๆ
“นี่เจ้าคือองค์หญิงผู้สูงศักดิ์จริง ๆ หรือ ผู้ใดมาเห็นสภาพเจ้าในตอนนี้คงได้คิดว่าเจ้าแอบอ้างเป็นแน่”
แน่นอนว่าองค์หญิงผู้นั้นไปเข้าเฝ้าเง็กเซียนเรียบร้อยแล้วจึงไม่มีเวลามาตอบคำถามของจิ้งหู