หลี่จิ้งหัวเราะต่ำ ๆ ในเมื่อนางเป็นเป่ยฟางหรงอีกคนความรู้สึกบัดนี้กลับแปลกประหลาดยิ่ง เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้ ความร้อนเร่าภายในจนบางส่วนของร่างกายแข็งแกร่งนี่ทำให้หลี่จิ้งทรมาน
“ผิดหรือเจ้าคะ ศิษย์ผิดอย่างไร”
เป่ยฟางหรงไม่กล้ามองตาเขาแล้ว ดวงตานี้มีบางสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกอ่อนแอ
“หรงหรงของข้าไม่เคยบอกว่าตนเองโง่ เรื่องอวดฉลาดนั้นเป็นงานหลักของนาง”
เป่ยฟางหรงหลุบตาลงก่อนจะมองเขาอีกครั้ง
“อาจารย์ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้าเคยอวดฉลาดที่ไหนกันเล่า”
สองคนยังนัวเนีย ปากแนบชิดปากร่างกายแทบจะแนบเป็นเนื้อเดียวกัน หลี่จิ้งหอบหายใจแรงขึ้นนางหอมหวานงดงามเพียงนี้ อีกทั้งยังยั่วเย้าเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาจะทานทนได้อย่างไร
“อาจารย์ท่านปล่อยข้าเถิดอย่าล้อเล่นอีกเลยเจ้าค่ะ”
“รับปากอาจารย์ว่าจะไม่ดื้ออีก”
เป่ยฟางหรงใบหน้าถอดสี
เขารู้หรือ?
“ข้าดื้ออย่างไรเจ้าคะ”
“อาจารย์บอกว่าอย่าขยับลิ้นไม่ใช่หรือ ไม่เชื่อฟังเช่นนี้ไม่เรียกว่าดื้อหรือ”
“อ้อ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ดื้อแล้วเจ้าค่ะ”
“แน่ใจในวาจาของตนเองหรือไม่”
“แน่ใจเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี”
หลี่จิ้งคลายเชือกอัคคี เชือกนั้นพลันกลับกลายเป็นเชือกเส้นเล็กอยู่บนข้อมือของนางเช่นเดิม
กระทั่งสองเสียงด้านนอกดังขึ้น แน่นอนย่อมเป็นหลิงเสียน นางรู้ว่าหลี่จิ้งจะใช้เวลาปรับลมปราณราวหนึ่งชั่วยามก่อนที่จะพาเป่ยฟางหรงกลับไปรักษาต่อที่จวนท่านเจ้าเมือง
“ศิษย์พี่ท่านเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ จิ้งหูมาแล้วเป็นห่วงเป่ยฟางหรงยิ่ง”
“หากหลี่เซียนซือปรับลมปราณเสร็จย่อมคลายข่ายอาคมเอง ท่านจะรบกวนพวกเขาไปไย”
หยีจวนไม่พอใจที่หลิงเสียนเข้ามาขัดขวาง กระทั่งหลี่จิ้งได้ยินเสียงของจิ้งหู
“หรงหรงบาดเจ็บมากหรือ”
แล้วพวกเขายังคงสนทนากันอยู่ใกล้ ๆ หลี่จิ้งจึงใส่อาภรณ์ให้เป่ยฟางหรง ใบหน้างามของนางยังมีสีระเรื่อ เขาแต่งกายให้ตนเองจนเรียบร้อย สำรวจขาของนางพบว่าบริเวณข้อเท้ายังเย็นอยู่มาก
เขาต้องรีบพานางกลับและเอ่ยขึ้นว่า
“ไปกันเถิดอาจารย์จะอุ้มเจ้าเอง”
เป่ยฟางหรงจึงโอบรอบคอของเขา ปล่อยให้หลี่จิ้งอุ้มนางเขาคลายข่ายอาคมแล้วเอ่ยกับคนทั้งสามที่รออยู่ด้านนอก
“ศิษย์น้อง อาจารย์”
จิ้งหูดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าเป่ยฟางหรงถูกจับก็เป็นห่วงยิ่ง ตามอาจารย์มาจนถึงที่นี่ครั้นเห็นนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็คลายใจลงมาก
เป่ยฟางหรงไม่ได้ทักเขาตอบ เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยแล้วแนบใบหน้าลงบนอกของหลี่จิ้งเช่นเดิม หลิงเสียนในใจพลันหงุดหงิด เป่ยฟางหรงผู้นี้นางไม่อาจไว้ใจได้อีกแล้ว นางเห็นเต็มสองตาว่าเป่ยฟางหรงเป็นคนช่วยปีศาจตนนั้นแท้ ๆ เหตุใดหลี่จิ้งจึงไม่เชื่อนางสักคำ
ทั้งหมดคงเพราะศิษย์มารยาสาไถยผู้นี้เป็นแน่
“อาจารย์ศิษย์น้องเป็นเช่นใดบ้างขอรับ”
จิ้งหูเอ่ยถาม
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว กลับจวนเจ้าเมืองกันก่อน ยังต้องรักษานางอีกมากปีศาจก็นับว่าตายหมดแล้ว คงต้องขอบคุณหยีจวนกระมัง แต่ที่ข้าสงสัยคือเจ้าเป็นสัตว์สวรรค์ ไม่อาจใช้อาคมในแดนมนุษย์ได้หากไม่ได้รับอนุญาต แต่ครานี้สังหารปีศาจไปมากในแดนมนุษย์เช่นนี้กลับไม่ได้รับอาคมย้อนกลับทำร้าย นับว่าแปลกประหลาดยิ่ง”
หยีจวนได้ยินดังนั้นเขาพลันไอออกมาทันใด แสร้งเดินไม่ไหวพร้อมกับเอ่ยออกมา
“ข้าเจ็บเหลือเกิน เมื่อสักครู่เพราะห่วงฝ่าบาทมากไปเลยลืมตัว ตอนนี้ข้าเจ็บเป็นอย่างยิ่ง”
“ที่แท้เป็นท่านที่ช่วยสังหารปีศาจพวกนี้ ท่านนับว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อศิษย์น้องข้าจิ้งหูขอบคุณท่านมาก มาข้าช่วยพยุงท่านเอง”
หยีจวนเห็นจิ้งหูกระตือรือร้นเข้าช่วยเหลือจึงยิ่งแสร้งเจ็บปวด หลังจากนั้นพวกเขาพลันขี่กระบี่มุ่งหน้ากลับไปยังจวนท่านเจ้าเมือง และนับว่าเป็นครั้งแรกที่เป่ยฟางหรงไม่เอ่ยปากให้ผู้ใดรำคาญระหว่างเดินทางบนกระบี่
หลี่จิ้งยกมุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม