“ปีศาจกำจัดหมดแล้วหรือเจ้าคะ”
เป่ยฟางหรงจับมือของหลี่จิ้งเอาไว้เมื่อเขาทำท่าลุกขึ้น หลี่จิ้งเห็นว่านางก็ถามไปเช่นนั้นเองพยายามชวนสนทนาเพื่อให้เขาอยู่กับนางให้นางขึ้น
“ปีศาจหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าภูตของเจ้าสังหารจนหมดสิ้นแล้ว และตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บจากพลังย้อนกลับอยู่เจ้าไม่ต้องกลัว เพียงเขาสอดมือมาปีศาจก็ตายหมดแล้ว”
เขาเอ่ยเรียบ ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะรู้ทันเรื่องบางเรื่อง เป่ยฟางหรงจึงไม่กล้าหาเรื่องรั้งเขาได้อีก
“เจ้ากินให้ดีแล้วอาบน้ำล้างตัวเสีย ใบหน้ามอมแมมยิ่งกว่าลูกสุนัขข้างถนนเสียอีกอาจารย์เสร็จธุระแล้วจะกลับมาเข้าใจหรือไม่”
เป่ยฟางหรงจึงได้แต่พยักหน้า
หลี่จิ้งยืนขึ้นลูบศีรษะของเป่ยฟางหรงแผ่วเบา หลังจากนั้นก้าวออกจากเรือนพักของนาง เป่ยฟางหรงเดินวนรอบโต๊ะ เฝ้าคิดหาทางทำเรื่องบางอย่างที่เสี่ยงต่อชีวิตของตนเอง
“ข้าจะทำเช่นไรดี ข้ามีเวลาไม่มากแล้ว”
หลังจากเดินวนไปหลายรอบ นางก็ได้รับโจ๊กหม้อใหญ่อีกทั้งยังมีคำสั่งกำชับจากอาจารย์
“หลี่เซียนซือสั่งให้ท่านเซียนทานให้หมดเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะบ้าหรือ ชามใหญ่พอเลี้ยงคนได้ห้าคนเช่นนี้ผู้ใดจะกินหมด”
สาวใช้ผู้นั้นทำท่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“เอ้อ ท่านเซียนไม่หิวหรือเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าน้อยนำมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ท่านยังร้องขอของหวานผลไม้อีกวันนี้เหตุใดจึงแปลกเพียงนี้”
“ขะ ข้า แปลกหรือ?”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้า
“แล้วปกติข้ากินเยอะเพียงใดกัน”
“ก็กินได้เรื่อย ๆ เจ้าค่ะ ข้าวหม้อใหญ่กับข้าวชามใหญ่พอจะเลี้ยงคนได้ห้าหกคนท่านก็ทานหมด บ่าวจึงคิดว่าท่านแปลกหรือหากผู้ใดเห็นท่านวันนี้ย่อมคิดว่าท่านแปลกเป็นแน่”
เป่ยฟางหรงได้แต่โอดครวญในใจ
เป่ยฟางหรง นี่เจ้าเป็นมารหรือเป็นแม่หมูกันแน่!!!!
หลี่จิ้งออกมาที่ห้องโถงของจวนพลันพบว่ามีเจ้าสำนักเซียนหลายท่านมารอพบเขาอยู่แล้ว หลี่จิ้งขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เขาทำความเคารพเจ้าสำนักเซียนอื่น ๆ อย่างสุภาพ พร้อมกับเชิญพวกเขาให้นั่งลงโดยมีฮูหยินของจวนท่านเจ้าเมืองให้การต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักหอเกล็ดทอง เจ้าสำนักหงส์พิฆาต เจ้าสำนักคลื่นเมฆา และเจ้าสำนักหอพิรุณ มุ่งหน้ามาพบข้าด้วยเหตุอันใด”
“เจ้าสำนักหลี่พวกข้าร้อนใจเป็นอย่างยิ่งถึงได้เร่งเดินทางมาโดยไม่หยุดพัก”
เจ้าสำนักเกล็ดทองที่เป็นผู้นำสี่สำนักเซียนนามเฟิงจั้งเอ่ยขึ้น
“เรื่องร้อนใจเกี่ยวกับสิ่งใดหรือ ข้าน้อยด้อยปัญญาที่จะเข้าใจแล้ว”
หลี่จิ้งยกมือประสาน ใบหน้าของเขาหล่อเหลางดงามประดุจบัณฑิตผู้หนึ่ง
“ท่านเจ้าสำนักหลี่คงยังไม่รู้ ปีศาจร้ายบัดนี้ออกอาละวาดไปทั่วทุกเขตอาคมที่เราต่างเฝ้าระวังกันแล้ว ยังมีสำนักเซียนใหญ่น้อยที่ฝากเรื่องมากับข้า”
เจ้าสำนักเกล็ดทองเฟิงจั้งเอ่ยอีกครั้ง
“ออกอาละวาดหรือ”
หลี่จิ้งพอรู้เรื่องนี้มาบ้าง แต่การที่ปีศาจออกอาละวาดก็เป็นเรื่องปกติที่ผ่านมาทุกสำนักล้วนจัดการได้ไม่ใช่หรือ
“ใช่มันยังประกาศก้องจะทำลายสำนักเซียนใช้แดนมนุษย์เป็นด่านหน้าต่อกรกับสวรรค์ ข้ายังกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่ฝึกวิชาเซียนมาไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้อีกทั้งปีศาจก็แข็งแกร่งยิ่ง เกรงว่าดาวมารจะมาจุติพวกมันจึงได้เหิมเกริมกันเช่นนี้”
ครานี้เป็นเจ้าสำนักหงส์พิฆาตผู้มีนามว่าเซียวอี้ซึ่งเป็นสตรีเพียงผู้เดียวเอ่ยขึ้น
“แล้วเหตุใดพวกท่านจึงมาหาข้าที่นี่กันเล่า หากมีเรื่องจำเป็นควรจะเปิดชุมนุมเซียนหารือไม่ใช่หรือ”
หลี่จิ้งพลันสงสัย กระทั่งหลิงเสียนที่นั่งอยู่ถัดจากหลี่จิ้งเอ่ยขึ้น
“ปีศาจร้ายที่ออกท้าทายหลายคนเห็นว่ามีใบหน้าคล้ายเป่ยฟางหรงเจ้าค่ะ ศิษย์พี่เห็นหรือไม่ว่าข้าหาได้โกหกท่าน เป็นนางจริง ๆ ท่านกำลังเลี้ยงดูปีศาจร้ายอยู่ข้างกายท่านรู้หรือไม่เจ้าคะ”