ลิขิตรักสมรสพระราชทาน – ตอนที่ 16 ดื่มไม่ลง

จวนเสนาบดีสกุลซื่อ

หยาเหยานางในเวลานี้ นั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชานั้น นางนั่งมองจอกน้ำชา ในจอกชานั้นปราศจากหยดน้ำแม้นสักหยด นางหมุนวนขอบชาไปมา

ยามนี้ที่นางรู้สึกคือนางกำลังมีอารมณ์เหนือเหตุและผลนางควรมีสติและใช้ปัญญา มารดาของนางสั่งสอนนางมา หากนับหนึ่งถึงร้อยในใจนางยังคงโกรธยังคงขุ่นเคือง นั้นคือผ่านการไตร่ตรองมาแล้ว

ในเวลานี้ในตอนที่นางกำลังนับถึงเก้าสิบแปดสิ่งที่อยู่ภายในใจก็ยังคงไม่หายไป และในตอนนั้นเอง ที่ประตูเรือนของนางได้เปิดออก

และผู้ที่ปรากฏกายเขามาก็มิใช่ผู้ใด ผู้นั้นคือเผิงอวิ๋นเกอเกอของนาง?

“เหยาเหยา” เผิงอวิ๋นเอ่ยเสียงแผ่วเบา

หยาเหยานางมิตอบสิ่งใดเพียงแต่ส่งยิ้มเจือนให้กับเผิงอวิ๋นก็เพียงเท่านั้น เผิงอวิ๋นเห็นใบหน้าของนางยามนี้เขารู้จักนางดีนางโกรธเคืองเขาอยู่ หากแต่สตรีเช่นนางร้ายดีอย่างไรก็จะมิเอ่ยออกมาก่อน หากมิถึงที่สุด

เผิงอวิ๋นนั่งลงที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามกับหยาเหยา เขาเลือกที่จะรินน้ำชาลงไปในจอกชาที่หยาเหยานางถืออยู่ เขาค่อยๆ รินมันลงไป

“จอกชาเจ้าแห้งแล้ว” เผิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

“อ้อ…. ข้าไม่ทันดู ลำบากท่านแล้ว” แต่แทนที่นางจะยกจอกชานั้นขึ้นมาดื่มนางกลับวางมันลงกับโต๊ะนั้น

“เหยาเหยา…. พี่รู้ว่าใจเจ้าตอนนี้กำลังโกรธ พี่มานี้เพียงอยากอธิบายให้เจ้าฟัง อิ๋งเหอผู้นี้เป็นบุตรสาวของผู้มีคุณผู้หนึ่งของพี่ ในยามที่พี่อยู่ที่แคว้นหาน บิดาของนางเคยช่วยเหลือพี่ไว้ ในยามนี้พี่ให้นางพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนรับรอง”

“อ้อ ก็สมควรด้วยเหตุแล้ว” หยาเหยานางเอ่ยตอบ ใบหน้านางกึ่งยิ้มกึ่งเศร้า

“ในยามที่ยากลำบากบิดาของนางช่วยพี่ไว้ บุญคุณข้อนี้พี่มิอาจละเลยที่ตอบแทน ในยามนี้บุตรสาวของเขาหนีออกจากบ้านมาหาพี่ พี่ก็จำต้องดูแลไว้ก่อนและแจ้งไปยังบิดาของนาง ให้มารับตัวนางไป เหยาเหยา ขอเจ้าอย่าได้ถือสานาง” เผิงอวิ๋นเอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยน

“เกอเกอ ท่านเอ่ยกับข้าเช่นนี้เพราะห่วงข้าจะเสียใจหรือห่วงว่าข้าจะโกรธนาง? “หยาเหยานางเอ่ยถามเผิอวิ๋นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เหยาเหยา”

“เกอเกอ ข้าล้อท่านเล่น”

 

“เหยาเหยามิมีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวลไป เมื่อคนของบิดานางมาถึงแล้วพี่จะให้นางจากไปโดยทันที”

เหยาหเยานางยิ้มตอบ

จากนั้นเผิงอวิ๋นก็ได้เอื้อมือเข้าไปในแขนเสื้อเพื่อที่จะหยิบเอาปิ่นหยกชิ้นนั้นออกมาเพื่อที่จะมอบให้นาง หยาเหยานางเหลือบสายตาไปเห็นเขาพอดี

“เกอเกอ…. ข้าง่วงแล้ว อย่างไรพรุ่งนี้ค่อยพบกัน ชิงชิง ส่งแขก” หยาเหยานางเผยยิ้ม คำว่าส่งแขกสองคำนี้ บ่งบอกได้ดีว่านางรู้สึกเช่นไรหลังจากได้ฟังคำของเผิงอวิ๋น

หลังจากที่เผิงอวิ๋นเดินจากไป ประตูเรือนก็ได้ถูกปิดลง

หยาเหยานางยื่นมือออกไปหยิบเอาจอกชาใบนั้นขึ้นมาจากนั้นนางก็ได้ลุกเดินขึ้นไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่างนั้น นางหยุดอยู่ที่ตรงหน้ากระถางต้นไม้ประดับ จากนั้นนางก็ได้เอ่ยประโยคหนึ่ง

“เกอเกอ เพื่อนางท่านถึงกับปิดบังข้า ข้าอยู่กับท่านมาตั้งแต่เล็กสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จไหนเลยข้าจะดูท่านไม่ออก วันนี้ท่านเอ่ยกับข้า แต่กลับเอ่ยไม่หมด น้ำชาของท่านที่รินให้วันนี้ก็เกรงว่าจะขมเกินไป ดื่มไม่ลง” จากนั้นหยาเหยานางก็ได้เทน้ำจากจอกชานั้นลงไปที่ดินในกระถางอย่างช้าๆ

ชิงชิงที่มองนายของตนในเวลานั้นนางก็หวั่นใจไม่น้อย…. ทำไมกันนะ จะให้นายของนางสุขสมหวังไม่ได้หรืออย่างไรเหตุใดต้องมีเรื่องมากมายเข้ามา

หยาเหยานางนับหนึ่งถึงร้อยในใจ คำตอบคือ โกรธได้

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ลิขิตรักสมรสพระราชทานบทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง “ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ “มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ” หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!! . . คืนวันเเต่งงาน ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้ “สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ” “ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก “ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ” “เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….” “ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น” ‘ปั่ง!! ‘ เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ.. บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่?? เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่… …………… โรงเตี้ยมฟูหลัว “ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ” “จะพูดถึงนางทำไมกัน” “อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ” “หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย” “ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น” “ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ” สามวันต่อมา หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ… กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง “ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน” “ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก” “ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ” “ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “เอ้?? ” “ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ” “ได้.. ได้เจ้าคะ” หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น สามเดือนผ่านไป หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset