ลิขิตรักสมรสพระราชทาน – ตอนที่ 18 ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น

บรรยากาศภายในศาลาขาวขุ่น เหลียนฮวา คล้ายกับใบไม้ที่ร่วงหล่นจะร่วงหล่นลงมาช้าที่สุด ในชั่วหนึ่งวูบหายใจ หยาเหยานางสามารถคิดได้หลายสิ่ง เพียงชั่วลมหายใจที่วูบไหว…..

“ตัวข้าเคยบอกท่านแล้ว นับแต่วันที่ข้าก้าวเดินจากจวนสกุลหยาง ไม่เจ็บไม่แค้นไม่ถือโทษ แล้วท่านจะเอ่ยคำขอโทษกับข้าเรื่องใดกัน” หยาเหยานางเอ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มเจือนจางออกมา ก่อนที่นางจะก้าวเดินออกไป

 

ในเวลานั้นหลู่เมิ่งจะว่าเสียใจก็เสียใจก็ซึ้งใจก็ซึ้งใจ นางเลือกปฏิเสธไมตรีจากเขาก็จริงอยู่หากแต่ว่านางก็เอ่ยปากว่าให้อภัยเขาแล้วในแบบที่ไม่โกรธ มิใช่เพียงเอ่ยออกมาเพราะอารมณ์ที่ประชดประชัน

ในตอนที่หยาเหยานางก้าวเท้าลงไปที่ขั้นบันไดของศาลาเหลียนฮวาในขั้นแรก ในตอนนั้นหลู่เมิ่งก็หันมาเอ่ยประโยคหนึ่งกับนางก่อนที่นางจะจากไปไกลกว่านี้

“หาว่าไม่ถือโทษกันแล้ว เช่นนั้นหากวันนี้อยากจะขอไมตรีเป็นเพียงสหายจะได้หรือไม่?” หลู่เมิ่งเอ่ยออกมา

หยาเหยานางได้ฟังคำนั้นนางก็หยุดคิดไปชั่วครู่

“แม้นตัวท่านวันหนึ่งเคยไม่ดีต่อข้าแต่ก็ไม่ใช่ความผิดท่านฝ่ายเดียว นับแต่วันนี้เรื่องราวของท่านกับข้าอดีตถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” หยาเหยานางเอ่ยก่อนที่จะเดินจากไป

ในตอนนั้นหลู่เมิ่งที่อยู่บนศาลาเหลียนฮวา ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น “อดีตถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” ประโยคนี้หมายความว่าเช่นไร? หากความเจ็บแค้นเกิดขึ้นในอดีต หากนับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยโกรธ ไม่เคยแค้น ไม่เคยเจ็บ ไมตรีที่ขอไว้ก็ให้ได้และรับไว

ระหว่างทางที่หยาเหยานางต้องเดินกลับจวน

นางต้องเดินผ่านตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านอยู่แล้ว อย่างไรเสีย เดินดูชีวิตผูคนเสียหน่อย อย่าปล่อยให้ใจตัวจมอยู่กับบางสิ่งนานนักเลย ตัวนางใช่ว่าโชคร้ายที่สุดในโลกเสียเมื่อไหร่

นับแต่เกิดมาก็เกิดมาในตระกูลที่สูงศักดิ์เพียบพร้อมด้วยยศฐานาๆ ประการ มีบิดาที่รักนางยิ่ง มีมารดาที่ประเสริฐ ด้วยสิ่งที่พึ่งมีทั้งปวง แม้นนางจะด่วนจากไปก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่มารดานางอบรมเลี้ยงดูนางมาก็มากเกินจะพอแล้ว

เมื่อหวนนึกถึงมารดาเรื่องราวของเผิงอวิ๋นก็ผุดขึ้นมาในภาพความทรงจำของนาง

ในปีนั้นนางกับเผิงอวิ๋น

ในตอนที่นางยังเป็นเหยาเหยาน้อยวัยเจ็ดขวบ นางกับเผิงอวิ๋นก็ได้มาเดินเล่นที่ยังตลาดแห่งนี้ มือน้อยๆ ของนางเกาะกุมมือของเผิงอวิ๋นไว้ไม่มีปล่อย

เผิงอวิ่นดีกับนางมาแต่ไหนแต่ไรไม่ว่าสิ่งใดที่นางต้องการหากเขาทำให้ได้เขาก็จะทำให้นางโดยไม่แม้นจะปริปากบ่น

หยาเหยานางเมื่อก้าวย่างผ่านไปในท่ามกลางผู้คนนัร้อยที่อยู่รอบกายนาง ภาพที่ปรากฏตรงหน้ากับในความทรงจำของนางก็ปรากฏขึ้นมาอีกหน

เด็กน้อยสองคนเดินจูงมือเที่ยวชมสิ่งของในตลาดแห่งนี้ ไร้ทุกข์ปราศจากกังวล ใบหน้าที่มีเพียงรอยยิ้มนั้นเสียงหัวเราะนั้น อบอุ่นใจ ความรู้สึกเช่นนี้?

ที่นางรู้สึกวันนี้ปัจจุบันนี้คือหึงหวง หรือหวง? หรือเพราะเผิงอวิ๋นแต่ไหนไม่เคยให้ความสำคัญต่อผู้ใดเกินกว่านาง ไม่มีผู้ใดเรียกเขาว่าเผิงอวิ๋นเกอเกอ นอกจากนาง ก็ใช่สิเผิงอวิ๋นไร้ญาติที่ผ่านมาเขามีแต่เพียงนาง

เมื่อหวนนึกถึง ดวงตาของนางก็เหม่อลอย นางเดินไปท่ามกลางผู้คนมากมาย ตัวนางอยู่ แต่ใจนางกลับหลุดลอย ที่มองเห็นกลับมีเพียงอดีต สตรีที่ต้องการต้องได้มาชั่วชีวิต เหตุใดช่วงปีมานี้กลับเจอแต่เรื่องที่ทรมารหัวใจของนางยิ่ง

เป็นบททดสอบจากสวรรค์หรืออย่างไร หากเป็นเช่นนั้นแล้วผู้ใด ใครกันคือผู้กำหนด หากนางเกิดเป็นสตรีชาวบ้าน นางจะได้พบรักแท้ของนางหรือไม่ ในแบบที่ไม่ต้องเจ็บช้ำเช่นนี้ ใช่เพราะนางเกิดมาสุขเกินผู้อื่น เรื่องคู่เป็นกรรมของนางใช่หรือไม่? จะว่าไปใครกันจะสุขสมหวังไปเสียทุกสิ่ง ที่เป็นเช่นนี้ถือว่ายุติธรรมดีแล้วใช่หรือไม่?

โปรดติดตามตอนต่อไป

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ลิขิตรักสมรสพระราชทานบทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง “ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ “มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ” หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!! . . คืนวันเเต่งงาน ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้ “สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ” “ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก “ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ” “เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….” “ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น” ‘ปั่ง!! ‘ เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ.. บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่?? เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่… …………… โรงเตี้ยมฟูหลัว “ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ” “จะพูดถึงนางทำไมกัน” “อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ” “หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย” “ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น” “ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ” สามวันต่อมา หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ… กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง “ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน” “ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก” “ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ” “ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “เอ้?? ” “ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ” “ได้.. ได้เจ้าคะ” หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น สามเดือนผ่านไป หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset