ลิขิตรักสมรสพระราชทาน – ตอนที่ 19 เพียงหนึ่งไม่มีสอง

หากท่านเลือกจับมือนางก็ปล่อยมือข้า หากเลือกจับมือข้าก็ปล่อยมือนาง? เกอเกอ ข้อนี้ท่านเข้าใจหรือไมj

*************

ท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านเดินอยู่รอบกายนางบ้างสวนทางกับนาง….. ไปหนทางเดียวกับนางบ้าง ในห้วงที่นางรู้สึกว่าดวงตาของนางเริ่มอุ่นร้อนขึ้นมานั้นเอง

ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนทางนางมานั้น จู่ๆ ก็ปรากฏร่างของบุรุษผู้หนี่ง ที่สวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ ยืนอยู่เบื้องหน้านางเสียสิบก้าวได้

เขาอยู่ตรงนี้นานเท่าใดแล้ว นางเหม่อลอยถึงขั้นไหนเหตุใดอยู่ใกล้เพพียงนี้กลับมองไม่เห็น….. นางค่อยๆ เดิน ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า ดวงตาของนางใช่มองเห็นปัจจุบันที่มองเห้นนั้นเป็นเพียงอดีต ในวัยเยาว์ที่แสนสุข

ในห้วงที่นางค่อยๆ ก้าวเดินไปนั้น จู่ๆ มือน้อยๆ ของนางก็ถูกคว้าเอาไว้ ในตอนนั้นความตกใจทำให้นางรู้สติกลับคืนมา

“เหยาเหยา….” เสียงเรียกนี้เป็นเสียงเรียกที่คุ้นเคย

ดวงตาของนางเบิกกว้างอีกหน ในใจคล้ายจะสุขแต่ก็มิพ้นที่จะเศร้า

“เหยาเหยา….. “เขาเอ่ยเรียกชื่อนางอีกหน

คำเรียกในหนที่สองนี้ไม่รู้ด้วยเหตุใด ดวงตาของนางที่อุ่นร้อนมานานก็ได้ปลดปล่อยหยดน้ำตาออกมาเสียหลายหยด

“เกอเกอ….” หยาเหยานางเอ่ย

บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าและคว้าร่างของนางไว้นั้นคือเผิงอวิ๋น….. เขาออกมาตามหานางเช่นนั้นหรือ นางควรจะดีใจหรือไม่ ซาบซึ้งใจ นางควรซาบซึ้งใจหรือไม่?

“เหยาเหยา…. “เผิงอวิ๋นเอ่ยเรียกนามนาง ในครานี้เขาเอื้อมมือไปปาดหยดน้ำที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของนาง

หากแต่ในตอนนั้นเองที่เผิงอวิ๋นสัมผัสใบหน้านางได้เพียงนิด นางกลับหันใบหน้าหลบเลี่ยงการสัมผัสปลอบโยนนั้นไป

“คนมากนัก กลับจวนก่อนเถิด” หยาเหยานางดึงมือของนางกลับคืนและเดินจากไป

ในตอนนั้นเผิงอวิ๋นก็ได้เดินตามนางไปอย่างว่าง่าย ตลอดทางทั้งสองมิเอ่ยคำใด….. มิเอ่ยคำใด

จวนเสนาบดี สกุลซื่อ

เรือนนอนของหยาเหยา

“ท่านมีสิ่งใดจะเอ่ยกับข้า? ก็กล่าวมาเถิด” หยาเหยานางเอ่ยขึ้นก่อน

“ขอโทษ” เผิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น

“ขอโทษ?” หยาเหยาทวนคำพร้อมกับเผยร้อยยิ้มบนใบหน้า นางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

“พี่ขอโทษ ที่อิ๋งเหอ ทำให้เจ้าวุ่นวายใจ เสียใจ” เผิงอวิ๋นเอ่ย

“นาง?” หยาเหยานางถอนหายใจ

“เหยาเหยา”

“นางเกี่ยวข้องกับข้าสถานใด? สถานะของนางทำให้ข้าเสียใจ? วุ่นวายใจ นางสามารถถึงเพียงนั้น เผิงอวิ๋นท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว” เหยาเหยานางเอ่ยออกไปโดยที่ไม่ได้มองไปที่ใบหน้าของเผิงอวิ๋นแม้นแต่น้อย

“เผิงอวิ๋นในตอนนั้นกำลังจะเอื้อมมือไปคว้ามือนางมา เเต่นางกลับ เคลื่อนกายหลบ

“เกอเกอ ชีวิตนี้ข้าไม่เคยคิดว่าจะต้องเอ่ยคำนี้กับท่าน…. ผิดหวัง ข้าผิดหวังในตัวท่าน ตัวท่านที่เปิดเผยมาชั่วชีวิต เวลานี้ ข้าท่านยังเป็นเช่นนั้นหรือไม่? “

“ใดๆ ในโลกสำหรับพี่ล้วนเป็นเจ้าที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็อย่างนั้น ไว้ว่าจะสิบปีก่อนหรือสิบปีให้หลัง หรืออีกสามสิบปีจากนี้ ก็จะยังคงเป็นเช่นนั้น “เผิงอวิ๋นเอ่ยหนักแน่น

“เวลานี้บุตรีผู้มีคุณของท่านปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกันสองนาง…. ท่านว่าข้าสำคัญที่สุด เเต่ท่านก็ทอดทิ้งไม่ใยดีอิ๋งเหอมิได้เช่นกัน ความลำบากใจของท่านหนักหนานัก? “

“อิ๋งเหอนางมีโรคประจำตัว…. หากตกใจหรือเหนื่อยมากๆ ตื่นเต้นมาก นางจะเป็นลมบางครั้งก็เป็นหนักเกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียก็หลายหน พี่เจ้าจึงต้องควรดูนางไว้ เพื่อส่งนางกลับบ้านอย่างปลอดภัย เช่นนี้ถึงจะไม่ผิดต่อผู้มีคุณใช่ว่าไม่ใส่ใจเจ้า ให้ความสำคัญเจ้าน้อยลง เพียงแต่….”

“เพียงแต่อิ๋งเหอนางก็สำคัญเช่นกัน? “

“ใช่…. แต่ความสำคัญของนาง มิใช่อย่างเช่นเจ้าสำคัญ เหยาเหยา พี่ไม่มีวันทำผิดต่อเจ้าแน่ ขอ่นี้เจ้าวางใจได้”

“ท่านจะบอกว่าท่านคิดกับนางเพียงน้องสาว แล้วนางคิดกับท่านเพียงพี่ชาย? ให้ข้าอดทนรอวันที่คนของบ้านนางมารับกลับไป ข้าขอถามท่านเเล้วนางคิดกับท่านเพียงพี่ชายหรือไม่? อ้อ…… นางรักท่าน ข้อนี้แม้นคนตาบอดยังฟังน้ำเสียงนางออก มิใช่รักผิวเผินนางยังมีใจต่อท่านที่ลึกซึ้ง แล้วอย่างไรต่อ หากนางตัดใจจากท่านไม่ได้ นางเกิดเป็นลมจะเป็นจะตายขึ้นมาอีกหน ท่านจะทำอย่างไร? จะแต่งกับนางอีกคน? หากนางไม่พอใจ ท่านแต่งกับข้าก่อน นางอยากแต่งก่อนข้า ท่านก็จะยอม และให้ข้ายอมใช่หรือไม่? หรือเเม้นตำเเหน่งฮูหยินพระราชทานนี้ หากนางอยากได้ข้าก็ต้องยกให้นางใช่หรือ? ขอถามท่าน ท่านเลือกทำร้ายนางหรือทำร้ายข้า? ทำสามารถทำได้และทำอยู่ แต่หากเลือกที่จะรักษาใจของใคร ท่าน!! ตัวท่านเลือกได้เพียงคนเดียว”

“เหยาเหยา” เผิงอวิ๋นฟังคำของเหยาเหยาเขาก็พูดสิ่งใดไม่ออก…. ใช่อิ๋งเหอมีใจต่อเขาจริงแต่ที่แน่กว่าคือใจเขาที่มีต่อหยาเหยาผู้นี้

“ทำไม? เลือกไม่ได้ ตอบไม่ได้? หรือผิดหวัง ไม่คิดว่าข้าจะเป็นสตรีร้ายกาจใจแคบเช่นนี้? ข้าขอบอกท่านตัวตนที่แท้จริงของข้าก็เป็นเช่นนี้ ซื่อหยาเหยา นางเป็นเช่นนี้!! ” หยาเหยานางเชิดใบหน้าเอ่ยกับเผิงอวิ๋น ที่นางเอ่ยประโยคร้ายกาจเช่นนั้นไปใช่ว่าใจคิดเสียทั้งหมด หากแต่นางล้วนกระทำเพื่อเผิงอวิ๋นและตัวนางเอง

นางเป็นสตรีใจกว้างโอบอ้อม….. เเต่บางสิ่ง ใช่ทุกสิ่งที่จะเเบ่งปันกันได้ ในคราวของหลู่เมิ่งเป็นนางที่มีใจต่อเขา เขาจะมิรักนางมิดีต่อนางก็มิผิด เขามิเอ่ยคำมั่นใด มิเคยให้ความหวังใดไกับนาง เมื่อไม่หวังจึงไม่ผิดหวัง ที่นางตัดใจจาดเขาใช่ใจเเคบเรื่องหญิงอื่น เเต่เป็นเขาที่ทำร้ายคนที่นางรัก ความไม่ให้เกรียติ ในความเป็นสามีภรรยา ความไม่เชื่อใจ

เผิงอวิ๋นผู้นี้เห็นได้ชัดว่าประกาศให้ทั่วทั้งเเผ่นดินรู้ว่าเขารักนาง….. รักมั่นเพียงใด ด้วยเหตุนั้น การกระทำเเละคำพูดหากไปคนละทิศละทางกันเเล้ว ต่อไปจะเชื่อได้หรือไม่? นางคาด นางหวังไปแล้ว เเละผิดหวังไปมากเช่นกัน

“มิใช่…. มิใช่ มิใช่ข้อใดทั้งสิ้น มิใช่พี่ดูไม่ออกเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ตัวเจ้าเองที่เจ็บปวด และเป็นพี่เองที่ทำร้ายเจ้า แต่พี่ก็จะขอยืนยันคำเดิมว่าพี่ไม่เคยทรยศต่อเจ้า ไม่เลย ไม่เคยแม้นสักหน” เผิงอวิ๋นเอ่ยยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เผิงอวิ๋นหลังจากเอ่ยคำนี้ก็ได้ดึงร่างนางเข้ามาสวมกอดไว้อย่างแนบแน่น…. “เหยาเหยา ในชีวิตของเกอเกอเจ้า ที่รักได้ก็มีเพียงเจ้านี่แล้ว”

โปรดติดตามตอนต่อไป

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ลิขิตรักสมรสพระราชทานบทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง “ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ “มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ” หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!! . . คืนวันเเต่งงาน ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้ “สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ” “ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก “ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ” “เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….” “ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น” ‘ปั่ง!! ‘ เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ.. บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่?? เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่… …………… โรงเตี้ยมฟูหลัว “ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ” “จะพูดถึงนางทำไมกัน” “อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ” “หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย” “ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น” “ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ” สามวันต่อมา หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ… กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง “ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน” “ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก” “ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ” “ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “เอ้?? ” “ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ” “ได้.. ได้เจ้าคะ” หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น สามเดือนผ่านไป หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset