บทที่สี่
รักที่มิอาจหวนมา
…..
สายลมโชยแสงแดดอ่อนๆ เช้านี้เป็นวันฟ้าโปร่งอีกวัน หลังจากที่หยาเหยาได้ประทับตราลงในหนังสือหย่า ข่าวการหย่าขาดของสองตระกูลใหญ่ก็ได้รู้กันไปทั่วทั้งเมือง
เวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงสองเดือนเต็ม ข่าวว่าเผิงอวิ๋นใกล้เดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว หากแต่กำหนดเดิมคือเดือนก่อนแต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จำต้องจัดการปัญหานั้นก่อนที่จะเดินทางกลับมายังเมืองหลว
สำหรับหยาเหยาแล้วเผิงอวิ๋นมาถึงช้าก็ใช่ว่าจะไม่ดี เวลานี้หยาเหยาตัดเย็บชุดไว้ให้เผิงอวิ๋นเป็นชุดนอกถึงเจ็ดชุด….. หากแต่เมื่อเผิงอวิ๋นเดินทางมาถึงล่าช้า และหยาเหยาตัวนางก็ว่างอยู่พอควร จึงจัดการให้ชิงชิง ไปเลือกซื่อผ้าแพรสีขาวมุก สีฟ้าอ่อน มาทำการตัดเย็บเป็นชุดนอนให้เผิงอวิ๋นอีก
ถึงวันที่เผิงอวิ๋นเดินทางมาถึงเมืองหลวง
จะว่ากล้าก็กล้าจะว่ากลัวก็กลัว ไม่พบกันเสียนาน เกอเกอนางจะเปลี่ยนไปเช่นไร จะจดจำนางได้หรือไม่ ยังถือสากับคำพูดไม่รู้ความของนางอยู่หรือไม่…. ใจนางเองก็มิอาจจะสู้หน้าเผิงอวิ๋นได้ นางทำเรื่องน่าอายต่อเขามากมายจริงๆ เป็นสตรีหาญกล้าไปขอบุรุษแต่งงาน
ซ้ำในเวลานี้นางยังเป็นสตรีหม้าย สามีหย่าอีก นางอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอด
ปีหนึ่งขอบุรุษสมรส ปีหนึ่งตกหลุมรักบุรุษอีกผู้หนึ่งด้วยเพียงรอยยิ้มลมๆ นั้น ปีหนึ่งขอพระราชสมรส ปีหนึ่งหย่าขาด
เผิงอวิ๋นหลังจากเข้าเฝ้าฮองเต้ก็เดินทางกลับมาที่จวน โดยในอีกสามวันให้หลังภายในวังหลวงจะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับขณะของเผิงอวิ๋นอย่างยิ่งใหญ่ และจะมีการพระราชทานรางวัลให้ในวันนั้นด้วย
วันนี้กว่าเผิงอวิ๋นจะกลับมาถึงจวนก็ล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์ตกดินไปได้หนึ่งชั่วยามแล้ว หยาเหยาที่นั่งใจตุ่มๆ ต่อมๆ อยู่ที่เรือนรับรอง ก็ใจชาล่าถอยไปเสียแล้ว ก่อนที่นางจะกลับเรือนนอน ได้เลยไปยังเรือนของเผิงอวิ๋น โดยที่ห่างกัน มีเพียงสระบัวขนาดใหญ่ กั้นกลางระหว่างสองเรือน
หยาเหยาดูท่าจะว่างและกังวลใจมาก นางยังนำเศษผ้าที่เหลือจากการตัดชุด มาตัดเย็บเป็นหมอนผ้าแพรสีขาวปักลายดอกกุหลาบสีเงิน…. ที่นางกระทำไปบางทีเพียงขออภัยเผิงอวิ๋นที่สามสี่ปีก่อนนางได้ล่วงเกินเขาไป
นางตัดสินใจแล้วหากเขาไม่ถือโทษโกรธนาง นางจะแสร้งลืมเสียทุกสิ่ง และกระทำตนเป็นเหม่ยเม่ยที่ดีของเขาตลอดไป
ค่ำคืนนั้นหยาเหยาเข้านอนแล้วหากแต่ใจนางก็ยังคงเต้นระรัว…. เขาจะคิดเช่นไรกับสิ่งที่นางเตรียมไว้ให้กับเขา จะใจอ่อนคืนดีกับนางหรือไม่??
เรือนเทียนเหยา
เขาเดินไปยังเตียงนั้น สองมือลูบไปที่หมอนใบนั้น.. สัมผัสที่ให้ทั้งความอบอุ่นและเย็นสบาย
“หยาเหยาข้ากลับมาแล้ว” เผิงอวิ๋นยิ้ม
ไม่ได้เขายังไม่ได้อาบน้ำ นอนไปเช่นนี้สกปรกจะแย่ เผิงอวิ๋นฝืนร่างที่เหนื่อยล้า ไปชำระกายจนเรียบร้อยถึงค่อยขึ้นเตียงกลับมารอนหนุนบนหมอนใบนั้น ใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม และหลับไป
เช้าวันต่อมา
ในขณะที่เผิงอวิ๋นกำลังชำระใบหน้าหลังจากที่ตื่นนอน ก็มีบ่าวหญิงนางหนึ่งได้เดินเข้ามาที่เรือน
“เรียนคุณชาย นายท่านให้ข้าน้อยมาเรียนเชิญท่านไปรับอาหารเช้าที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”
“อืม” เผิงอวิ๋นเพียงยิ้มรับ
ในขณะที่เขากำลังจะหยิบอาภรณ์มาสวม เมื่อเปิดเข้าไปในหีบผ้าก็พบว่า มีเสื้อผ้าใหม่หลายตัว วางอยู่ในหีบใบนั้น “เหยาเหยา” เผิงอวิ๋นยิ้ม
เผิงอวิ๋นเดินไปที่เรือนใหญ่ ระหว่างทางจำต้องเดินผ่านเรือนของหยาเหยา เขาหยุดมองไปที่หลังคาเรือนครู่หนึ่งก็เดินจากไป
ในขณะที่เผิงอวิ๋นเดินทางไปถึงเรือนใหญ่แล้วนั้น เสนาบดีซื่อ และบุตรสาวก้ได้นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ขออภัยที่หลานมาช้า” เผิงอวิ๋นกล่าวอย่างอ่อนน้อม
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้พบกันเสียนาน โตเป้นหนุ่มใหญ่ไปเสียแล้ว” ซื่อเฟิงมู่เอ่ยอย่างเอ็นดู
“ท่านลุงสบายดีหรือไม่? “
“ดีๆ ลุงสุขภาพแข็งแรงว่าแต่เจ้าเถิดเดินทางไกลเพียงนั้น เหนื่อยมากสิท่า ลำบากมากใช่หรือไม่?”
“มีบ้างขอรับแต่หลานก็เต็มใจ ทำงานรับใช้ฝ่าบาทลำบากกายแต่สุขใจขอรับท่านลุง”
“เจ้านี้นะ ฮ่าๆ ๆ” เฟิงมู่ กล่าวอย่างพอใจ
หยาเหยาในตอนนั้นได้เพียงแต่นั่งยิ้มอยู่เงียบๆ ….. วันนี้เผิงอวิ๋นมิได้สวมอาภรณ์ที่นางตัดเย้บไว้ให้ ในใจนางคิดได้แต่เพียงเผิงอวิ่นเคืองนางนัก….. จนมิยอมสวมอาภรณ์ที่นางจัดเตรียมไว้ให้
“เหยาเหยา นิ่งไปเชียวลูก เมื่อก่อนเจ้ามิใช่หรือที่เวลามีเผิงอวิ๋นอยู่ กับพ่อนี้ไม่มีคำพูดแต่กับเผิงอวิ๋นเจ้ากลับพูดจ้อได้ทั้งวัน” เฟิงมู่ยิ้ม
“ตอนนั้นลูกยังเล็กไม่รู้ประสา” หยาเหยายิ้มหวานๆ
“ตอนนี้เจ้าโตขึ้นมาก….. “เผิงอวิ๋นเอ่ย
“อ้อ…. ก็สี่ปีแล้วที่ท่านจากไป”
“สี่ปีแล้ว?? แค่สามปีกว่าๆ เท่านั้น” เผิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น
ที่แท้รอยยิ้มอบอุ่นที่นางปักใจนั้น…… มีเหตุมาจาก เผิงอว่นผู้นี้นี่เอง หยาเหยาราวต้องมนต์สะกดไปชั่วครู่ เผลอใช้สายตามองเผิงอวิ๋นด้วยราวสตรีที่หมายใจในบุรุษ นางแต่นาก้เรียกคืนสติกลับมาทัน นางตั้งใจไว้แล้วจะลืมสิ้น เขาคือพี่ชายของนาง พี่ชายของนาง…….
ดูท่าทางเฟิงมู่ผู้นี้ก้มีบางสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในหัวใจเช่นกัน วันนี้หยาเหยาหย่าขาดสามี เขาจะมิยอมให้หยาเหยาต้องไปผจญกับบุรุษไม่ได้ความที่ไหนอีก บุรุษผู้เดียวที่เขาวางใจนั้นมีเพียงเเต่เผิงอวิ๋นผู้นี้เท่านั้น ซ้ำยังเป็นบุตรชายของสหายรัก