วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก ตอนที่ 3

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0003

บทที่ 1 ไม่มีโลกที่คุ้นเคยสำหรับผู้หวนกลับ (3)

ผู้ชายที่เปิดประตูจากฝั่งคนขับ รีบวิ่งมาหาฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“นี่! วางมันลงเถอะครับ! ถ้าคุณถือไว้อาจเกิดปัญหาได้!”

จากนั้น เขารีบคว้าฟาร์มมิ่งเวิร์มไปและโยนลงพื้น

ฉ่า—

“อ๊า…”

ฝ่ามือของเขาแดงก่ำราวกับโดนน้ำร้อนลวก

สัตว์จากต่างโลกมีพิษเกือบทั้งหมด ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี

ในตอนที่ยังหาวิธีแก้พิษไม่ได้ ฉันต้องทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทุกครั้งที่กินเนื้อสัตว์

เมื่อนึกย้อนกลับไป ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก

“อึก… คุณเป็นอะไรไหม? ต้องขอโทษด้วย ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บ บริษัทของเราจะ… หะ…หือ?”

ฉันกางฝ่ามือให้เขาดู

“ภูมิคุ้มกันพิษสูงสินะครับ… คุณจัดการมันด้วยตัวเองเลยหรือ?”

“ผมบังเอิญอยู่แถวนี้พอดี หลังจากเห็นอุบัติเหตุ ผมตกใจจนเผลอเข้ามายุ่ง”

พนักงานทำตาโตทันที

“ด้วยมือเปล่า…?”

ฉันกระอักกระอ่วน ไม่กล้าตอบสิ่งใดส่งเดช

พนักงานที่ยืนลูบหน้าผาก คอยมองฉันสลับกับฟาร์มมิ่งเวิร์มเป็นระยะ

“โล่งอกไปที… ถ้ามันขุดลงไปใต้ดิน คงเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่”

“แล้วจะทำยังไงกับมันต่อ”

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เป็นแค่คนส่งของน่ะครับ… ผมได้ยินว่าพวกเขากำลังทดลองการทำฟาร์มแบบใหม่”

“ทำฟาร์ม?”

“ข่าวเพิ่งออกไม่ใช่หรือ? ฟาร์มมิ่งเวิร์มจะช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์และบำบัดน้ำทะเล”

จากนั้น เขาก้มมองศพฟาร์มมิ่งเวิร์มด้วยสีหน้ารังเกียจ

“มันบ้ามาก… ผมหมายถึง ก่อนหน้านี้พวกเขายังนำเข้าปลากะพงกับตัวคาปิบาร่าเพื่อทดลองอยู่เลย ตอนนี้กลับหันมาใช้สัตว์อันตราย เฮ้อ… แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมรอดชีวิตมาได้เพราะคุณ… อีกเดี๋ยวคงมีฝ่ายจัดการมานำตัวมันไป”

ฉันพยักหน้าพร้อมกับมองไปทางชาโซฮี ผู้ที่ยืนห่างออกไปและกำลังติดต่อสำนักงานใหญ่

“สรุปก็คือ พลเรือนได้จัดการกับฟาร์มมิ่งเวิร์มไปแล้วค่ะ… เขาเป็นสตอล์กเกอร์ไหมน่ะหรือ? ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ… พิจารณาจากการที่เขาสามารถถือมันด้วยมือเปล่า น่าจะเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันพิษสูงค่ะ”

ดูเหมือนว่าเธอจะจำฉันไม่ได้ อาจเป็นเพราะฉันผมยาวจนเกือบจะกลายเป็นทรงบ๊อบ หรือไม่ก็เพราะผิวเกรียมขึ้น หรือไม่ก็เพราะฉุกละหุกจนไม่ทันได้มองหน้าชัดๆ

“สองปีก่อน หล่อนยังเป็นแค่คนว่างงาน…”

เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเมื่อเห็นเธอกำลังทำงาน

คนที่ชอบทำหน้าบึ้งตึงในตอนนั้น กลายมาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมแล้วสินะ

“ว่าแต่ ผมไปได้หรือยัง?”

“อ้อ ได้ครับ ขอเบอร์ติดต่อด้วยได้ไหม?”

ฉันรีบทิ้งเบอร์ติดต่อและออกจากที่นั่น ก่อนที่ชาโซฮีจะจำหน้าได้

แน่นอน ฉันนำสิ่งนี้ติดตัวมาด้วย

<อวัยวะรับสัมผัสของฟาร์มมิ่งเวิร์ม>

อวัยวะที่จะส่งกระแสไฟฟ้าเบาๆ หากตรวจพบสิ่งมีชีวิตรอบตัว เจ้านี่เคยช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้งสมัยยังอยู่ต่างโลก

ฉันคิดว่าอาจต้องใช้มันในสักวัน จึงนำติดตัวกลับมาด้วย และมองว่าเป็นค่าตอบแทนที่ยุติธรรมแล้ว

หลังจากสร้างระยะห่างมากพอ ฉันส่งข้อความด้วยโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งเปิด

[ฉัน: เฮ้] 1

[ฉัน: เฮ้] 1

[ฉัน: เฮ้ เฮ้ เฮ้] 1

ทันทีที่เลข ‘1’ หายไป นั่นแปลว่าชาโซฮีได้อ่านมันแล้ว

[ชาโซฮี:?]

[ชาโซฮี:??]

เมื่อจินตนาการว่าชาโซฮีกำลังกระวนกระวาย ฉันอดไม่ได้ที่จะขำในลำคอ

ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ?

จากมุมมองของหล่อน โลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี

แต่นั่นก็ไม่ใช่เวลาที่สั้นเหมือนกัน นานพอๆ กับตอนที่ฉันไปเกณฑ์ทหาร

มีหลายสิ่งที่ฉันอยากเล่า แต่ก่อนอื่น มีหนึ่งสิ่งที่ฉันอยากได้ยิน

เธอกำลังทำงานเกี่ยวกับต่างโลกใช่ไหม?

ฉันโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อพบว่าตัวเองสามารถสืบเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายดายกว่าที่คิด

* * *

ขณะกำลังยืนรอหน้าบ้านหลังหนึ่ง ฉันปัดฝุ่นและพ่นยาดับกลิ่นลงบนเสื้อผ้าที่มีกลิ่นฉุนอ่อนๆ

ทันทีที่เห็นสายตาจ้องเขม็งมาจากกลางถนน ฉันอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม

“นี่นาย…?”

ชาโซฮีอ้าปากค้าง มิอาจกล่าวคำใดออกมา

“…นี่มันเรื่องบ้าอะไร?”

“หลังจากไม่ได้เจอกันสองปี นี่คือคำทักทายของเพื่อนที่คบกันมายี่สิบปี?”

“…นายคือคนที่ฉันรู้จักจริงๆ ใช่ไหม?”

ฉันพยักหน้าพร้อมกับอธิบายสถานการณ์อย่างคร่าว

“เป็นนายจริงๆ … ไม่สิ ก่อนหน้านั้น นายจัดการกับฟาร์มมิ่งเวิร์มด้วยมือเปล่าได้ยังไง? ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่? ฉันสับสนไปหมดแล้ว!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้สองมือกุมหัวพร้อมกับส่ายไปมา ฉันยืนยันได้ทันทีว่า นิสัยของหล่อนไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

นั่นสินะ ระยะเวลาแค่สองปีคงไม่ทำให้คนเราเปลี่ยนไปมากนัก

ฉันกับชาโซฮีตกลงแวะไปที่บาร์ใกล้ๆ

เบียร์สินะ…. ได้ดื่มครั้งสุดท้ายเมื่อไรแล้ว?

เบียร์อร่อยมาก ขณะกระดกเบียร์ในแก้วครึ่งลิตรรวดเดียวหมด ฉันเพลิดเพลินไปกับความเย็นที่แล่นผ่านหลอดอาหาร

“…ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ไอ้สารเลว”

“นี่คือสีหน้าของคนที่เป็นห่วง? อยากร้องไห้ชะมัด”

“นายสำคัญตัวเองเกินไป”

หลังจากพูดคุยสัพเพเหระอยู่สักพัก ฉันเข้าประเด็นทันที

“เธอทำงานให้บริษัทอะไร? ทำไมถึงมีการขนสัตว์ประหลาด? เหมือนกับพวกเม็นอินแบล็กน่ะหรือ?” (Men In Black)

“บริษัทวิจัยและจัดแสดงสัตว์จากต่างโลก ในเกาหลีมีอยู่พอสมควร เพราะหนึ่งในสองประตูมิติโซนเอเชีย เปิดขึ้นใจกลางกรุงโซล”

“เหมือนกับ OWIC ใช่ไหม? ฉันเคยเจอนักวิจัยของพวกเขา”

“OWIC เป็นบริษัทในเครือรัฐบาล เกือบจะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว แต่ของฉันเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ …. แถมยังใกล้จะถูกไล่ออกเต็มที”

“หมายความว่ายังไง ใกล้จะโดนไล่ออก?”

“การเมืองภายในบริษัทรุนแรงมาก ครั้งนี้ฉันถูกมอบหมายให้สำรวจต่างโลก”

เดินทางไปยังต่างโลก?

“แล้วพิษล่ะ?”

“มีคนจำนวนไม่นอนที่สามารถรอดชีวิตจากพิษ ถึงจะยังมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อภารกิจ… เครื่องตรวจจับคุณภาพสูงถูกพัฒนามาได้สักระยะแล้ว”

ต่อให้ปัญหาด้านพิษหมดไป แต่ก็ไม่ผิดไปจากที่นักวิจัยของ OWIC พูดไว้

ต่างโลกยังคงเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์ ถ้าแม้แต่บริษัทหิวเงินยังไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม นั่นคือคำตอบในตัวเองแล้ว

“เป็นวิธีบีบให้ลาออกน่ะ นิยมทำในวงการบริษัทต่างโลก พนักงานต้องเลือกว่าจะลาออกหรือถูกส่งไปนรก… เป็นภารกิจสำรวจรอบนอกป่าเบอร์มิวด้าตะวันออก… เฮ้อ”

“…”

“เลิกพูดเรื่องงานดีกว่า เสียบรรยากาศชะมัด”

พูดจบ ชาโซฮีส่ายหน้า

ฉันทราบได้ทันทีว่า กฎของโลกยังคงไม่แปรเปลี่ยนแม้จะผ่านไปสองปี

แถมสังคมยังพัฒนาไปในทิศทางที่แปลกประหลาดและโหดร้ายขึ้น

“ฉันอยากฟังเรื่องของนายมากกว่า เอาตัวรอดในต่างโลกได้ยังไงตั้งสองปี?”

“อย่างน้อยหกปีต่างหาก และนานกว่านี้สองถึงสามเท่า ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมบนโลกถึงผ่านไปแค่สองปี…”

“…นายทำได้ยังไง?”

คังซอนฮูหยิบปึกสมุดบันทึกเล่มใหญ่และหนาออกจากกระเป๋า

“เล่มละประมาณเจ็ดร้อยหน้า”

“นี่คือ?”

“ไดอารีในต่างโลกของฉัน”

หมับ

ได้ยินเช่นนั้น หล่อนรีบหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างกระตือรือร้น

ช่วงแรกเขียนขึ้นระหว่างที่ฉันอาศัยอยู่ในเมืองต่างโลก ส่วนใหญ่เป็นการเรียนภาษาต่างโลก ซึ่งในตอนนี้รู้แล้วว่ามันชื่อภาษารูน

ส่วนที่สองบรรยายเกี่ยวกับชีวิตคนป่า

ความรู้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสัตว์และพืชในต่างโลก เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเอาตัวรอด

“สมุดพวกนี้ นายพกติดตัวไปต่างโลกด้วยหรือ?”

“เปล่า… หลังจากถูกลากไปต่างโลก พวกมันก็อยู่ในกระเป๋าของฉันแล้ว”

“สามเล่ม เล่มละเจ็ดร้อยหน้า? ตีคร่าวๆ ก็หกกิโลกรัม… นายมีเรื่องเล่าเยอะเหมือนกันนะ”

กรัมเปรียบดัง ‘กิโล’ กรัม

นี่คือวลียอดนิยมของชาวนักสำรวจ มีความหมายว่า ‘อย่าเพิกเฉยต่อน้ำหนักหนึ่งกรัมที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยไม่มีที่มา การต้องแบกมันไปไหนมาไหนจะทำให้รู้สึกหนักไม่ต่างจากหนึ่งกิโลกรัม’ หรืออะไรทำนองนั้น

“สรุปก็คือ นายบังเอิญค้นเจอปึกสมุดบันทึกเล่มหนาๆ ในกระเป๋าตัวเอง?”

อันที่จริง นั่นเป็นคำถามที่ฉันเคยสงสัยสมัยอยู่ต่างโลก แต่เนื่องด้วยสภาพแวดล้อม จึงไม่มีโอกาสได้ขบคิดหาคำตอบ

“เมื่อเขียนหน้าสุดท้ายของสมุดจนเต็ม ฉันก็ถูกส่งกลับโลกทันที”

“นั่นมัน…”

มีโอกาสสูงที่จะไม่ใช่การเผลอหยิบติดตัวไป แต่เป็นวัตถุที่ส่งฉันไปต่างโลก

แน่นอน นั่นยังเป็นแค่การคาดเดา

แต่เรื่องนั้นใครสน? ในเมื่อกลับมาที่โลกแล้ว และโลกเปลี่ยนไปขนาดนี้ หมายความว่าข้อมูลในสมุดบันทึกย่อมต้อง…

“…สุดยอด แถมนี่ไม่ใช่ข้อมูลแค่สองปี”

ถูกต้อง มันเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

ชาโซฮีกวาดสายตาอ่านลวกๆ หนึ่งรอบ จากนั้นก็วกกลับไปอ่านเล่มแรก

“นี่ภาษาอะไร? นายเรียนมาจากต่างโลกใช่ไหม?”

“ไม่รู้เหมือนกัน… ดูเหมือนว่าจะชื่อรูนหรืออะไรสักอย่าง”

“นี่คือภาษารูน? ฉันไม่เคยเห็นมันในรูปตัวหนังสือมาก่อน… เดี๋ยวนะ นายเรียนภาษารูนจากต่างโลก?”

“ไม่ได้เรียน แค่พยายามเรียน… ในเมืองที่ฉันไปอยู่ ทุกคนใช้ภาษานี้กันหมด ก็เลยคิดว่าเป็นภาษาถิ่นทั่วไป”

แต่ถ้าอ้างอิงจากช่องยูทูปที่ดูเมื่อเช้า มันคือภาษาพิเศษที่แม้แต่ชาวต่างโลกก็แทบไม่ใช้กัน

“…ห้ามพูดเรื่องนี้ที่ไหนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเม็นอินแบล็กจะบุกมาขโมยไป”

“สำคัญขนาดนั้นเชียว?”

“หลายฝ่ายคาดกันว่า ภาษารูนถูกใช้โดยกลุ่มจอมเวทต่างโลก อาจเป็นความลับของเวทมนตร์… อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”

“ทำนองนั้น?”

“เรื่องเหลวไหลทั้งเพ… ต่างโลกก็ใช้วิทยาศาสตร์เหมือนกัน จะไปมีพลังอยู่ในภาษาได้ยังไง? แค่พูดว่า ‘ไฟ’ แล้วไฟจะลุกเลยหรือไง? ไม่ใช่เกมที่เคยเล่นตอนเด็กๆ สักหน่อย”

“…”

“ไม่ใช่แค่นั้น รัฐบาลยังจัดสรรงบประมาณให้สถาบันวิจัยเรื่องนี้โดยเฉพาะ… ประเทศนี้สติแตกกันไปหมดแล้ว”

“แล้ว… มีใครเคยทำสำเร็จไหม?”

“ไม่มี… พวกนั้นเอาแต่พล่ามคำเดิมๆ อย่าง ซีรึม! ซีรึม! ซีรึม! มอร์ส! มอร์ส! แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮ้อ… พอ เหนื่อย”

ฉันพยายามปั้นหน้าขรึม แต่ในใจแทบกลั้นขำไม่อยู่

ชาโซฮีจ้องฉันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง จากนั้นก็กลับไปมองสมุดบันทึก

เป็นเล่มที่รวบรวมคำศัพท์ – ศัพท์ฉันที่พยายามศึกษาอย่างยากลำบากในปีแรก

“ว่าแต่ พวกนี้เป็นภาษารูนทั้งหมดเลยหรือ? แล้วเนื้อหาหลังจากนั้น… ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับต่างโลก?”

“ใช่ ฉันเขียนจากประสบการณ์ตรง”

“เยอะชะมัด…”

ชาโซฮีกลอกตามองบนพลางปิดหนังสือ

อารมณ์มากมายถูกแสดงผ่านสีหน้า

เธอจะกลอกตาแบบนี้ในเวลาที่มีสาวสวยกลุ่มใหญ่เดินผ่าน หรือไม่ก็กำลังวางแผนบางอย่าง เป็นประเภทที่โกหกใครไม่ได้

“นี่ซอนฮู…”

นั่นปะไร เธอเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทันที

“ขอโทษที่พูดแบบนี้หลังจากนายเพิ่งกลับมา แต่ในเมื่อมีคู่มือแล้ว นายช่วยฉันสำรวจต่างโลกได้ไหม…”

“…ข้อเสนอล่ะ”

“นี่! เพื่อนนายกำลังคับขันนะ! ข้อเสนออะไรกัน? อยากโดนสักหมัดหรือ?”

“ไก่อร่อยดีนะ”

“…มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

แค่น้ำเสียงก็ตอบทุกอย่างแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ชาโซฮีเป็นพวกอ่อนไหวต่อศีลธรรม ถึงจะพูดแก้เขินไปแบบนั้น แต่ฉันทราบดีว่าเธอรู้สึกผิดกับคำขอร้องของตัวเอง

ต่อให้แลกด้วยชีวิต เธอก็ไม่มีทางใช้งานฉันฟรีๆ

ไม่ได้เพิ่งเป็นเพื่อนกันแค่ปีสองปีสักหน่อย

“ไม่ใช่การสำรวจที่เสี่ยงอะไร แต่ถ้าทำสำเร็จ โบนัสคือสามร้อย ฉันยกให้นายทั้งหมด”

“อาฮะ…”

“ถ้าเราไปถึงที่นั่น จะหยิบอะไรติดมือกลับมาก็ได้”

“ได้ตามใจชอบ?”

“ไม่เชิง แต่ต่างโลกไม่มีกล้องวงจรปิดใช่ไหมล่ะ?”

“กำลังจะบอกว่า ให้ทำแต่พอดีๆ ใช่ไหม”

“ใช่ บริษัทเองก็รู้เรื่องนี้และยอมหลับตาให้ข้างหนึ่ง… ฉันยกส่วนของฉันให้นาย อาจจะได้ห้าสิบถึงหนึ่งร้อยถ้าโชคดี”

“แค่นี้เองหรือ”

“…คูปองดื่มฟรีหนึ่งใบ”

“นี่มุกใช่ไหม”

“นี่… เห็นใจกันหน่อย ฉันทุ่มหมดหน้าตักแล้วนะ”

แน่นอน ฉันแค่อำเธอเล่น

ถึงจะไม่รู้ว่าที่นั่นอันตรายแค่ไหน แต่ถ้าเปิดให้พลเรือนเข้าไปสำรวจ ก็คงอยู่ในระดับที่ฉันพอจะกระเดือกไหว

ไม่ว่าป่าในต่างโลกจะอันตรายเพียงใด แต่ก็ยังปลอดภัยถ้ารักษากฎอย่างเคร่งขัด ที่ผู้คนหวาดกลัวก็เพราะไม่รู้กฎดังกล่าว

“ฟังแผนเลยไหม? ลองฟังดูแล้วมาถกกัน ฉันอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”

เธอหยิบแท็บเล็ต PC ออกจากกระเป๋า การนัดดื่มที่บอกว่าจะไม่คุยเรื่องงาน กลายเป็นการประชุมธุรกิจในทันที

“ออกเดินทางจันทร์หน้า… กำหนดการสามวัน พิกัดก็คือ… จริงสิ ฉันเอาแผนที่ของบริษัทมาด้วย”

ในตอนแรก ฉันมองเป็นแค่เรื่องเล็ก

แต่หลังจากได้ดูและฟังเนื้อหาทั้งหมด…

“นี่คือตัวอย่างรายงานที่เราต้องส่ง และนี่คือข้อควรระวัง ลองอ่านดูสิ”

กระแสความคิดของฉันเกิดการปั่นป่วนทันที

“…ฉันจะไม่ทำตามนี้”

“หือ?”

ดูเหมือนว่า คนในยุคปัจจุบันจะเข้าใจต่างโลกน้อยกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

“ความเข้าใจของเธอมันผิดทั้งหมด… สรุปแล้วบริษัทของเธอรู้อะไรบ้าง?”

เพื่อที่จะอยู่รอด ฉันสะสมความรู้เกี่ยวกับต่างโลกไว้ในหัวเสมอ

และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะดึงมันออกมาจากชั้นหนังสือในจิตใต้สำนึก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก , 고인물은 이계가 너무 쉽다
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก หลังจากเอาตัวรอดในต่างโลกอย่างยากลำบากเป็นเวลานาน ในที่สุดคังซอนฮู นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็มีโอกาสได้กลับมายังโลกมนุษย์ แต่กลับต้องพบว่า เวลาบนโลกเพิ่งผ่านไปเพียงสองปี และการสำรวจต่างโลกนั้นแทบไม่มีความคืบหน้าเลย ผู้คนแทบไม่มีข้อมูลของต่างโลก ไม่เพียงเท่านั้น ภาษารูนที่มนุษย์โลกสรรเสริญประหนึ่งเวทมนตร์ คังซอนฮูกลับใช้มันได้อย่างชำนาญราวกับภาษาแม่ แถมยังมีแวมไพร์สาวสวยปริศนา ผู้สามารถมองเห็น 'โฉม' ของดวงวิญญาณได้อีก ที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตแบบใดกันแน่ และสิ่งใดอยู่เบื้องหลังการดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดหลายปีของเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset